ฐานข้อมูล เรื่อง เป้งนา พืชพื้นบ้านสู่อาหารสงวน อำเภอพรานกระต่าย
ต้ม ผัด แกง ทอด มักเป็นคำที่พวกเราจะได้ยินกันเสมอเมื่อใกล้จะถึงเวลาอาหาร ไม่ว่าจะในเวลาไหน อาหารประเภทต้ม ผัด แกง หรือทอดนี้ ก็ยังคงเป็นอาหารที่เราชาวไทยนิยมและคุ้นเคยกันเสมอมาตั้งแต่ครั้นเป็นเด็กจวบจนย่างเข้าสู่วันชรา แกงหัวเป้ง นับว่าเป็นอาหารพื้นถิ่นอีกชนิดหนึ่งที่ชาวบ้าน หมู่บ้านลานกระทิง ตำบลวังควง อำเภอพรานกระต่าย จังหวัดกำแพงเพชรนิยมนำมาทำเป็นอาหารในช่วงที่หัวเป้งมีขนาดพอรับประทานได้แล้ว แต่ในปัจจุบันหัวเป้งที่มีรสชาติหวานเริ่มลดจำนวนลงจนใกล้จะสูญพันธุ์ แกงหัวเป้งก็เริ่มหารับประทานยากตามไปด้วย ทำให้ชาวบ้านมีกฎร่วมกันว่า ชาวบ้านในท้องถิ่นเท่านั้นที่สามารถเข้าไปหาหัวเป้งมาเพื่อรับประทานเป็นอาหารในครัวเรือน โดยห้ามนำออกไปจำหน่ายนอกหมู่บ้านโดยเด็ดขาดแต่ใบของเป้งนานั้นสามารถนำไปทำเป็นอุปกรณ์ต่างๆเช่น ไม้กวาดเพื่อเป็นอาชีพเสริมได้
ข้อมูลทั่วไป[แก้ไข]
ชื่ออาหาร[แก้ไข]
แกงหัวเป้ง
ชื่อเรียกอื่น ๆ[แก้ไข]
ปาล์มเป้ง เป้งนาหรือหน่อเป้ง หมากเป้ง ต้นเป้ง(ภาษาอีสาน) เป้งดอย เป้งป่าและปุ่มเป้ง
แหล่ง/ถิ่นอาหาร[แก้ไข]
แกงหัวเป้งคืออาหารประจำถิ่นของหมู่บ้านหนองหินเตาปูน ตำบลพรานกระต่าย อำเภอพรานกระต่าย จังหวัดกำแพงเพชร เนื่องจากเป็นหมู่บ้านที่มีหัวเป้งเจริญเติบโตและปัจจุบันแกงหัวเป้งกลายเป็นอาหารที่หารับประทานยากเพราะหัวเป้งหรือเป้งนาเหลืออยู่เป็นจำนวนน้อยและใกล้สูญพันธุ์
ประเภทอาหาร[แก้ไข]
อาหารคาว
ผู้คิดค้น[แก้ไข]
นางสมาน บัวเผียน ชาวบ้านอำเภอพรานกระต่าย (ผู้เชี่ยวชาญในชุมชน)
ข้อมูลจำเพาะ[แก้ไข]
เป้งนาเป็นพืชพื้นบ้านที่พบว่าขึ้นกระจายอยู่โดยทั่วไปในตอนเหนือของอินเดีย พม่า และภาคตะวันตกของประเทศไทย ซึ่งจะพบมากตามป่าโปร่งที่เปิด ความสูงประมาณ 300-600 เมตร. จากระดับน้ำทะเล (องค์การสวนพฤกษศาสตร์, 2562) เป้านาเป็นพืชตระกูลปาล์ม (ARECACEAE PALMAE) นอกจากข้อมูลทางวิทยาศาสตร์แล้ว เป้ง ทั้งเป้งนาและเป้งทะเล กลับเป็นพืชที่หายากและกำลังจะสูญพันธุ์ในปัจจุบัน เนื่องจากปริมาณป่าไม้ที่ลดลงเรื่อยๆ ทำให้พื้นที่ที่เหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของเป้งนั้นลดน้อยลงไปในทิศทางเกี่ยวกัน นอกจากปัญหาทางสภาพพื้นที่ที่เหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของเป้งนาลดลงแล้ว พฤติกรรมของมนุษย์ที่มักจะขุดเอาหัวเป้งไปทำเป็นอาหารก็เป็นอีกประเด็นหนึ่งที่ส่งผลให้เป้งกำลังจะสูญพันธุ์ จากภาวะวิกฤติของต้นเป้งในปัจจุบันทำให้ประชาคมหมู่บ้านลานกระทิง ตำบลวังควง อำเภอพรานกระต่าย จังหวัดกำแพงเพชร ชุมชนท้องถิ่นในอำเภอพรานกระต่ายต้องตั้งกติกาในการขุดเป้งนามาใช้ในชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะหัวเป้งที่สามารถนำมาทำอาหารและนำไปเป็นสินค้าเพื่อขายให้กับคนนอกท้องถิ่น ดังนั้นเพื่อเป็นการอนุรักษ์เป้ง หรือเป้งนาให้คงอยู่คู่กับหมู่บ้านลานกระทิง ตำบลวังควง อำเภอพรานกระต่าย จังหวัดกำแพงเพชร ตลอดไปชาวบ้านจึงอนุญาตให้ขุดหัวเป้งเพื่อนำมาทำเป็นอาหารสำหรับในชุมชนเท่านั้น แต่ใบของเป้งนั้นสามารถนำไปทำเป็นไม้กวาดเพื่อสร้างอาชีพได้
ภาพที่ 1 แสดงลักษณะต้นเป้งนา
ลักษณะของเป้งนา[แก้ไข]
เป้งนามีชื่อทางวิทยาศาสตร์ คือ Phoenix a caulis Ham หรือ ARECACEAE (PALMAE) ซึ่งอยู่ในพืชประเภทตระกูลปาล์ม ซึ่งโดยปกติแล้วปาล์มจะมีความสูงประมาณ 1-2 เมตร ลำต้นแข็ง ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 15-25 เซนติเมตร ส่วนใบเป็นใบประกอบแบบขนนก ยาว 60-180 เซนติเมตร และก้านใบมีความยาวประมาณ 30 เซนติเมตร นอกจากนั้นแล้วเป้งนายังมีหนามที่ด้านบนของต้น ส่วนโคนเป็นกาบหุ้มลำต้น ใบย่อยแข็ง รูปใบหอกแกมยาว แผ่นใบห่อเป็นสามเหลี่ยม ปลายใบแหลมคล้ายเข็ม ดอกสีขาวครีม และที่สำคัญคือ เพศผู้และเพศเมียจะอยู่คนละต้นกัน ซึ่งจะออกเพศเป็น ช่อสั้น แน่น ใกล้ส่วนโคน โดยมีขนาดของช่อประมาณ 15-25 เซนติเมตร ช่อดอกมีกาบรูปกระทงขนาดใหญ่รองรับ ดอกย่อยอัดกันแน่น ดอกเพศเมียจะมีรูปถ้วยปลายแยกเป็น 3 แฉก ส่วนดอกเพศผู้นั้นจะมีรูปทรงกลม ปลายแยกเป็น 6 แฉก ดอกย่อยขนาด 2-4 เซนติเมตร ผลรูปไข่แกมขอบขนาน มีร่องตื้นๆ ตามยาว ขนาด 0.6-0.8 เซนติเมตร มีเนื้อหุ้มบางๆ ด้านนอก เมื่อสุกแล้วผลจะมีสีแดงถึงดำ ภายในมีเมล็ดเดียว ส่วนเป้งนานั้นจะมีลักษณะเป็นกอ ลำต้นสูงได้ถึง 6 เมตร เส้นผ่าศูนย์กลางต้น 25-40 เซนติเมตร มีรากค้ำที่โคนต้น ซึ่งรากมีความสูงได้ประมาณ 25 เซนติเมตร ซึ่งส่วนรากนี่เองที่เป็นที่นิยมของผู้ที่ชื่นชอบปลูกปาล์มนำเอาต้น “เป้งนา” ไปปลูกโชว์ความสวยงามและแปลกตาของรากดูสวยงามมาก
ภาพที่ 2 แสดงลักษณะของใบเป้งนา
ใบเป้ง ใบเป้ง เป็นใบประกอบแบบขนนกโดยมีลักษณะแข็ง ตั้งขึ้น หรือแผ่ออก 8-50 ทาง ใบเป้งมีลักษณะเป็นสีเขียวหรือสีเขียวอมเทา มีนวลขาว ขอบกาบใบมีใยสีน้ำตาลสานกันแน่น ก้านใบสั้น แผ่นใบยาว 1-2 เมตร บางครั้งจะบิดมีใบย่อยด้านละ 25-75 ใบ ใบย่อยแข็ง ใต้ใบเป็นสีเทาอ่อน มีหนามแหลม แข็งดูเหมือนเข็ม
