ฐานข้อมูล เรื่อง ตำข้าวชาวม้ง อำเภอคลองลาน
ประเพณีตำข้าวเหนียวชาวม้ง เป็นประเพณีที่สืบทอดกันมาอย่างยาวนาน ไม่เพียงเฉพาะชาวม้งในจังหวัดกำแพงเพชรเท่านั้นที่ยังคงรักษาประเพณีนี้ไว้ แต่ยังรวมถึงชาวม้งในจังหวัดอื่น ๆ หรือประเทศอื่นๆอีกด้วย ประเพณีตำข้าวเหนียวชาวม้งมักจะจัดขึ้นในวันขึ้น 1 ค่ำ เดือน 2 ซึ่งจะตรงกับช่วงเดือนธันวาคม – มกราคมของทุกปี ในการจัดประเพณีตำข้าวเหนียวชาวม้งนั้นเป็นประเพณีที่สืบเนื่องหรืออยู่ในช่วงเดียวกับงานประเพณีปีใหม่ม้ง ซึ่งการจัดงานดังกล่าวเป็นงานประเพณีที่สืบทอดและแสดงถึงเอกลักษณ์ความเป็นชาติพันธุ์ม้งเป็นอย่างดี การตำข้าวเหนียวของชาวม้งนั้นบางที่อาจจะตำเพื่อไหว้ผีป่า ผีบรรพบุรุษหรือสิ่งที่ตนเองนับถือแต่เพียงอย่างเดียว บางที่ก็นำข้าวเหนียวที่ผ่านการไหวผีมาทำเป็นอาหารคาวและอาหารหวานเพื่อยืดอายุของข้าวเหนียวอีกด้วย ประวัติความเป็นมาของประเพณีตำข้าวเหนียวชาวม้ง หรือแม้แต่ความเชื่อของประเพณี สามารถแสดงเป็นรายละเอียดได้ดังนี้
เนื้อหา
- 1 ข้อมูลทั่วไป
- 1.1 ชื่อเรียก
- 1.2 ชื่อเรียกอื่น ๆ
- 1.3 เดือนที่จัดงาน
- 1.4 เวลาทางจันทรคติ
- 1.5 สถานที่
- 1.6 ประเภทประเพณี
- 1.7 ประวัติความเป็นมาของประเพณีตำข้าวเหนียวชาวม้ง จังหวัดกำแพงเพชร
- 1.8 ประวัติความเป็นมาของหมู่บ้านตลาดม้ง
- 1.9 ประวัติความเป็นมาของการตำข้าว
- 1.10 ความสำคัญของประเพณีตำข้าวชาวม้ง
- 1.11 อุปกรณ์ในการตำข้าว
- 1.12 วัตถุดิบในการตำข้าว
ข้อมูลทั่วไป
ชื่อเรียก
ประเพณีตำข้าวเหนียว ชาวม้ง จังหวัดกำแพงเพชร
ชื่อเรียกอื่น ๆ
พิซซ่าญี่ปุ่น, โจวป่า, ขนมปีใหม่ม้ง, ขนมแบ๊งใหญ่, ขนมต้วนยัวน
เดือนที่จัดงาน
ช่วงธันวาคม – มกราคม ของทุกปี
เวลาทางจันทรคติ
วันขึ้น 1 ค่ำ เดือน 2 ของทุกปี
สถานที่
หมู่ที่ 16 บ้านตลาดม้ง ตำบลคลองลานพัฒนา อำเภอคลองลาน จังหวัดกำแพงเพชร
ประเภทประเพณี
ประเพณีไทยในปัจจุบันสามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ประเภทหลัก คือ จารีตประเพณีหรือกฎศีลธรรม ขนบประเพณีหรือสถาบัน และธรรมเนียมประเพณี ประเพณีตำข้าวเหนียว ชาวม้งก็เช่นเดียวกัน ถือว่าเป็นขนบธรรมเนียมประเพณี เนื่องจากประเพณีตำข้าวเหนียวของชาวม้ง เป็นประเพณีที่เกี่ยวข้องกับการบอกเล่าที่นิยมทำสืบต่อกันมาตามความเชื่อของคนในชนเผ่าว่า ถ้าทำแล้วจะเกิดสิ่งดีๆเกิดขึ้นในชีวิต เนื่องจากข้าวเหนียวที่ได้ในประเพณีดังกล่าวจะนำไปไหว้ผีป่า ผีเขาและผีบรรพบุรุษที่ตนเองนับถือ นั้นเอง
