ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ฐานข้อมูล เรื่อง เพลงกล่อมเด็กนครไตรตรึงษ์"
Admin (คุย | มีส่วนร่วม) |
Admin (คุย | มีส่วนร่วม) |
||
(ไม่แสดง 21 รุ่นระหว่างกลางโดยผู้ใช้คนเดียวกัน) | |||
แถว 365: | แถว 365: | ||
'''1.1 ด้านรูปแบบ''' | '''1.1 ด้านรูปแบบ''' | ||
เพลงกล่อมเด็กที่ปรากฏนั้นไม่มีรูปแบบคําประพันธ์ตายตัว มีสัมผัสคล้องจองมากบ้างน้อย บ้าง ส่วนใหญ่มีลักษณะคล้ายกับกลอนทั่วไป มีสัมผัสระหว่างวรรค ใช้ถ้อยคําเรียบง่าย ไม่มีทํานอง ตายตัว ในส่วนความยาวของเพลงแต่ละเพลงมีไม่เท่ากัน กําหนดแน่นอนไม่ได้ ผู้ร้องอาจขยายออกไป ได้เรื่อยๆ หรือตัดให้สั้นเข้าก็ได้ โดยมีคําเห่กล่อมแทรกเป็นระยะ เช่น เอย เอ๊ย เอเอ้ โอละเห่ เป็นต้น ตัวอย่าง : รูปแบบเพลงกล่อมเด็ก | เพลงกล่อมเด็กที่ปรากฏนั้นไม่มีรูปแบบคําประพันธ์ตายตัว มีสัมผัสคล้องจองมากบ้างน้อย บ้าง ส่วนใหญ่มีลักษณะคล้ายกับกลอนทั่วไป มีสัมผัสระหว่างวรรค ใช้ถ้อยคําเรียบง่าย ไม่มีทํานอง ตายตัว ในส่วนความยาวของเพลงแต่ละเพลงมีไม่เท่ากัน กําหนดแน่นอนไม่ได้ ผู้ร้องอาจขยายออกไป ได้เรื่อยๆ หรือตัดให้สั้นเข้าก็ได้ โดยมีคําเห่กล่อมแทรกเป็นระยะ เช่น เอย เอ๊ย เอเอ้ โอละเห่ เป็นต้น ตัวอย่าง : รูปแบบเพลงกล่อมเด็ก | ||
− | < | + | <p style="text-indent: 11em;">'''เพลงเจ้าเนื้อเย็น'''</h3> |
{| class="wikitable" | {| class="wikitable" | ||
|- | |- | ||
− | | <p style="text-indent: 2.5em;">(เอยหนอ) เจ้าเนื้อเย็น เอย || <p style="text-indent: 2.5em;"> แม่มิให้ลูกไปเล่น | + | |<p style="text-indent: 2.5em;">(เอยหนอ) เจ้าเนื้อเย็น เอย || <p style="text-indent: 2.5em;"> แม่มิให้ลูกไปเล่น เอย |
− | |||
− | |||
|- | |- | ||
− | | ท้องคลองนะแม่คุณ || <p style="text-indent: 2.5em;"> เอ เฮ้ เอ๊ย โอเพ่ | + | |ในท้องคลองน้ำมันมากนะ ||<p style="text-indent: 2.5em;"> มันจะพาเจ้าลอยล่อง เอย |
+ | |- | ||
+ | |ท้องคลองนะแม่คุณ || <p style="text-indent: 2.5em;"> เอ เฮ้ เอ๊ย โอเพ่ </h3> | ||
+ | |} | ||
+ | |||
+ | {| class="wikitable" | ||
+ | |- | ||
+ | |<p style="text-indent: 2.5em;">0000 || <p style="text-indent: 2.5em;"> 000000 | ||
+ | |- | ||
+ | |000000 ||<p style="text-indent: 2.5em;"> 000000 | ||
+ | |- | ||
+ | |000000 || <p style="text-indent: 2.5em;"> 000000 </h3> | ||
|} | |} | ||
+ | '''1.2 ด้านเนื้อหา''' | ||
+ | จากการเก็บข้อมูลเพลงกล่อมเด็กของตําบลไตรตรึงษ์จํานวน 28 เพลง พบว่าเนื้อหามีความ ใกล้เคียงกันกับเพลงกล่อมเด็กของภาคกลาง ซึ่งมีผู้ศึกษาหลายท่านได้แบ่งประเภทเนื้อหาตาม ลักษณะและมุมมองอันหลากหลายกันออกไป ซึ่งในการวิจัยครั้งนี้ผู้วิจัยได้จําแนกประเภทเนื้อหาตาม ลักษณะของเพลงกล่อมเด็กที่ปรากฏดังต่อไปนี้ | ||
+ | '''1.2.1 เรื่องราวเกี่ยวกับวรรณกรรม / นิทาน''' ในบางบทเพลงนั้นได้เค้าโครงเรื่องมาจาก เรื่องราวจักร ๆ วงศ์ ๆ หรือเรื่องเล่า - นิทานพื้นบ้าน โดยเนื้อหาดังกล่าว พบว่ามีจํานวน 4 เพลง ได้แก่ | ||
+ | • เพลงลิ้นทอง | ||
+ | • เพลงนางประทุม | ||
+ | • เพลงนางชะนี | ||
+ | • เพลงวัดโบสถ์ (1) | ||
+ | <p style="text-indent: 8.8em;">'''ตัวอย่าง : เพลงกล่อมเด็ก'''</h3> | ||
+ | <p style="text-indent: 11em;">'''เพลงนางประทุม '''</h3> | ||
+ | {| class="wikitable" | ||
+ | |- | ||
+ | | แม่จะขอกล่าวเรื่องราวเอย.. || นางประทุมรูปสวยรวยละลุ่มเอย.. | ||
+ | |- | ||