ภาพที่ 3 แสดงลักษณะของดอกเป้ง
ดอกเป้ง ดอกเป้ง ออกเป็นช่อระหว่างกาบใบจำนวนมาก ช่อดอกจะสั้นกว่าใบ ดอกของต้นเป้งเป็นแบบแยกเพศ ซึ่งช่อดอกเพศผู้จะมีลักษณะเอนยาว 30 เซนติเมตร ห้อยลง ส่วนช่อดอกเพศเมียนั้นจะแผ่ออก มีความยาวประมาณ 75 เซนติเมตร ขณะเป็นดอก จะยาวได้ถึง 160 เซนติเมตร
ภาพที่ 4 แสดงลักษณะของผลเป้ง
ผลเป้ง มีลักษณะเป็นรูปทรงยาวรี ผลดิบจะมีสีเขียว รสชาติขมฝาด แต่เมื่อผลสุกแล้ว ผลเป้งจะมีสีดำและรสชาติหวาน ซึ่งนอกจากผลเป้งจะสามารถนำมารับประทานเล่นได้แล้ว ผลเป้งยังมีลักษณะสวยงามและสามารถนำต้นเป้งมาดูเพื่อความบันเทิงได้อีกด้วย ดอกและผลเป้งจะออกดอกและผลปีละครั้งเท่านั้น หากต้องการขยายพันธุ์ต้นเป้งจึงต้องขยายด้วยเมล็ด ทำให้การขยายพันธุ์เป้งเป็นไปด้วยความยากลำบาก เพราะไม่ใช่แค่จะสามารถขยายได้ปีละครั้งตามการออกดอกเท่านั้น แต่บางปี ดอกและผลอาจจะไม่สมบูรณ์ด้วยสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไปอีกด้วย ดังนั้นการกระจายพันธุ์เป้งจึงมักจะพบเห็นตามป่าแถวทุ่งนาเป็นส่วนมากจึงเป็นที่มาของชื่อ เป้งนานั้นเอง เป้งนาพบมากตามที่แห้งแล้ง ป่าเปิด ป่าเสื่อมโทรม ทุ่งหญ้าทุกภาค พบมากทางภาคเหนือของประเทศ แต่พอต้นเป้งนาเริ่มตั้งลำ มีหัว มักจะถูกชาวบ้านหรือชาวเขา ใช้ มีดตัดยอด ไปปรุงเป็นอาหารหลายอย่างเพื่อรับประทาน จึงทำให้ต้นเป้งไม่โตและดูเหมือนเป็นต้นแคระ บางคนจึงเรียกเป้งนานี้ว่า “เป้งนาแคระ” นอกจากชื่อ “เป้งนา” แล้ว ยังมีชื่อเรียกอีกคือ เป้งดอย เป้งป่าหรือปุ่มเป้ง เหมาะจะปลูกเป็นไม้ประดับ ลงกระถางขนาดใหญ่ ตั้งประดับเป็นไม้ประดับได้ เป้งนา สามารถปลูกในพื้นที่ที่มีบริเวณแคบๆได้ แต่ควรตั้งไว้ในที่มีแสงแดดส่องตลอดทั้งวัน แต่หลังปลูกผู้ปลูกจะต้องขยันตัดแต่งก้านใบออกอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้เหลือกาบใบหุ้มติดอยู่กับโคนกอหรือโคนต้นเป็นช่องไฟเท่าๆกัน จะทำให้ ลำต้นดูงดงามมาก
ประวัติความเป็นมาของแกงหัวเป้ง[แก้ไข]
ภาพที่ 5 แสดงลักษณะต้นเป้ง
หลายคนอาจไม่เคยได้ยินชื่อ เป้งนา หรือหัวเป้งมาก่อน ซึ่งสมัยก่อนชาวบ้านจะนิยมนำหัวเป้งมาแกง เรียกว่า “แกงหัวเป้ง” หัวเป้งจะมีรสหวานอมขมเล็กน้อยเหมือนยอดมะพร้าวอ่อน แต่มีขนาดเล็กกว่ายอดมะพร้าวอ่อนมาก ต้นเป้งจะมีลักษณะคล้ายกาบหมากและกาบมะพร้าว แต่มีขนาดเล็กกว่ามาก ชาวบ้านจึงนิยมหัวเป้งมารับประทานเพราะสามารถนำมาประกอบอาหารได้ง่ายกว่าหมากหรือยอดมะพร้าว "หัวเป้ง" จะนิยมขุดมาขายและรับประทานในช่วงเดือนมีนาคม-พฤษภาคมของทุกปีเท่านั้น เนื่องจากช่วงเดือนมีนาคมไฟจะไหม้ป่า จะไหม้ใบเป้ง พอครึ่งเดือนจะแตกใบพันถ้าใบพันใหญ่หัวเป้งจะยิ่งอ่อนและมีรสชาติหวาน นอกจากหัวเป้งแล้วลูกเป้งก็ยังสามารถนำมารับประทานเป็นอาหารได้ ชาวบ้านจะนิยมรับประทานลูกเป้งแต่เปลือก(ในกรณีที่ลูกเป้งสุกแล้วเท่านั้น)แต่ถ้าลูกเป้งดิบจะสามารถรับประทานเม็ดเป้งข้างในได้ (สมาน บัวเผียน, 2562, มกราคม 30)
ข้อมูลการประกอบอาหาร[แก้ไข]
หมู่บ้านหนองหินเตาปูน ตำบลพรานกระต่าย อำเภอพรานกระต่าย จังหวัดกำแพงเพชร
เครื่องปรุง[แก้ไข]
ภาพที่ 6 แสดงเครื่องปรุงที่ใช้ในทำแกงหัวเป้ง
ตารางที่ 1 แสดงส่วนผสมที่ใช้ในการทำแกงหัวเป้ง
รายการ | อัตราส่วน |
---|---|
หัวเป้ง | 5 หัว (หั่นเป็นชิ้นๆ) |
พริกแกง | 3 ช้อนโต๊ะ * |
น้ำปลา | 2 ช้อนโต๊ะ |
น้ำมันพืช | 2 ช้อนโต๊ะ |
ผงชูรส | 1 ช้อนชา |
หมูสับ | 200 กรัม |
หอมซอย | 4 หัว |
ชะอม | เล็กน้อย |
ตารางที่ 2 แสดงส่วนผสมของน้ำพริกแกงเผ็ด
รายการ | อัตราส่วน |
---|---|
ตะไคร้ | 1 ต้น |
ข่าหัน | 3-4 ชิ้น |
ผิวมะกรูด | 1 ลูก |
พริกแห้ง | 15 เม็ด |
กะปิ | 1 ช้อนโต๊ะ |
เกลือ | ½ ช้อนโต๊ะ |
กระเทียม | 1 ½ หัว |
ขั้นตอนการเตรียมหัวเป้ง[แก้ไข]
1. คัดเลือกต้นเป้งที่มีลักษณะสูงและเติบโตเต็มที่
ภาพที่ 7 แสดงต้นเป้งนาที่สามารถนำมาประกอบอาหารได้
ภาพที่ 8 แสดงต้นเป้งนาที่สามารถนำมาประกอบอาหารได้
2. ขุดหัวเป้ง
ภาพที่ 9 แสดงการขุดหัวเป้งนา
ภาพที่ 10 แสดงการขุดหัวเป้งนาโดยชาวบ้านในพื้นที่
3. ปลอก
ภาพที่ 11 แสดงลักษณะกลุ่มหัวเป้งนาก่อนแยกออกเป็นหัว
ภาพที่ 12 แสดงการปลอกหัวเป้งนา
4. หัวเป้งนาที่พร้อมใช้ในการประกอบอาหาร
ภาพที่ 13 แสดงหัวเป้งนาที่พร้อมใช้ในการประกอบอาหาร
ขั้นตอนการปรุง[แก้ไข]
1. ตำพริกแกงโขลกให้แหลก 2. ละลายพริกแกงในน้ำ
ภาพที่ 14 แสดงพริกแกงที่ใช้ในการทำแกงหัวเป้ง
3. ตั้งน้ำมันให้เดือดแล้วใส่หอมแดงซอยลงไปแล้วตามด้วยพริกแกงลงไปผัดให้เข้ากัน
ภาพที่ 15 แสดงการเจียวหอมแดงในกระทะ
ภาพที่ 16 แสดงการนำพริกแกงลงไปผัดร่วมกับหอมแดง
4. ใส่หมูลงไปผัดกับพริกแกงรอจนหมูสุก
ภาพที่ 17 แสดงการนำเนื้อหมูเข้าไปผัดกับพริกแกงและหอมแดง
5. ใส่หัวเป้งและชะอมลงไปคนให้เข้ากันและรอสุก
ภาพที่ 18 แสดงการนำหัวเป้งและชะอมเข้าไปพัดกับพริกแกงและหอมแดงจนสุก
6. ตักใส่จานพร้อมเสิร์ฟ