ประวัติความเป็นมาของประเพณีตำข้าวเหนียวชาวม้ง จังหวัดกำแพงเพชร
ประเพณีตำข้าวเหนียวชาวม้ง เป็นประเพณีที่สืบทอดกันมาอย่างยาวนาน ไม่ว่าจะเป็นประชากรชาวม้งที่อยู่ในจังหวัดกำแพงเพชรหรือชนชาวม้งที่อาศัยอยู่ในที่ใดๆ ก็ตาม อาทิ ชาวม้งจังหวัดเพชรบูรณ์ ที่นิยมทำ “ขนมต้วนหยัว” หรือขนมที่ทำจากการตำข้าวเหนียวจนละเอียดและนำไปปิ้งพร้อมทานกับน้ำผึ้งกลายเป็นขนมหวานเลิศรส ซึ่งรายละเอียดของการทำขนมต้วนหยัวนั้น เหมือนกับประเพณีตำข้าวเหนียวของชาวม้งเพื่อใช้ในการไหว้บรรพบุรุษ ช่วงเทศกาลปีใหม่นั้นเอง นอกจากชาวม้งในจังหวัดเพชรบูรณ์แล้วนั้น ประเพณีตำข้าวเหนียวชาวม้งยังปรากฏในพื้นที่อื่นนอกจากประเทศไทย อาทิ อำเภอเดียนเบียน จังหวัดเดียนเบียน ประเทศเวียดนาม ซึ่งเรียกโจวป่าว่า “ขนมแบ็งใหญ่” นั้นเอง
ประวัติความเป็นมาของหมู่บ้านตลาดม้ง
บ้านตลาดม้งเป็นหมู่บ้านหนึ่งในตำบลคลองลานพัฒนา อำเภอคลองลาน จังหวัดกำแพงเพชร อาชีพหลักของประชากรในหมู่บ้านตลาดม้งคือ ปลูกมัน ปลูกข้าวโพด โดยประชากรส่วนมากเป็นชนเผ่าม้งและหมู่บ้านตลาดม้ง มีประเพณี วัฒนธรรมและภูมิปัญญาที่สืบทอดต่อกันมาจากรุ่นสู่รุ่นทำให้ผู้ศึกษาสนใจศึกษา ค้นคว้า เรื่องประวัติศาสตร์การตำข้าวของชนเผ่าม้ง เพราะอยากทราบว่าประวัติความเป็นมาของการตำข้าว วิธีการทำที่ถูกต้องของชนเผ่าม้ง ซึ่งเป็นสิ่งที่บรรพชนรุ่นหลังควรร่วมอนุรักษ์ เนื่องด้วยการตำข้าวของคนในอดีตจนถึงปัจจุบันค่อยๆหายไปทีละอย่างพร้อมกับการจากไปของคนเฒ่า คนแก่โดยไม่มีการสืบทอดให้คนรุ่นหลัง ทำให้ความรู้ ภูมิปัญญาหายไปตามกาลเวลา
ประวัติความเป็นมาของการตำข้าว