+ | | เจ้าเกิดในพุ่มบุษบา || ฤาษีเลี้ยงไว้เติบใหญ่ขึ้นมา | ||
+ | |- | ||
+ | | ฤาษีไปป่านางก็ร้อยพวงมาลัย || ลอยแก้ว.ลอยแก้ว | ||
+ | |- | ||
+ | | นางแก้วก็พิษฐานไปเนื้อคู่อยู่ที่ไหน || ให้พวงมาลัยสวมคอ | ||
+ | |- | ||
+ | | ให้มาร่วมฟูกร่วมหมอน || มาร่วมที่นอนกับนาง | ||
+ | |} | ||
+ | '''1.2.2 เกี่ยวกับการแสดงความรักของพ่อแม่ที่มีต่อลูก''' เป็นการแสดงถึงความเอื้ออาทร การเอาอกเอาใจ การดูแลเอาใจใส่ รวมถึงการปลอบใจเด็กเพื่อให้รู้สึกอุ่นใจ สังเกตคําที่ใช้เรียกแทนตัว ลูกในบทกล่อม มักจะใช้คําว่า เจ้าเนื้ออ่อน เจ้าเนื้อนิ่ม เจ้าเนื้อเย็น แม่เนื้ออุ่น เจ้างามเจ้าร้อยชั่ง เจ้าประเสริฐ เป็นการบ่งบอกถึงความเอ็นดูรักใคร่และทะนุถนอม ซึ่งจากการวิจัยครั้งนี้พบว่ามีจํานวน 8 เพลง ได้แก่ (สุวรรณี ทองรอด, 2551) | ||
+ | • เพลงเจ้างามประเสริฐ | ||
+ | • เพลงเนื้อเย็น (1) | ||
+ | • เพลงเนื้อเย็น (2) | ||
+ | • เพลงแม่เนื้ออุ่น (1) | ||
+ | • เพลงแม่เนื้ออุ่น (2) | ||
+ | • เพลงแม่เนื้ออ่อน (1) | ||
+ | • เพลงแม่เนื้ออ่อน (2) | ||
+ | • เพลงเจ้าร้อยชั่ง | ||
+ | <p style="text-indent: 5.3em;">'''ตัวอย่าง : เพลงกล่อมเด็ก'''</h3> | ||
+ | <p style="text-indent: 8em;">'''เพลงวัดนอก '''</h3> | ||
+ | {| class="wikitable" | ||
+ | |- | ||
+ | |วัดเอยวัดนอก.. เอย || มีแต่ดอกเอ๋ยแคแดง | ||
+ | |- | ||
+ | | ตกต่ำก็ยิ่งแพง.. เอย || สาวน้อยจะห่ม.. เอย สีชมพู | ||
+ | |- | ||
+ | | เจ้าก็มีผัวแล้ว เอย || จะแต่งไปให้เอย.. หนอ.. ใครดู | ||
+ | |- | ||
+ | | แต่งตัวไปล่อชู้.. เอย || เขารู้กันเสียเต็มใจ..เอย | ||
+ | |} | ||
+ | '''1.2.4 เกี่ยวกับการปลอบขวัญทําให้เกิดความเพลิดเพลิน''' เป็นการใช้ท่วงทํานองและ เนื้อหาที่เป็นการปลอบประโลม ในขณะเดียวกันก็เกิดความสนุกสนาน เมื่อฟังแล้วเกิดความเพลิดเพลิน โดยหยิบยกสิ่งที่เห็นได้ทั่วไปในธรรมชาติหรือในชีวิตประจําวัน เช่น การละเล่นพื้นบ้าน ช้างน้อย นก กาเหว่า นกเขา นกขมิ้น เป็นต้น ซึ่งจากการวิจัยครั้งนี้พบว่ามีจํานวน 8 เพลง ได้แก่ | ||
+ | • เพลงคล้องช้าง | ||
+ | • เพลงวัดโบสถ์ (2) | ||
+ | • เพลงนกกาเหว่า | ||
+ | • เพลงนกเขา (1) | ||
+ | • เพลงนกเขา (2) | ||
+ | • เพลงนกขมิ้น | ||
+ | • เพลงสู้ควาย | ||
+ | • เพลงโยทิง | ||
+ | <p style="text-indent: 5.6em;">'''ตัวอย่าง : เพลงกล่อมเด็ก'''</h3> | ||
+ | <p style="text-indent: 8em;">'''เพลงคล้องช้าง '''</h3> | ||
+ | {| class="wikitable" | ||
+ | |- | ||
+ | | เอ.. เฮ้ย วันเอยวันนี้เอย || แม่ว่าเอย..จะไปคล้องช้าง | ||
+ | |- | ||
+ | | ข้ามห้วยบึงบาง || ข้ามเขาพนมทอง | ||
+ | |- | ||
+ | | คล้องช้างนี่มาได้เอย || แม่ใส่ไว้เอย...ที่ในซอง | ||
+ | |- | ||
+ | | เกี่ยวหญ้านี่มากองเอย || ช้างน้อยเอย..ก็ไม่กิน | ||
+ | |- | ||
+ | | ยกเอยงวงขึ้นพาดงาเอย || น้ำตาก็ไหลเอย ..อยู่ริน..ริน | ||
+ | |- | ||
+ | | ช้างน้อยก็ไม่กินเอย || เพราะคิดถึงถิ่นเอย..มารดา | ||
+ | |} | ||
+ | อนึ่งจากการเก็บข้อมูลในครั้งนี้วิทยากร (นางสาวสุขศรี สิทธิ) ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติมที่ น่าสนใจว่าบทเพลงกล่อมเด็กนั้น หากเป็นการร้องกล่อมในเวลากลางคืนจะแตกต่างจากการร้องกล่อม ทั่วไปในเวลากลางวัน นั่นคือ การร้องกล่อมในเวลากลางคืนจะไม่นิยมใช้เพลงที่จังหวะช้าเนิบ เสียง เย็น ๆ เสียงโหยหวนและเสียงนุ่มนวล (โดยมาจากความเชื่อเกี่ยวกับการห้ามร้องเพลงในเวลากลางคืน ซึ่งบางถิ่นเชื่อว่าเป็นการเรียกสิ่งชั่วร้าย ภูตผีปีศาจเข้าบ้าน) | ||