ภาพที่ 19 แสดงการนำหัวเป้งและชะอมเข้าไปพัดกับพริกแกงและหอมแดงจนสุก
การเสิร์ฟ/การรับประทานอาหาร ชาวบ้านส่วนมากจะรับประทานคู่กับข้าวสวย หรือเป็นกับแก้มกินกับอย่างอื่นก็ได้
ภาพที่ 20 ข้าวสวยพร้อมรับประทาน
*ข้อแนะนำ เมื่อซื้อหัวเป้งมาควรนำมาประกอบอาหารเลย เพราะว่าถ้าแช่ไว้ในตู้เย็นนาน 3-4 วัน จะทำให้หัวเป้งมีรสชาติจืด เนื่องจากหมู่บ้านคลองบางทวน ตำบลหนองปลิง อำเภอเมือง มีการนำหัวเป้งมาแกงเป็นกับข้าว เราจึงนำมาเปรียบเทียบกันว่าจะมีการประกอบอาหารเหมือนหรือแตกต่างจากหมู่บ้านหนองหินเตาปูน ตำบลพรานกระต่าย มากน้อยเพียงใด
ตารางที่ 3 แสดงเครื่องปรุงสำหรับใช้ทำแกงหัวเป้ง
รายการ | อัตราส่วน |
---|---|
หมูสันสามชั้น | 200 กรัม |
หัวเป้ง | 8 หัว (จะหั่นเป็นชิ้นๆหรือสับก็ได้) |
พริกแกง | 2 ช้อนโต๊ะ * |
น้ำปลา | 2 ช้อนโต๊ะ |
น้ำเปล่า | 2 ถ้วยตวง |
ผงชูรส | 1 ช้อนชา |
กะทิ | 1 กล่องกลาง |
ตารางที่ 4 แสดงส่วนผสมพริกแกงสำหรับทำแกงหัวเป้ง
รายการ | อัตราส่วน |
---|---|
ตะไคร้ | 1 ต้น |
ข่าหัน | 3-4 ชิ้น |
ผิวมะกรูด | 1 ลูก |
พริกแห้ง | 15 เม็ด |
กะปิ | 1 ช้อนโต๊ะ |
เกลือ | ½ ช้อนโต๊ะ |
กระเทียม | 1 ½ หัว |
ขั้นตอนการปรุง 1. ผัดพริกแกงกับกะทิรอให้เดือด 2. เอาหมู 3 ชั้นใส่ลงไปรอจนหมูสุก 3. เทกะทิลงไปไห้มีน้ำ ชิมรสชาติที่เราต้องการแล้วเทกะทิลงไปอีก 4. เมื่อหมูสุกและรสชาติได้ที่แล้ว จึงใส่หัวเป้งลงไป 5. ตักใส่จานพร้อมเสิร์ฟ จากข้อมูลของทั้ง 2 พื้นที่จะเห็นได้ว่า การปรุงแกงหัวเป้งนั้นมีลักษณะ ขั้นตอน เครื่องปรุงและวิธีการทำที่คล้ายคลึงกันขึ้นอยู่กับวัตถุดิบและรสนิยมในการปรุงอาหารแต่ละพื้นที่เป็นหลักนอกจากนั้นแล้วยังแสดงให้เห็นว่า หัวเป้งเป็นพืชที่ได้รับการยอมรับจากชาวบ้านในการนำมาปรุงเป็นอาหารอย่างแพร่หลาย ไม่ได้เฉพาะในพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่งเท่านั้น
ข้อมูลการสำรวจ[แก้ไข]
วันเดือนปีที่สำรวจ[แก้ไข]
วันพุธ ที่ 30 เดือน มกราคม พ.ศ.2562 ณ หมู่บ้านลานกระทิง ตำบลวังควง อำเภอพรานกระต่าย จังหวัดกำแพงเพชร
วันปรับปรุงข้อมูล[แก้ไข]
วันจันทร์ ที่ 18 เดือน กุมภาพันธ์ พ.ศ.2562
ผู้ควบคุมการสำรวจ[แก้ไข]
อาจารย์วีรวรรณ แจ้งโม้ อาจารย์วิษณุเดช นันไชยแก้ว อาจารย์ชูเกียรติ เนื้อไม้
ผู้สำรวจข้อมูล[แก้ไข]
นางสาวอารยา สามเอื้อย นางสาวจิตรา บุญแสง นางสาวมณี บัวเผียน นางสาวกิ่งกาญ รักสิงห์
คำสำคัญ(Tag)[แก้ไข]
เป้งนา, หัวเป้ง, ไม้กวาดใบเป้ง, กำแพงเพชร, พรานกระต่าย