ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ฐานข้อมูล เรื่อง บ่อน้ำพุร้อนพระร่วง"
Admin (คุย | มีส่วนร่วม) (สร้างหน้าด้วย "=='''ข้อมูลทั่วไป'''== ==='''ชื่อเรียกทางการ'''=== บ่อน้ำพุร้อน...") |
Admin (คุย | มีส่วนร่วม) |
||
แถว 5: | แถว 5: | ||
บึงสาป, บ่อน้ำร้อนบึงสาป เขาไก่เขี่ย | บึงสาป, บ่อน้ำร้อนบึงสาป เขาไก่เขี่ย | ||
==='''ที่ตั้ง/ที่ค้นพบ'''=== | ==='''ที่ตั้ง/ที่ค้นพบ'''=== | ||
− | + | [[ไฟล์:1 บ่อน้ำพุร้อนพระร่วง.jpg|500px|thumb|center]] | |
− | ภาพที่ 1 บ่อน้ำพุร้อนพระร่วง | + | <p align = "center"> '''ภาพที่ 1 บ่อน้ำพุร้อนพระร่วง''' </p> |
− | + | ตั้งอยู่ที่หมู่ 3 ตำบลลานดอกไม้ อำเภอเมืองกำแพงเพชร ห่างจากตัวเมืองประมาณ 13 กิโลเมตร บนทางหลวงหมายเลข 101 สายกำแพงเพชร-พรานกระต่าย น้ำพุร้อนพระร่วงมีพื้นที่โดยประมาณ 15 ไร่ สภาพแวดล้อมโดยล้อมรอบเป็นพื้นที่เกษตรและป่าละเมาะ บ่อน้ำร้อน มีลักษณะเป็นน้ำ แร่ร้อนธรรมชาติผุดจากแหล่งใต้ดิน จำ นวน 5 จุด มี ความร้อนประมาณ 40-65 องศาเซลเซียส เชื่อกันว่าเป็นแหล่งนํ้ำ แร่ ที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ | |
− | |||
==='''ที่ตั้งพิกัดทางภูมิ | ==='''ที่ตั้งพิกัดทางภูมิ | ||
− | พิกัด UTM (WGS 1984) X 550091.284000, Y 1841819. | + | พิกัด UTM (WGS 1984) X 550091.284000, Y 1841819.557000 ละติจูด 16.658351, ลองจิจูด 99.469744 ความสูงจากระดับนำทะเลปานกลาง 80.00 เมตร |
− | |||
− | |||
==='''สภาพธรณีวิทยา'''=== | ==='''สภาพธรณีวิทยา'''=== | ||
− | + | ได้นำตัวอย่างน้ำแร่ร้อนที่บ่อน้ำพุร้อนพระร่วงแห่งนี้ให้กับหน่วยงานในสังกัดสาธารณสุขจังหวัดกำแพงเพชร ทำการตรวจวิเคราะห์ผลปรากฏว่าไม่มีสารปนเปื้อนและไม่มีเชื้อโรคที่เป็นอันตราย อีกทั้งไม่มีกลิ่นกำมะถัน อุณหภูมิของน้ำร้อนอยู่ระหว่าง 45-60 องศาเซลเซียส ใช้อาบ แช่ตัวได้ และที่สำคัญดื่มได้อย่างปลอดภัย แร่ธาตุที่มีอยู่ในน้ำแร่ประกอบด้วย แคลเซียม เหล็ก แมกนีเซียม ฟลูออไรด์ โซเดียม ไบคาร์บอเนต ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์คลอไรด์ ซัลเฟต และไนเตรต | |
− | ภาพที่ 2 น้ำภายในบ่อน้ำพุร้อนพระร่วง | + | [[ไฟล์:2 น้ำภายในบ่อน้ำพุร้อนพระร่วง.jpg|500px|thumb|center]] |
+ | <p align = "center"> '''ภาพที่ 2 น้ำภายในบ่อน้ำพุร้อนพระร่วง''' </p> | ||