+ | ดังนั้นจะเห็นได้ว่าบทเพลงกล่อมเด็กที่ใช้ในเวลากลางคืนจะใช้เป็นบทร้อยกรองหรือคําคล้อง จองที่มีจังหวะสนุกสนานหรือฟังแล้วเกิดความเพลิดเพลิน ซึ่งอาจมีเหตุผลมาจากเวลาร้องกล่อมจะได้ ไม่ฟังดูวังเวง ไม่น่ากลัว บทเพลงกล่อมเด็กที่นิยมร้องในเวลากลางคืน เช่น เพลงขนมลูกโยน เพลง โยทิง เพลงสู้ควาย เพลงโอ้ละทึก เป็นต้น | ||
+ | ==='''ยุค/สมัย/วันเดือนปีที่ประพันธุ์'''=== | ||
+ | การศึกษาประวัติความเป็นมาของตำบลไตรตรึงษ์ อำเภอเมือง จังหวัดกำแพงเพชร พบว่า เมืองไตรตรึงษ์เป็นท้องถิ่นที่ตั้ง ของเมืองโบราณที่มีอยู่จริงและเป็นเมืองสำคัญมาตั้ง แต่สมัยทวารวดี คือเมื่อประมาณพุทธศตวรรษที่ 15 และมีร่องรอยของความเจริญทั้ง ในสมัยสุโขทัย สมัยอยุธยา จวบจนถึงสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น มีการปรากฏหลักฐานจากโบราณสถานอย่างชัดเจน เช่น เจดีย์วัดพระธาตุเจดีย์วัดเจ็ดยอด ซึ่งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) ได้เสด็จประพาสเมื่อ พ.ศ.2449 และมีพระราชวินิจฉัยถึงประวัติความเป็นมาและลักษณะของศิลปกรรมไว้ในจดหมายเหตุเสด็จประพาสต้นครั้ง ที่ 2 ในครั้ง นั้น (สันติ อภัยราช, 2551, หน้า 26) | ||
− | + | =='''ข้อมูลการสำรวจ'''== | |
+ | จากการสัมภาษณ์ สุขศรี สิทธิ พบว่าด้วยเรื่องราวของเพลงกล่อมเด็กที่มีมาแต่ช้านานเป็นที่สืบทอดต่อมากันเป็นรุ่นๆ ซึ่งมีการใช้กันน้อยมากแตกต่างจากเมื่อก่อนที่ร้องกันทุกบ้าน ในตอนนี้มีสื่ออิเล็กทรอนิกส์เข้ามาไม่ว่าจะเป็น ยูทูป อื่นๆ เป็นต้น ได้ทำให้คนในยุคนี้ได้ลืมเพลงกล่อมเด็กลงไปผู้เขียนจึงอยากให้มีการใช้เพลงกล่อมเด็กกันมากขึ้นจึงทำบทความนี้ขึ้นมาเพื่อรักษาและอนุรักษ์เพลงกล่อมเด็กไตรตรึงษ์นี้ไว้ | ||
+ | ==='''แหล่งอ้างอิง'''=== | ||
+ | สันติ อภัยราช. (2551). ''นครไตรตรึงษ์.'' กำแพงเพชร: สภาวัฒนธรรมจังหวัดกำแพงเพชร | ||
+ | สุวรรณี ทองรอด. (2551). ''การศึกษาวิเคราะห์เพลงกล่อมเด็กตําบลไตรตรึงษ์ อำเภอเมือง จังหวัด กำแพงเพชร'' (รายงานวิจัย). โรงพิมพ์: กำแพงเพชร | ||
+ | ==='''วันเดือนปีที่สำรวจ'''=== | ||
+ | 3 ตุลาคม 2564 | ||
+ | ==='''วันปรับปรุงข้อมูล'''=== | ||
+ | 1 พฤศจิกายน 2564 | ||
+ | ==='''ผู้สำรวจข้อมูล'''=== | ||
+ | ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ศุภโชคชัย นันทศรี, ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.พธูรำไพ ประภัสสร, อาจารย์วนัสนันท์ นุชนารถ, อาจารย์ ดร.พิมพ์นารา บรรจง และอาจารย์ธนธรณ์ แจ้งโม้ สำนักศิลปะและวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏกำแพงเพชร | ||
+ | ภัทรพงษ์ สุนันทิพย์ และ ไวทยวิทย์ น้อยใหม่ นักศึกษาโปรแกรมวิชานิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏกำแพงเพชร | ||
+ | ==='''คำสำคัญ'''=== | ||
+ | เพลงกล่อมเด็ก, ตำบลไตรตรึงษ์, เพลงกล่อมเด็กไตรตรึงษ์ |
รุ่นแก้ไขปัจจุบันเมื่อ 13:26, 22 มีนาคม 2565
เนื้อหา
ข้อมูลทั่วไป[แก้ไข]
ชื่อวรรณกรรม/บทเพลง/บทกวี[แก้ไข]
เพลงกล่อมเด็กนครไตรตรึงษ์
ผู้แต่ง[แก้ไข]
ไม่ปรากฏหลักฐานผู้แต่ง แต่จากการศึกษาขึ้นอยู่กับการบอกเล่าของแต่ละเพลงที่บอกเล่ากันมาผ่านทางมุขปาฐะ
สถานที่ค้นพบวรรณกรรม/บทเพลง/บทกวี[แก้ไข]