การตำข้าวของชนเผ่าม้ง ซึ่งเป็นงานรื่นเริงของชาวม้งของทุกๆ ปี จะจัดขึ้นหลังจากได้เก็บเกี่ยวผลผลิตในรอบปีเรียบร้อย และเป็นการฉลองถึงความสำเร็จในการเพาะปลูกของแต่ละปี ซึ่งจะต้องทำพิธีบูชาถึงผีฟ้า - ผีป่า – ผีบ้าน ที่ให้ความคุ้มครอง และดูแลความสุขสำราญตลอดทั้งปี รวมถึงผลผลิตที่ได้ในรอบปีด้วย ซึ่งแต่ละหมู่บ้านจะทำการฉลองกันอย่างพร้อมเพรียงกัน หรือตามวันและเวลาที่สะดวกของแต่ละหมู่บ้าน ซึ่งโดยมากจะอยู่ในช่วงเดือนธันวาคมของทุกปี ประเพณีฉลองปีใหม่ม้งนี้ชาวม้งเรียกกันว่า “น่อเป๊โจ่วฮ์” แปลตรงตัวได้ว่า “กินสามสิบ” สืบเนื่องจากชาวม้งจะนับช่วงเวลาตามจันทรคติ โดยจะเริ่มนับตั้งแต่ขึ้น 1 ค่ำ ไปจนถึง 30 ค่ำ (ซึ่งตามปฏิทินจันทรคติจะแบ่งออกเป็นข้างขึ้น 15 ค่ำ และข้างแรม 15 ค่ำ) เมื่อครบ 30 ค่ำ จึงนับเป็น 1 เดือน ดังนั้นในวันสุดท้าย (30 ค่ำ) ของเดือนสุดท้าย(เดือนที่ 12) ของปีจึงถือได้ว่าเป็นวันส่งท้ายปีเก่า ช่วงวันฉลองปีใหม่ส่วนใหญ่จะตกอยู่ประมาณช่วงเดือนพฤศจิกายน ถึงเดือนมกราคม ในวันดังกล่าวหัวหน้าครัวเรือนของแต่ละบ้านจะประกอบพิธีกรรมทางศาสนา เพื่อความเป็นสิริมงคลของครัวเรือน ถัดจากวันส่งท้ายปีเก่าไป 3 วัน คือวันขึ้น 1 ค่ำ 2 ค่ำและ 3 ค่ำของเดือนหนึ่ง จัดเป็นวันฉลองปีใหม่อย่างเป็นทางการ ซึ่งทุกคนจะหยุดหน้าที่การงานทุกอย่างในช่วงวันดังกล่าวนี้ และจะมีการจัดการละเล่นต่างๆ ในงานขึ้นปีใหม่ เช่น การละเล่นลูกช่วง การตีลูกข่าง การร้องเพลงม้งและหนึ่งในนั้นคือการตำข้าวหรือที่ชาวม้งเรียกว่า “โจวป่า” ซึ่งเป็นการทำขนมเพื่อไหว้บรรพบุรุษที่ทำการ ปกปักรักษาครอบครัวมาตลอดปี ขนมโจวป่าทำจากข้าวเหนียวตำอย่างละเอียดและนิ่มเหนียวที่ปั้นเป็นรูปกลมและวางบนใบตอง ขนมโจวป่าเป็นอาหารที่จำเป็นในเครื่องเซ่นไหว้ เมื่อถึงเวลาส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ คนทั้งหมู่บ้านจะร่วมกันทำขนมนี้โดยจะนำข้าวเหนียวไปแช่-นึ่ง-ตำ แล้วปั้นเป็นขนมรูปกลม ซึ่งทุกขั้นตอนจะต้องใช้เวลาเป็นวัน “เพื่อให้ขนมโจวป่าหอมและอร่อยก่อนอื่นต้องเลือกข้าวสารให้ดี แช่ไว้ 1 วัน หลังจากนั้นจะนำไปนึ่งประมาณ1-2ชั่วโมง เพื่อให้สุกนิ่ม ก่อนตำข้าวเหนียวก็ให้คั่วงาตำก่อน นอกจากนั้นจะเอาไข่แดงที่สุกแล้วบดละเอียดเพื่อใช้ในระหว่างการปั้นขนมไม่ให้ติดมือ ต้องตำข้าวเหนียวตอนร้อนๆจะได้ขนมที่เนียนนิ่มและเหนียวไม่แข็งแห้งหรือมีรอยแตกไม่สวยไม่อร่อย”
ความสำคัญของประเพณีตำข้าวชาวม้ง