==='''ประเภททรัพยากร'''=== | ==='''ประเภททรัพยากร'''=== | ||
− | พืชพรรณ - ส่วนใหญ่เป็นพรรณไม้ประดับ | + | พืชพรรณ - ส่วนใหญ่เป็นพรรณไม้ประดับ |
− | สัตว์ป่า – ไม่มีข้อมูล | + | สัตว์ป่า – ไม่มีข้อมูล |
− | |||
==='''สถานะการขึ้นทะเบียน'''=== | ==='''สถานะการขึ้นทะเบียน'''=== | ||
− | + | สถานภาพแหล่งธรรมชาติจากโครงการแนวทางการจัดการแผนแม่บทเพื่อการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมธรรมชาติ ปี 2547 | |
− | + | ==='''หน่าวยงานที่ดูแลรักษา'''=== | |
− | + | องค์การบริหารส่วนจังหวัดกำแพงเพชร | |
− | + | =='''ข้อมูลจำเพาะทรัพยากรธรรมชาติ'''== | |
− | + | ==='''ประวัติความเป็นมา/คำบอกเล่า/ตำนาน'''=== | |
− | + | [[ไฟล์:3 ภาพศาลพระร่วง.jpg|500px|thumb|center]] | |
− | + | <p align = "center"> '''ภาพที่ 3 ภาพศาลพระร่วง''' </p> | |
− | + | ตามตำนานกล่าวว่า บ่อน้ำพุร้อนพระร่วง แต่เดิมบริเวณบ่อน้ำพุร้อนแห่งนี้มีลักษณะเป็นลุ่มน้ำขัง มีป่าโปร่งล้อมรอบสลับด้วยเนินเตี้ย ๆ พื้นดินบางแห่งมีหินโผล่ขึ้นเป็นกลุ่มน้อยใหญ่สลับกันตำนานเล่าว่าครั้งสมัยกรุงสุโขทัยเป็นราชธานี สมเด็จพระร่วงเจ้าได้เสด็จประพาสป่าล่าสัตว์มาถึงบริเวณบ่อน้ำพุร้อนแห่งนี้ วันหนึ่งพระองค์ทรงเห็นไก่ป่าตัวหนึ่งมีลักษณะสวยงามและมีเสียงขันไพเราะมาก จึงทรงให้นายพรานที่ตามเสด็จ ต่อไก่ป่าตัวนั้นและได้ไก่ป่าสมพระราชประสงค์ โดยมีไก่ป่าตัวอื่นๆ ติดไปด้วยเป็นจำนวนมาก ในวันนั้นพระองค์และนายพรานล่าสัตว์อื่นไม่ได้เลย จึงทรงให้ทหารนำไก่ป่าตัวอื่นๆไปปรุงอาหารสำหรับเสวย แต่เนื่องจากบริเวณดังกล่าวเป็นป่า ไม่มีบ้านเรือนราษฎร จึงไม่มีไฟใช้ทำอาหาร พระองค์จึงทรงสาปน้ำที่อยู่ในบึงบริเวณใกล้ๆ ให้เป็นน้ำร้อน บึงดังกล่าวจึงเรียกว่า“บึงพระร่วงสาป” ต่อมาภายหลังเรียกสั้นลงว่า “บึงสาป” และเป็นที่โจษขานกันว่าน้ำในบึงสาปนี้สามารถรักษาโรคภัยไข้เจ็บ เช่น โรคปวดเมื่อยตามร่างกาย โรคผิวหนังได้ จึงมีประชาชนในท้องถิ่นและจังหวัดใกล้เคียงพากันไปอาบ ดื่ม กิน และบางรายนำน้ำกลับไปเพื่อเป็นสิริมงคล | |
− | + | บึงสาป เป็นบ่อน้ำพุร้อนตามธรรมชาติของกำแพงเพชร ที่มีชื่อเสียงมาก เดิมเรียกกันว่า | |
− | |||
− | |||
− | |||
− | ภาพที่ 3 ภาพศาลพระร่วง | ||
− | ตามตำนานกล่าวว่า บ่อน้ำพุร้อนพระร่วง | ||
− | บึงสาป เป็นบ่อน้ำพุร้อนตามธรรมชาติของกำแพงเพชร ที่มีชื่อเสียงมาก เดิมเรียกกันว่า | ||