เพลงกล่อมเด็กตำบลไตรตรึงษ์ อำเภอเมือง จังหวัดกำแพงเพชร สามารถรวบรวมเพลงกล่อมเด็กจากหมู่ที่ 4 บ้านวังพระธาตุ และหมู่ที่ 7 บ้านไตรตรึงษ์ รวมทั้งสิ้น 28 เพลง จากการศึกษาเพลงกล่อมเด็กตำบลไตรตรึงษ์ พบว่า มีลักษณะใกล้เคียงกับเพลงกล่อมเด็กของภาคกลางมากที่สุด ทั้ง ในด้านรูปแบบ เนื้อหา และภาษา จะมีลักษณะเนื้อหาของเพลงกล่อมเด็กภาคกลางโดยทั่วไปมีเนื้อร้องคล้ายบทร้อยกรองแต่ในวรรคแรกมักกล่าวถึง สิ่งที่นำมาขับกล่อม และ ลงท้ายด้วยคำว่า “เอย” “เจ้านกเขาเอย” “เจ้านกเอี้ยงเอย” “เจ้ากาละเกดเอย” ฯลฯ แสดงให้เห็นว่าชาวบ้านไตรตรึงษ์มีวัฒนธรรมร่วมกับคนภาคกลางมากกว่าภาคอื่น ๆ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความคล้ายคลึงทางวัฒนธรรมเช่น เรื่องภาษา อาหารการกิน การแต่งกาย วิถีชีวิต สภาพสังคม ตลอดจนความคิดความเชื่อ เป็นต้น
ความเป็นมา[แก้ไข]
เพลงกล่อมเด็กเป็นบทเพลงที่จัดอยู่ในเพลงพื้นบ้านโดยมีจุดประสงค์ใช้ร้องกล่อมเด็กหรือปลอบเด็กเพื่อให้เด็กนอนหลับ การร้องเพลงกล่อมเด็กมักสืบทอดกันมาด้วยวิธีการจดจำจากรุ่นสู่รุ่น เป็นส่วนหนึ่งของวรรณกรรมมุขปาฐะ โดยใช้ภาษาเป็นเครื่องมือในการถ่ายทอดที่สำคัญ ส่วนเนื้อหาและท่วงทำนองจะแตกต่างกันตามลักษณะท้องถิ่นนั้นๆ เช่น เพลงกล่อมเด็กในภาคเหนือเรียก “เพลงอื่อลูก” ภาคอีสานเรียก “เพลงนอนสาหล่า” “เพลงนอนสาเดอ” ภาคกลางเรียก “เพลงกล่อมเด็ก” “เพลงกล่อมลูก” ภาคใต้เรียก “เพลงชาน้อง” “เพลงร้องเรือ” เป็นต้น เรื่องราวเฉพาะเกี่ยวกับเพลงกล่อมเด็กของตำบลไตรตรึงษ์ อำเภอเมือง จังหวัดกำแพงเพชร พบว่ามีมาดั้งเดิมแต่ครั้งอดีตโดยผูกพันกับวิถีชีวิตของคนในชุมชนมาช้านาน โดยเพลงที่ร้องกล่อมนั้นสามารถสะท้อนให้เห็นถึงวัฒนธรรมการเลี้ยงลูกของคนไทยในแถบภาคกลางสะท้อนความเป็นอยู่ ความเชื่อ วิธีคิดตลอดจนโลกทัศน์ของชาวบ้านไตรตรึงษ์ได้เป็นอย่างดี บทเพลงกล่อมเด็กเป็นเพลงที่ใช้คำง่าย ๆ ไพเราะ ใช้ภาษาในท้องถิ่นที่ตนอาศัยอยู่ มีเนื้อหาแสดงความรักและความผูกพันของแม่กับลูก สะท้อนวิถีชีวิตความเป็นอยู่ทางวัฒนธรรมการเลี้ยงลูกของคนไทยที่ให้เด็กนอนเปลสาย โดยแม่หรือคนในครอบครัวขับร้องเพลงกล่อมมีทั้ง ขู่ทั้ง ปลอบ และร้องเล่านิทาน เพื่อให้เด็กเพลิดเพลินนอนหลับได้เร็วขึ้น บทเพลงที่ร้องนั้นช่วยกระตุ้นพัฒนาการและช่วยอบรมกล่อมเกลาเด็กมาแต่เยาว์วัย และสามารถช่วยให้เกิดความรักความผูกพันระหว่างแม่กับลูกได้เป็นอย่างดี อีกประการหนึ่งจะเห็นว่าในการดำเนินชีวิตประจำวันหรือกิจกรรมต่างๆ ของสังคมไทยตั้งแต่เกิดจนตายมักจะเกี่ยวข้องกับบทร้องที่เป็นกาพย์กลอนอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นเพลงกล่อมเด็ก เพลงการละเล่นของเด็ก เพลงทำขวัญนาค และเพลงกล่อมหอ เป็นต้น (สุวรรณี ทองรอด, 2551, หน้า 5)
ฉันทลักษณ์[แก้ไข]
ตัวอย่างเพลงกล่อมเด็กทั้ง 28 เพลง (สุวรรณี ทองรอด, 2551)
1. เพลงลิ้นทอง
เอ.. เฮ.. เฮย แม่จะกล่าวถึงเรื่องราวลิ้น ทองเอย |
ชายมีเมียสอง รักเมียเอย ไม่เท่ากัน |
เมียหลวงจะตีด้วยท่อนอ้อย.. เอย |
เมียน้อยจะตีด้วยท่อนจันทร์.. เอย |
รักเมียไม่เท่ากัน .. เอย |
บาปนั้น เอย.. มาถึงตัว |
2. เพลงนางประทุม
แม่จะขอกล่าวเรื่องราวเอย.. | นางประทุมรูปสวยรวยละลุ่มเอย.. |
เจ้าเกิดในพุ่มบุษบา | ฤๅษีเลี้ยงไว้เติบใหญ่ขึ้นมา |
ฤๅษีไปป่านางก็ร้อยพวงมาลัย | ลอยแก้ว..ลอยแก้ว.. |
นางแก้วก็พิษฐานไปเนื้อคู่อยู่ที่ไหน | ให้พวงมาลัยสวมคอ..เอย |
ให้มาร่วมฟูกร่วมหมอน | มาร่วมที่นอนกับนาง |
3. เพลงนางชะนี
โอ้ชะนีมือเหนียวเอย ..มือเหนี่ยวกิ่งพฤกษา | พบเพื่อนแล้วก็พากันมากินผล.. เอ่ย |
บ้างก็ห้อยโหนโยนราวแสวงหาลูกไม้ | ฤาเอามาต้องกินลูกไม้ป่าเอย |
ไม่ได้ทำไร่ทำนาก็เป็นเหมือนคน | บ้างก็ขึ้นต้นไทรไกวตัวเอิง..เอย |
ร้องเรียกหาผัวอยู่อลวน ฮือ | มุนีฤาษีท่านประทาน อือ เอย |
ให้เยาวมาลย์มากับผัวตน | นางได้มากับผัว... เอิงเอย |