ประเพณีตำข้าวเหนียวชาวม้งนั้น เป็นประเพณีที่สืบทอดกันมาอย่างยาวนาน โดยทั่วไปมักจะจัดงานกันขึ้นในช่วงเดือนธันวาคม – มกราคม ของทุกปี ประเพณีตำข้าวเหนียวนี้เกิดขึ้นมาจากการที่ชาวม้งมีการนับถือวิญญาณบรรพบุรุษ สิ่งศักดิ์สิทธิ์เกี่ยวกับธรรมชาติสิ่งแวดล้อมที่อยู่บนฟ้า ในลำน้ำ ประจำต้นไม้ ภูเขา ไร่นา ฯลฯ ชาวม้งจะต้องเซ่นสังเวยสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ เหล่านี้ปีละครั้ง โดยเชื่อว่าพิธีไสยศาสตร์เหล่านี้จะช่วยให้วินิจฉัยโรคได้ถูกต้องและทำการรักษาได้ผล เพราะความเจ็บป่วยทั้งหลาย ล้วนแต่เป็นผลมาจากการผิดผี ทำให้ผีเดือดดาลมาแก้แค้นลงโทษให้เจ็บป่วย จึงต้องใช้วิธีจัดการกับผีให้คนไข้หายจากโรค หากว่าคนทรงเจ้ารายงานว่าคนไข้ที่ล้มป่วยเพราะขวัญหนี ก็จะต้องทำพิธีเรียกขวัญกลับเข้าสู่ร่างของบุคคลนั้น แต่การที่จะเรียกขวัญกลับมานั้น จะต้องมีพิธีกรรมในการปฏิบัติมากมาย บางครั้งบางพิธีกรรมก็มีความยุ่งยากในการปฏิบัติ แต่ม้งก็ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคเหล่านั้น ม้งเชื่อว่าการที่มีร่างกายสมบูรณ์แข็งแรง โดยไม่มีโรคภัยมาเบียดเบียน นั่นคือความสุขอันยิ่งใหญ่ของม้ง ฉะนั้นม้งจึงต้องทำทุกอย่างเพื่อเป็นการรักษาให้หาย จากโรคเหล่านั้น ซึ่งพิธีกรรมในการรักษาโรคของม้งนั้นมีอยู่หลายแบบ ซึ่งแต่ละแบบก็จะรักษาโรคแตกต่างกันออกไป การที่จะทำพิธีกรรมการรักษาได้นั้นต้องดูอาการของผู้ป่วยว่าเป็นเช่นไร แล้วจึงจะเลือกวิธีการรักษา “ดังนั้นการตำข้าวของชนเผ่าม้งจึงถือได้ว่าเป็นเครื่องเซ่นไหว้อีกอย่างหนึ่งที่จำทำไว้สำหรับการบูชาบรรพบุรุษ” พิธีเข้ากรรมของม้งนั้นมีมาตั้งแต่บรรพบุรุษม้งเชื่อกันว่าเคราะห์กรรมมีจริง แต่ม้งนั้นก็จะสามารถหลีกเลี่ยงเคราะห์กรรมนี้ได้โดยการเข้ากรรม การเข้ากรรมของชนเผ่าม้ง ก็เหมือนกับการจำกัดบริเวณไม่ให้ออกไปไหนมาไหน ห้ามคนอื่นที่ไม่ใช่สมาชิกในครอบครัวเข้ามาในบ้าน ห้ามไม่ให้พูดคุยกับคนอื่นที่ไม่ใช่สมาชิกในครอบครัว ห้ามจับต้องของมีคม ห้ามขับขี่รถทุกชนิดจนกว่าพระอาทิตย์จะตกดิน ถ้าในระหว่างเข้ากรรมอยู่นั้น สมาชิกคนไหน ฝ่าฝืนข้อห้าม มักจะเกิดอุบัติเหตุกับคนผู้นั้นหรือบางรายอาจถึงแก่ชีวิต