นางมาคิดชั่วชาติที่แสนกล | คิดฆ่าผัวตัวเสียเอิงเอย |
หล่อนจะยอมเป็นเมียพวกโจร | พอผัวสิ้นชีวิต คิดแล้วทางนี้เอย |
ไอ้โจรมันก็หนีทิ้งไปกลางหน | เลยเขาสาปตัวแม่นางโมรา |
เศร้าโศกาอยู่กระสับกระสน | เห็นพระอาทิตย์ระบายสี...เอย |
สำคัญว่าเลือดสามี | นางก็รํ่าบ่นตัวของแม่ชะนีเอย |
ว่าเดิมทีเอ๋ยเป็นคน |
4. เพลงวัดโบสถ์ (1)
เอ เฮ้ย ฮา วัดเอ๋ยวัดโบสถ์..เอย | มีต้นโตนดอยู่เจ็ดต้น ฮือ |
พ่อขุนทองไปปล้น..เอย | ป่านฉะนี้แล้วไม่เห็นมา |
เขารํ่าลือมา..เอย | ว่าขุนทองเอย..ตายแล้ว |
เหลือแต่กระดูกให้ลูกแก้ว..เอย | เมียรักเอยจะไปปลง ฮือ |
ศพเอ๋ยพ่อขุนทอง | คดข้าวใส่ห่อ เอย ถ่อเอ๋ยเรือมา ฮือ |
ลุงอินนี้ถือถาด..เอย | ยกกระบัตรเอยท่านถือธง |
ถือท้ายเรือหงส์..เอย | ปลงศพเอ๋ยพ่อขุนทอง |
เรือไปล่มที่ท่าสิงห์..เอย | ไปปีนขึ้นได้เอ๋ยที่ท่าทอง |
เสียข้าวเสียของ..เอย | เสียเงินเสียทอง เอ๋ยก็ไม่คิด |
เสียปลาสลิด.. เอย | ติดท้ายเรือไป |
5. เพลงเจ้างามประเสริฐ
งามเอ๋ย เจ้างาม นะประเสริฐเอย | ขวัญเจ้าแม่เถิดนะแม่ยามยาก |
น้ำอ้อยหรือน้ำ ตาล เอย | แม่มิได้พาน ฮือ หนอพบปะ.. เอย |
ความยากนะ แม่คุณ ..เอย |
6. เพลงเนื้อเย็น (1)
เนื้อเอ๋ยเนื้อเย็นเอย | ไม่ไม่ให้ไปเล่นเอ๋ยในน้ำ |
จระเข้เหรา มันจะพาเข้าถ้ำ ..เอย | มันจะพาระกำ เอ๋ย แม่คุณ |
7.เพลงเนื้อเย็น (2)
เอยหนอ เจ้าเนื้อ เย็นเอย | แม่มิให้ลูกไปเล่น.. เอย |
ในท้องคลองน้ำ มันมากนะ | มันจะพาเจ้าลอยล่อง.. เอย |
ท้องคลองนะแม่คุณ | เอ เฮ้ เอ๋ย โอ เห่ |
8. เพลงแม่เนื้ออุ่น (1)
เนื้อ เอย หนอ เนื้อ อุ่น.. เอย | เมื่อไรเจ้าจะมีบุญหนอ แม่จะได้พึ่ง ฮือ |
เมื่อเจ้าตกยาก ฮือ | ลงไป ไม่มีใครจะครวญถึง..เอย |
เอวกลึงนะแม่คุณ เอ เฮ่ เอย โอ เห่ |
9. เพลงแม่เนื้ออุ่น (2)
แม่เนื้ออุ่นเอย.. | เนื้อเจ้าละมุนเหมือนสำลี |
แม่ไม่ให้ใครมาแตะต้อง | กลัวจะหมองศรีเอย |
คนดีนะแม่คุณ |
10. เพลงแม่เนื้ออ่อน (1)
เนื้อเอยเนื้ออ่อนเอย | ไม่หลับไม่นอนหรือจะคอยใคร |
ญาติวงศ์หรือพงศาเอย.... ของแม่ | จะมาหนอทางไหน เอย ..คอยใครเล่าแม่คุณ |
11. เพลงแม่เนื้ออ่อน (2)
แม่เนื้ออ่อน เอย อ้อนแม่ | เธอจะนอน ฮือ วันฮือ นอนหลับนอนไหล เอย |
นอนไปหนอนาน ๆ ตื่นขึ้นมา | แม่จะรับขวัญ เอิง เอย นอนวัน ฮือ นะ แม่คุณ |
12. เพลงเจ้าร้อยชั่ง
เจ้าร้อยชั่ง..เอย | แม่จะชั่งเจ้าด้วยน้ำรัก..เอย |
ชั่งเอย.. เงินหนอชั่งทอง | มาสักสองสามรับ..เอย |
ยังไม่เท่าลูกรักเอย | ของแม่คนเดียว เอ ..เฮ..เฮ้ |
13. เพลงบุญชู
โอละเห่ เอย เห่ เจ้าร้อยชั่ง | หนอบุญชูเอย |
บุญแม่ยังอยู่ลูกเอย | จะครื้น เครง ฮือ |
สิ้นบุญน้อยของแม่หนอหาไม่ | เด็กเลี้ยงควายมันจะหนอ กุมเหง เอย |
จะครื้นเครงเอย.. ก็ไม่มี |
14. เพลงวัดนอก
วัดเอยวัดนอก.. เอย | มีแต่ดอกเอ๋ยแคแดง |
ตกตํ่าก็ยิ่งแพง.. เอย | สาวน้อยจะห่ม.. เอย สีชมพู |
เจ้าก็มีผัวแล้ว.. เอย | จะแต่งไปให้เอย..หนอ.. ใครดู |
แต่งตัวไปล่อชู้.. เอย | เขารู้กันเสียเต็มใจ ..เอย |
15. เพลงระลอก
เอ.. ระลอกเอยพัดมา | ดังจ๊อก..เอย ระลอกก็ซัดเอย ให้แรง |
พัดพ่อ พัดแม่ เอย ยังจะไว้..เอย | เอาบุญใหญ่หน้าถ้าแข็ง เอย |
มีเรี่ยว มีแรง.. เอย จะแทนคุณ | ยังไม่ไว้เอาบุญเอย.. แทนคุณเอย |
แม่เอย .. เอ เฮ้ |
16. เพลงแมวเหมียว
เอ.. เอ้.. เอ้ .. แมวเอ๋ยแมวเหมียว | แยกเขี้ยวยิงฟัน |
เสือปลาหน้าสั้น | กัดกันเอย เอ.. เอ้ |
17. เพลงค้างคาว
โยนยาวเอ๊ย | ค้างคาวกินกล้วย |
มารับน้องไปด้วย | ไปช่วยกันโยนยาวเอ๋ย เอ เฮ้ |
18. เพลงตุ๊กแก
ตุ๊กแกเอย.. | นอนไม่หลับ |
ตุ๊กแกกินตับ | เสียทีหวา เอ เอ.. เอ้ |
19. เพลงคล้องช้าง
เอ.. เฮ้ย วันเอ๋ยวันนี้เอย | แม่ว่าเอย..จะไปคล้องช้าง |
ข้ามห้วยบึงบาง | ข้ามเขาพนมทอง |
คล้องช้างนี่มาได้เอย | แม่ใส่ไว้เอย...ที่ในซอง |
เกี่ยวหญ้านี่มากองเอย | ช้างน้อยเอ๋ย..ก็ไม่กิน |
ยกเอยงวงขึ้นพาดงาเอย | น้ำตาก็ไหลเอ๋ย..อยู่ริน..ริน |
ช้างน้อยก็ไม่กินเอย | เพราะคิดถึงถิ่นเอย..มารดา |
20. เพลงวัดโบสถ์ (2)
วัดเอ๋ยนะวัดโบสถ์.. เอย | มีแต่ข้าวโพด เอย สาลี |
เห็นลูกเขยตกยาก.. เอย | แม่ยายก็พรากลูกสาวหนี |
เหลือแต่ข้าวโพดสาลี.. เอย | ตั้งแต่วันนี้ก็โรย ฮือ รา |
21. เพลงนกกาเหว่า
นกเอ๋ยนกกาเหว่าเอย | ไข่ให้เอ๋ยแม่กาฟัก |
แม่เอ๋ยกาหลงรักเอย | ฟักไข่เอ๋ยในอุทร |
คาบเอ๋ยเอาข้าวมาเผื่อเอย | แม่คาบเอาเหยื่อเอ๋ยมาป้อน |
ช้อนน้ำมาให้ลูกกินเอย | สอนบินเอยนะแม่คุณ |
ปีกหางเจ้าก็ไม่กล้าแข็งเอย | อย่าเพิ่งท้อแม่จะสอนบิน |
พาลูกไปหากินเอย | ตามฝั่งเอ๋ยแม่คงคา |
ปีกบินก็เหยียบแต่ปลายไร่เอย | ปากเจ้าก็ไซร้เอ๋ยจะหาปลา |
นายพรานก็ยกปืนขึ้นส่องเอย | ด้อมมองเอ๋ยจะยิงแม่กา |
ยิงโป้งก็ตายคว่ำเอย | มาตายตรงน้ำเสียแล้วนะแม่กา |
22. เพลงนกเขา (1)
นกเขา เอย ขันตะเช้า เอ๋ยจนเย็น | ขันให้มันหนอดัง ดัง เอย |
แม่จะฟังแต่เสียงเล่น เอย | เสียงเย็นนะ แม่ (พ่อ) คุณ |
23. เพลงนกเขา (2)
นกเขาฝอยเอย | ข้ามมาหย่อย เอ๋ยนาหลัง |
นกเขาครั่งเอย | แม่จะขังเจ้าเข้าไว้ หนอในกรง |
เก็บแต่ดอกจำปี หนอจำปา | กาหลงเอ๋ยมาแซมผม เอย เจ้านอน เอเฮ้ |
24. นกขมิ้น
นกขมิ้นเหลืองอ่อนเอย | ค่ำแล้วเจ้าจะนอนที่ไหนเอย |
นอนไหนก็นอนได้ | สุมทุมพุ่มไม้ก็เคยนอน |
25. เพลงขนมลูกโยน
โยน โย้น โย้น | ขนมลูกโยน | โยนเข้ากอไผ่ |
ช้างงาเล็ก | เจ็กงาใหญ่ | เก็บดอกไม้ |
บูชาบาล | ผัวทำงาน | เมียเล่นชู้ |
จับไม้กระทู้ | ไปล้อมรางเป็ด | ไปล้อมรางไก่ |
แม่อีโหลง | แม่อีไหล | ตะพายข้าวแช่ |
ไม่บอกกับแม่ | ว่าจะไปเมืองไหน | ไปเมืองพลับ |
ลูกเขยเลยจับ | ไปรับพ่อตา | พ่อตากูมาแล้วเหวย |
ลูกเขยกูมาแล้ววา | อ้ายแก้วกางกา | กอดเมียกลางวัน |
ลุกขึ้นไก่ขัน | ตะวันแดงแจ๋ |
26. เพลงโยทิง
โยทิง โยนช้า ทำนาหนองไหน | ทำนาหนองไอ้เข้โอ้ |
ขี่ช้างงาโตไปซดหญ้าก่อง | ลูกโด่เต็มท้องออกลูกเป็นพัน |
ขนมทอดมันขายอันละสิบเบี้ย | ไปซื้อไก่เตี้ยมาแลกตุ่นโพ |
ขโมยโอ๊กโอ๊กลักโถกูไป | กูจับตัวได้เสียเมืองพริกที |
หน้าแข็งเป็นฝีจมูกเป็นไฝ | ไปตัดห่อไม้ หน่อไม้ไม่กลัว |
ไปหักสายบัวเป็นหัวระประกาย | ไอ้เชิงมันลาย จมูกมันงอน |
ไอ้เมื่อมันนอนมันนอนใต้ไม้ | ไอ้เมื่อมันไปไม่รู้ใต้ไม่รู้เหนือ |
27. เพลงสู้ควาย
เล..เล่..เล อ้ายเลขุนปลัด | ขนทรายเข้าวัด |
นัดกันเล่นควาย | ควายมึงควายกู |
เข้าสู้ด้วยกัน | ควายใครแพ้ |
ด่าแม่เจ้าของมัน | เล..เล่..เล |
28. เพลงโอ้ละทึก
โอ้ละเห่ เอ๋ยเห่ โอละทึก ฮือ | ลุกแต่ดึก ฮือ เอย.. ทำขนมหม้อแกง |
ไอ้ผัวก็ด่า นางเมียก็แช่ง | เอิงเอย ขนมก็คาหม้อแกง |
พบว่าฉันทลักษณ์แบ่งเป็น กลอนแปด 14 เพลง กลอนดอกสร้อย 3 เพลง กลอนหก 1 เพลง กลอนสี่ 4 เพลง กลอนสุภาพ 6 เพลง รวมทั้งหมด 28 เพลง
ประเภทคำประพันธ์[แก้ไข]
เพลงกล่อมเด็กที่ปรากฏนั้น ไม่มีรูปแบบคำประพันธ์ตายตัว มีสัมผัสคล้องจองมากบ้างน้อยบ้าง ส่วนใหญ่มีลักษณะคล้ายกับกลอนทั่วไป มีสัมผัสระหว่างวรรค ใช้ถ้อยคำเรียบง่าย ไม่มีทำนองตายตัว ในส่วนความยาวของเพลงแต่ละเพลงมีไม่เท่ากัน กำหนดแน่นอนไม่ได้ ผู้ร้องอาจขยายออกไปได้เรื่อยๆ หรือตัดให้สั้น เข้าก็ได้ โดยมีคำเห่กล่อมแทรกเป็นระยะ เช่น เอย เอ๋ย เอเอ้ โอละเห่ เป็นต้น
ประวัติวรรณกรรม/บทเพลง/บทกวี[แก้ไข]