ชนเผ่าม้งจึงถือเรื่องเข้ากรรมกันอย่างเคร่งครัด ถ้าสมาชิกคนใดไม่อยู่บ้าน ออกไปทำงานต่างจังหวัด ที่ไกลๆ คนในบ้านก็จะนำเอาเสื้อผ้าของคนนั้นมามัดไว้ที่เสากลางบ้าน แล้วจะบอกให้คนคนนั้นรับทราบ เพื่อขอหยุดงาน แต่ถ้านายจ้างไม่ให้หยุด คนๆนั้นก็จะเลี่ยงโดยการขอทำอย่างอื่นที่มีอันตรายน้อยที่สุดแทน สำหรับชาวม้งนั้นเชื่อว่า เคราะห์กรรมมีหลายแบบด้วยกันและสามารถแก้ได้ด้วยวิธีการที่ต่างกันไป เมื่อเจ้าบ้านเกิดอาการไม่สบายใจ หรือฝันเป็นรางร้ายก็จะไปขอให้หมอผีเสี่ยงทายดูให้ หากเสี่ยงทายแล้วว่ามีเคราะห์กรรม หมอผีจะเป็นคนบอกเองว่าเราควรแก้ด้วยวิธีการไหนบ้าง การเข้ากรรม จะทำพิธีเพื่อสะเดาะเคราะห์ หรืออาจจะปัดเป่าเคราะห์ร้ายให้หลุดพ้นไปจากตัวเองและครอบครัว อีกวิธีหนึ่งส่วนใหญ่ แล้วเจ้าบ้านจะไปขอให้หมอผีเสี่ยงทายดู เมื่อหมอผีบอกว่าบ้านไหนมีเคราะห์ หมอผีจะบอกด้วยว่าบ้านนั้นควรจะหยุดอยู่กรรมกี่วัน ส่วนใหญ่ก็จะเข้ากันหนึ่งวัน ถ้าบ้านไหนมีเคราะห์มากก็จะเข้ากรรมสองถึงสามวันติดต่อกัน บางครั้งแม้ไม่ได้เสี่ยงทาย แต่หมอผีก็จะมาทักว่าบ้านนั้น บ้านนี่ควรเข้ากรรม บ้านนั้นก็ต้องเข้า หรือบางครั้งหมอผีจะเสียงทายดูแล้วจะบอกว่าวันนี้เดือนนี้ บ้านนี้ต้องเข้ากรรมทั้งตระกูล เช่น ถ้าคนไหนเป็นแซ่ย่าง ถึงวันนั้นทุกคนก็ต้องเข้ากรรมเหมือนกันหมด แต่จะเคร่งไม่เท่ากับการเข้าเป็นครอบครัว นานๆ ครั้งถึงจะมีสักครั้ง ต่างจากการเข้าเป็นครอบครัว เพราะจะเข้าปีละกี่ครั้งก็ได้ แล้วแต่ว่าบ้านไหนจะมีเคราะห์กรรมมากหรือน้อย ก็ไม่ใช่ว่าจะต้องเข้าปีละครั้งสองครั้งต่อครอบครัว บางบ้านที่ไม่มีเคราะห์ก็จะไม่เข้ากรรมเลยก็ได้ วิธีการสังเกตว่าม้งมีการเข้ากรรมหรือไม่นั้นสามารถสังเกตได้จากในช่วงเวลานั้นจะมีไม้สานเป็นตาแหลวลักษณะเป็นหกตาเสียบไว้ หรือใบไม้ใบหญ้า ปักไว้ที่หน้าบ้าน และถ้าบ้านไหนเข้ากรรม คนในบ้านนั้นจะไม่ทักทายแขกหรือชักชวนแขกให้เข้าบ้าน บางครั้งเจ้าบ้านจะรีบปิดประตูเพื่อป้องกันไม่ให้แขกเข้าบ้าน แต่เมื่อตะวันตกดินแล้วบ้านนั้นก็จะสามารถรับแขกได้เหมือนเดิม ดังนั้น จึงสามารถสรุปได้ว่า ประเพณีตำข้าวเหนียวชาวม้งนั้นเป็นประเพณีที่จัดขึ้นช่วงปีใหม่ ซึ่งเป็นช่วงเดียวกับที่ชาวม้งจะมีข้าวซึ่งเป็นผลผลิตทางการเกษตรรุ่นแรกใช้เป็นเครื่องเช่นแก่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ตนเองนับถือ และเป็นประเพณีที่สร้างความสามัคคีในชุมชน เนื่องจากประเพณีตำข้าวเหนียวนี้จะตำเพียงปีละครั้งเท่านั้น และเมื่อข้าวเหนียวที่ตำและเซ่นไหว้เสร็จแล้วยังสามารถนำมาห่อใบตองและปิ้งเพื่อเป็นการยืดอายุของอาหารได้อีกด้วย การตำข้าวตามความเชื่อของชนเผ่าม้งหรือที่เรียกว่า ขนมโจวป่า โจวป่า คือ สัญลัษณ์แห่งพระอาทิตย์และพระจันทร์ที่ให้กำเนิดสิ่งมีชีวิตทุกอย่างในโลกทำเพื่อไหว้บรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้วที่คอยปกปักรักษาครอบครัวของตน ซึ่งเมื่อถึงวันฉลองปีใหม่ทุกบ้านจะเตรียมข้าวทำขนมโจวป่าหรือประเพณีตำข้าวเหนียวชาวม้ง ก่อน 3 วัน ซึ่งทุกคนตั้งแต่ผู้สู้อายุไปจนถึงเด็กๆต่างก็ชอบอาหารชนิดนี้แถมยังเก็บได้นานเป็นเดือนด้วย เมื่อแป้งขนมแข็งตัวก็อาจนำไปทอดกรอบได้อีก เมื่อถึงเวลาตำข้าวเหนียวชาวม้งจะมารวมตัวกันเพื่อช่วยกันตำข้าวเหนียว โดยในการตำข้าวเหนียวนั้นจะชาวม้งจะมีอุปกรณ์ที่ใช้ในการตำข้าวเหนียวโดยเฉพาะซึ่งชาวม้งจะถือว่า อุปกรณ์ดังกล่าวเป็นอุปกรณ์เฉพาะที่ไม่สามารถใช้ร่วมกับประเพณีอื่นๆได้ ดังนั้น ใน 1 ปี ชาวม้งจะใช้ครกและสาก/ไม้สำหรับตำข้าวเหนียวเพียง 1 ครั้งเท่านั้น
อุปกรณ์ในการตำข้าว
อุปกรณ์ที่ใช้ในการตำข้าวนั้นประกอบไปด้วย 2 ชิ้นคือ ครกสำหรับใช้ตำข้าวและสากที่ใช้ในการตำข้าวนั้นเอง ซึ่งทั้ง 2 ชิ้นนี้มีลักษณะดังรูปที่ 1 และ 2 1. ครกสำหรับตำข้าว
ภาพที่ 1 แสดงครกม้งที่ใช้ในการตำข้าว
2. สาก/ไม้สำหรับตำข้าวเหนียว
ภาพที่ 2 แสดงสาก/ไม้สำหรับใช้ในงานประเพณีตำข้าวเหนียวชาวม้ง
วัตถุดิบในการตำข้าว
วัตถุในประเพณีตำข้าวม้ง หรือ โจวป่า วัตถุดิบที่ขาดไม่ได้เลยคือ ข้าวเหนียว เนื่องจากข้าวเหนียวคือวัตถุดิบหลักที่ใช้ในการประกอบพิธีตำข้าวม้งหรือโจวป่านั้นเอง นอกจากข้าวเหนียวนั้นยังต้องมีไข่แดงต้มและใบตองเพื่อใช้เป็นพาชนะในการห่อ ข้าวตำด้วย ดังรูปที่ 3 - 4
1. ข้าวเหนียว
รูปที่ 3 แสดงข้าวเหนียวที่ใช้ในการตำข้าว(วีรวรรณ แจ้งโม้และคณะ, 2562) 2. ไข่แดงต้ม