การศึกษาเพลงกล่อมเด็กของตําบลไตรตรึงษ์ จากการเก็บข้อมูลในช่วงเดือนธันวาคม พ.ศ.2551 พบว่ามีเพลงกล่อมเด็กจํานวนทั้งสิ้น 28 เพลง ซึ่งผู้วิจัย (สุวรรณี ทองรอด) สามารถวิเคราะห์ในด้านต่าง ๆ ดังนี้ 1.1 ด้านรูปแบบ เพลงกล่อมเด็กที่ปรากฏนั้นไม่มีรูปแบบคําประพันธ์ตายตัว มีสัมผัสคล้องจองมากบ้างน้อย บ้าง ส่วนใหญ่มีลักษณะคล้ายกับกลอนทั่วไป มีสัมผัสระหว่างวรรค ใช้ถ้อยคําเรียบง่าย ไม่มีทํานอง ตายตัว ในส่วนความยาวของเพลงแต่ละเพลงมีไม่เท่ากัน กําหนดแน่นอนไม่ได้ ผู้ร้องอาจขยายออกไป ได้เรื่อยๆ หรือตัดให้สั้นเข้าก็ได้ โดยมีคําเห่กล่อมแทรกเป็นระยะ เช่น เอย เอ๊ย เอเอ้ โอละเห่ เป็นต้น ตัวอย่าง : รูปแบบเพลงกล่อมเด็ก
เพลงเจ้าเนื้อเย็น
(เอยหนอ) เจ้าเนื้อเย็น เอย |
แม่มิให้ลูกไปเล่น เอย |
ในท้องคลองน้ำมันมากนะ | มันจะพาเจ้าลอยล่อง เอย |
ท้องคลองนะแม่คุณ | เอ เฮ้ เอ๊ย โอเพ่ |
0000 |
000000 |
000000 | 000000 |
000000 | 000000 |
1.2 ด้านเนื้อหา จากการเก็บข้อมูลเพลงกล่อมเด็กของตําบลไตรตรึงษ์จํานวน 28 เพลง พบว่าเนื้อหามีความ ใกล้เคียงกันกับเพลงกล่อมเด็กของภาคกลาง ซึ่งมีผู้ศึกษาหลายท่านได้แบ่งประเภทเนื้อหาตาม ลักษณะและมุมมองอันหลากหลายกันออกไป ซึ่งในการวิจัยครั้งนี้ผู้วิจัยได้จําแนกประเภทเนื้อหาตาม ลักษณะของเพลงกล่อมเด็กที่ปรากฏดังต่อไปนี้ 1.2.1 เรื่องราวเกี่ยวกับวรรณกรรม / นิทาน ในบางบทเพลงนั้นได้เค้าโครงเรื่องมาจาก เรื่องราวจักร ๆ วงศ์ ๆ หรือเรื่องเล่า - นิทานพื้นบ้าน โดยเนื้อหาดังกล่าว พบว่ามีจํานวน 4 เพลง ได้แก่ • เพลงลิ้นทอง • เพลงนางประทุม • เพลงนางชะนี • เพลงวัดโบสถ์ (1)
ตัวอย่าง : เพลงกล่อมเด็ก
เพลงนางประทุม
แม่จะขอกล่าวเรื่องราวเอย.. | นางประทุมรูปสวยรวยละลุ่มเอย.. |
เจ้าเกิดในพุ่มบุษบา | ฤาษีเลี้ยงไว้เติบใหญ่ขึ้นมา |
ฤาษีไปป่านางก็ร้อยพวงมาลัย | ลอยแก้ว.ลอยแก้ว |
นางแก้วก็พิษฐานไปเนื้อคู่อยู่ที่ไหน | ให้พวงมาลัยสวมคอ |
ให้มาร่วมฟูกร่วมหมอน | มาร่วมที่นอนกับนาง |
1.2.2 เกี่ยวกับการแสดงความรักของพ่อแม่ที่มีต่อลูก เป็นการแสดงถึงความเอื้ออาทร การเอาอกเอาใจ การดูแลเอาใจใส่ รวมถึงการปลอบใจเด็กเพื่อให้รู้สึกอุ่นใจ สังเกตคําที่ใช้เรียกแทนตัว ลูกในบทกล่อม มักจะใช้คําว่า เจ้าเนื้ออ่อน เจ้าเนื้อนิ่ม เจ้าเนื้อเย็น แม่เนื้ออุ่น เจ้างามเจ้าร้อยชั่ง เจ้าประเสริฐ เป็นการบ่งบอกถึงความเอ็นดูรักใคร่และทะนุถนอม ซึ่งจากการวิจัยครั้งนี้พบว่ามีจํานวน 8 เพลง ได้แก่ (สุวรรณี ทองรอด, 2551) • เพลงเจ้างามประเสริฐ • เพลงเนื้อเย็น (1) • เพลงเนื้อเย็น (2) • เพลงแม่เนื้ออุ่น (1) • เพลงแม่เนื้ออุ่น (2) • เพลงแม่เนื้ออ่อน (1) • เพลงแม่เนื้ออ่อน (2) • เพลงเจ้าร้อยชั่ง
ตัวอย่าง : เพลงกล่อมเด็ก
เพลงวัดนอก
วัดเอยวัดนอก.. เอย | มีแต่ดอกเอ๋ยแคแดง |
ตกต่ำก็ยิ่งแพง.. เอย | สาวน้อยจะห่ม.. เอย สีชมพู |
เจ้าก็มีผัวแล้ว เอย | จะแต่งไปให้เอย.. หนอ.. ใครดู |
แต่งตัวไปล่อชู้.. เอย | เขารู้กันเสียเต็มใจ..เอย |
1.2.4 เกี่ยวกับการปลอบขวัญทําให้เกิดความเพลิดเพลิน เป็นการใช้ท่วงทํานองและ เนื้อหาที่เป็นการปลอบประโลม ในขณะเดียวกันก็เกิดความสนุกสนาน เมื่อฟังแล้วเกิดความเพลิดเพลิน โดยหยิบยกสิ่งที่เห็นได้ทั่วไปในธรรมชาติหรือในชีวิตประจําวัน เช่น การละเล่นพื้นบ้าน ช้างน้อย นก กาเหว่า นกเขา นกขมิ้น เป็นต้น ซึ่งจากการวิจัยครั้งนี้พบว่ามีจํานวน 8 เพลง ได้แก่ • เพลงคล้องช้าง • เพลงวัดโบสถ์ (2) • เพลงนกกาเหว่า • เพลงนกเขา (1) • เพลงนกเขา (2) • เพลงนกขมิ้น • เพลงสู้ควาย • เพลงโยทิง
ตัวอย่าง : เพลงกล่อมเด็ก
เพลงคล้องช้าง
เอ.. เฮ้ย วันเอยวันนี้เอย | แม่ว่าเอย..จะไปคล้องช้าง |
ข้ามห้วยบึงบาง | ข้ามเขาพนมทอง |
คล้องช้างนี่มาได้เอย | แม่ใส่ไว้เอย...ที่ในซอง |
เกี่ยวหญ้านี่มากองเอย | ช้างน้อยเอย..ก็ไม่กิน |
ยกเอยงวงขึ้นพาดงาเอย | น้ำตาก็ไหลเอย ..อยู่ริน..ริน |
ช้างน้อยก็ไม่กินเอย | เพราะคิดถึงถิ่นเอย..มารดา |
อนึ่งจากการเก็บข้อมูลในครั้งนี้วิทยากร (นางสาวสุขศรี สิทธิ) ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติมที่ น่าสนใจว่าบทเพลงกล่อมเด็กนั้น หากเป็นการร้องกล่อมในเวลากลางคืนจะแตกต่างจากการร้องกล่อม ทั่วไปในเวลากลางวัน นั่นคือ การร้องกล่อมในเวลากลางคืนจะไม่นิยมใช้เพลงที่จังหวะช้าเนิบ เสียง เย็น ๆ เสียงโหยหวนและเสียงนุ่มนวล (โดยมาจากความเชื่อเกี่ยวกับการห้ามร้องเพลงในเวลากลางคืน ซึ่งบางถิ่นเชื่อว่าเป็นการเรียกสิ่งชั่วร้าย ภูตผีปีศาจเข้าบ้าน) ดังนั้นจะเห็นได้ว่าบทเพลงกล่อมเด็กที่ใช้ในเวลากลางคืนจะใช้เป็นบทร้อยกรองหรือคําคล้อง จองที่มีจังหวะสนุกสนานหรือฟังแล้วเกิดความเพลิดเพลิน ซึ่งอาจมีเหตุผลมาจากเวลาร้องกล่อมจะได้ ไม่ฟังดูวังเวง ไม่น่ากลัว บทเพลงกล่อมเด็กที่นิยมร้องในเวลากลางคืน เช่น เพลงขนมลูกโยน เพลง โยทิง เพลงสู้ควาย เพลงโอ้ละทึก เป็นต้น
ยุค/สมัย/วันเดือนปีที่ประพันธุ์[แก้ไข]
การศึกษาประวัติความเป็นมาของตำบลไตรตรึงษ์ อำเภอเมือง จังหวัดกำแพงเพชร พบว่า เมืองไตรตรึงษ์เป็นท้องถิ่นที่ตั้ง ของเมืองโบราณที่มีอยู่จริงและเป็นเมืองสำคัญมาตั้ง แต่สมัยทวารวดี คือเมื่อประมาณพุทธศตวรรษที่ 15 และมีร่องรอยของความเจริญทั้ง ในสมัยสุโขทัย สมัยอยุธยา จวบจนถึงสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น มีการปรากฏหลักฐานจากโบราณสถานอย่างชัดเจน เช่น เจดีย์วัดพระธาตุเจดีย์วัดเจ็ดยอด ซึ่งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) ได้เสด็จประพาสเมื่อ พ.ศ.2449 และมีพระราชวินิจฉัยถึงประวัติความเป็นมาและลักษณะของศิลปกรรมไว้ในจดหมายเหตุเสด็จประพาสต้นครั้ง ที่ 2 ในครั้ง นั้น (สันติ อภัยราช, 2551, หน้า 26)
ข้อมูลการสำรวจ[แก้ไข]
จากการสัมภาษณ์ สุขศรี สิทธิ พบว่าด้วยเรื่องราวของเพลงกล่อมเด็กที่มีมาแต่ช้านานเป็นที่สืบทอดต่อมากันเป็นรุ่นๆ ซึ่งมีการใช้กันน้อยมากแตกต่างจากเมื่อก่อนที่ร้องกันทุกบ้าน ในตอนนี้มีสื่ออิเล็กทรอนิกส์เข้ามาไม่ว่าจะเป็น ยูทูป อื่นๆ เป็นต้น ได้ทำให้คนในยุคนี้ได้ลืมเพลงกล่อมเด็กลงไปผู้เขียนจึงอยากให้มีการใช้เพลงกล่อมเด็กกันมากขึ้นจึงทำบทความนี้ขึ้นมาเพื่อรักษาและอนุรักษ์เพลงกล่อมเด็กไตรตรึงษ์นี้ไว้
แหล่งอ้างอิง[แก้ไข]
สันติ อภัยราช. (2551). นครไตรตรึงษ์. กำแพงเพชร: สภาวัฒนธรรมจังหวัดกำแพงเพชร สุวรรณี ทองรอด. (2551). การศึกษาวิเคราะห์เพลงกล่อมเด็กตําบลไตรตรึงษ์ อำเภอเมือง จังหวัด กำแพงเพชร (รายงานวิจัย). โรงพิมพ์: กำแพงเพชร
วันเดือนปีที่สำรวจ[แก้ไข]
3 ตุลาคม 2564
วันปรับปรุงข้อมูล[แก้ไข]
1 พฤศจิกายน 2564
ผู้สำรวจข้อมูล[แก้ไข]
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ศุภโชคชัย นันทศรี, ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.พธูรำไพ ประภัสสร, อาจารย์วนัสนันท์ นุชนารถ, อาจารย์ ดร.พิมพ์นารา บรรจง และอาจารย์ธนธรณ์ แจ้งโม้ สำนักศิลปะและวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏกำแพงเพชร ภัทรพงษ์ สุนันทิพย์ และ ไวทยวิทย์ น้อยใหม่ นักศึกษาโปรแกรมวิชานิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏกำแพงเพชร
คำสำคัญ[แก้ไข]
เพลงกล่อมเด็ก, ตำบลไตรตรึงษ์, เพลงกล่อมเด็กไตรตรึงษ์