รูปที่ 4 แสดงไข่ต้มที่ใช้เป็นส่วนประกอบในการตำข้าว(วีรวรรณ แจ้งโม้และคณะ, 2562) 3 ใบตอง
รูปที่ 5 แสดงใบตองที่ใช้ในการห่อข้าวตำ(วีรวรรณ แจ้งโม้และคณะ, 2562)
1.13 วิธีการตำข้าวเหนียว
จากการสัมภาษณ์ชาวบ้านในหมู่บ้านตลาดม้ง พบว่า กระบวนการวิธีการตำข้าวเหนียวเพื่อใช้ในงานประเพณีนั้นไม่ได้ยุ่งยากหรือซับซ้อน แต่กลับยังคงรักษา เอกลักษณ์การดำรงชีวิตที่เรียบง่ายของชาวม้งไว้ได้เป็นอย่างดี(คู จันทร, 2562)
1. นึ่งข้าวเหนียวตามปกติที่เราต้องการ(ภาพที่ 6)
2. นำข้าวเหนียวที่นึ่ง(ในขณะที่ยังร้อน เพื่อให้ได้เนื้อสัมผัสที่เนียน นุ่ม) ลงในครกที่ใช้ในงานประเพณีตำข้าวเหนียว(ภาพที่ 7)
รูปที่ 6 แสดงการนึ่งข้าวเหนียว (Barw sakaew, 2562)
รูปที 7 แสดงการเตรียมข้าวเหนียวเพื่อตำ(วีรวรรณ แจ้งโม้และคณะ)
3. ตำข้าวเหนียวในครกด้วยสากหรือไม้สำหรับตำข้าวเหนียวให้ละเอียดไม้และครกนั้น/โดยสากไม้และครกที่ใช้สำหรับประเพณีตำข้าวเหนียวเท่านั้น ไม่สามารถนำไปใช้ปนกับครกหรือ/จะต้องเป็นสากที่ใช้ในชีวิตประจำวันได้ (ภาพที่ 8-9)
รูปที่ 8 แสดงการสาธิตการตำข้าวเหนียวโดยใช้คนตำเพียงคนเดียว (วีรวรรณ แจ้งโม้และคณะ, 2562)
รูปที่ 9 แสดงการสาธิตการตำข้าวเหนียวโดยใช้คนมากกว่า 1 คน ช่วยกันตำ (วีรวรรณ แจ้งโม้และคณะ, 2562)
4. เมื่อข้าวเหนียวละเอียดแล้ว ชาวม้งจะปั้นข้าวเหนียวให้เป็นก้อนและห่อด้วยใบตองแล้วนำก้อนข้าวเหนียวที่ห่อด้วยใบตองไปไหว้บรรพบุรุษ(ภาพที่ 10)
5 เมื่อไหว้บรรพบุรุษเรียบร้อยแล้วจึงนำมาปิ้งเพื่อเก็บไว้บริโภคนานๆ(ภาพที่ 11)
รูปที่ 10 แสดงการปั้นข้าวเหนียวที่ละเอียดแล้วหลังตำให้ละเอียด(วีรวรรณ แจ้งโม้และคณะ, 2562)
รูปที่ 11 แสดงการปิ้งข้าวเหนียวหลังจากนำไปไหว้บรรพบุรุษเพื่อเก็บไว้รับประทาน(วีรวรรณ แจ้งโม้และคณะ, 2562) 2. ข้อมูลการสำรวจ
2.2 วันเดือนปีที่สำรวจ วันที่ 10 ธันวาคม 2561
2.3 วันปรับปรุงข้อมูล วันที่ 10 ธันวาคม 2561 2.4 ผู้ควบคุมการสำรวจ อาจารย์วีรวรรณ แจ้งโม้ อาจารย์วิษณุเดช นันไชยแก้ว อาจารย์ชูเกียรติ เนื้อไม้ 2.5 ผู้สำรวจข้อมูล : นางสาวอารยา สามเอื้อย นางสาวจิตรา บุญแสง นางสาวมณี บัวเผียน นางสาวกิ่งกาญ รักสิงห์ 2.6 คำสำคัญ(Tag) ประเพณีตำข้าวเหนียว, ขนมโจวป่า, ม้ง