บึงสาป มีลักษณะเป็นบึงขนาดใหญ่ มีเนื้อที่หลายไร่ ชาวบ้านแต่โบราณใช้น้ำจากบึงสาปนี้มาอาบกินซึ่งเชื่อกันว่า สามารถรักษาโรคภัยไข้เจ็บได้ บึงสาปมีชื่อที่เรียกกันเป็นทางการว่า บ่อน้ำพุร้อนพระร่วง ....บึงสาปมีตำนานเรื่องการต่อไก่ของพระร่วงเจ้า ในสมัยสุโขทัยว่า พระร่วงเจ้าเสด็จมาต่อไก่ บริเวณพรานกระต่าย ตามไก่มาถึงบึงน้ำใหญ่แห่งหนึ่ง พระองค์ต้องการที่จะลวกไก่ เพื่อถอนขน แต่ไม่มีน้ำร้อนลวกไก่ จึงสาปให้น้ำในบึง ร้อน เพื่อลวกไก่ เมื่อถอนขนไก่แล้ว ไม่มีน้ำเย็นสำหรับล้างไก่ จึงสาปอีกบ่อหนึ่งให้เป็นน้ำเย็น บึงที่พระร่วงสาปจึงกลายมาเป็นบึงสาปในปัจจุบันตามความเชื่อในตำนานของพระร่วง ซึ่งมีมากมายในบริเวณนี้ | บึงสาป มีลักษณะเป็นบึงขนาดใหญ่ มีเนื้อที่หลายไร่ ชาวบ้านแต่โบราณใช้น้ำจากบึงสาปนี้มาอาบกินซึ่งเชื่อกันว่า สามารถรักษาโรคภัยไข้เจ็บได้ บึงสาปมีชื่อที่เรียกกันเป็นทางการว่า บ่อน้ำพุร้อนพระร่วง ....บึงสาปมีตำนานเรื่องการต่อไก่ของพระร่วงเจ้า ในสมัยสุโขทัยว่า พระร่วงเจ้าเสด็จมาต่อไก่ บริเวณพรานกระต่าย ตามไก่มาถึงบึงน้ำใหญ่แห่งหนึ่ง พระองค์ต้องการที่จะลวกไก่ เพื่อถอนขน แต่ไม่มีน้ำร้อนลวกไก่ จึงสาปให้น้ำในบึง ร้อน เพื่อลวกไก่ เมื่อถอนขนไก่แล้ว ไม่มีน้ำเย็นสำหรับล้างไก่ จึงสาปอีกบ่อหนึ่งให้เป็นน้ำเย็น บึงที่พระร่วงสาปจึงกลายมาเป็นบึงสาปในปัจจุบันตามความเชื่อในตำนานของพระร่วง ซึ่งมีมากมายในบริเวณนี้ | ||
− | + | [[ไฟล์:4 รูปปั้นพระร่วง.jpg|500px|thumb|center]] | |
− | ภาพที่ 4 รูปปั้นพระร่วง | + | <p align = "center"> '''ภาพที่ 4 รูปปั้นพระร่วง''' </p> |
− | + | บ่อน้ำพุร้อนพระร่วง หรือบึงสาปแห่งนี้ เป็นน้ำศักดิ์สิทธิ์ของจังหวัดกำแพงเพชรนำน้ำจากบึงนี้ไปประกอบพิธีสำคัญของบ้านเมืองตลอดมาเช่นในพิธีถือน้ำพิพัฒน์สัตยา เนื่องจากบ่อน้ำพุร้อนพระร่วง เป็นน้ำที่เกิดจาก แร่ธาตุและความร้อนภายในโลก ทำให้น้ำพุร้อนผุดขึ้นมาตลอดเวลา ซึ่งตามหลักการทางวิทยาศาสตร์ น้ำแร่ธาตุนี้สามารถรักษาโรคได้หลายชนิด โดยเฉพาะโรคผิวหนัง | |
− | บ่อน้ำพุร้อนพระร่วง อยู่ที่หมู่ 3 ตำบลลานดอกไม้ อำเภอเมืองจังหวัดกำแพงเพชร ห่างจากตัวเมือง 13 กิโลเมตร บนทางหลวง 101 สายกำแพงเพชร พรานกระต่าย แยกทางซ้ายไปประมาณ 12 กิโลเมตร เป็นน้ำพุร้อนที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ จำนวน 5 จุด อุณหภูมิประมาณ 40 -65 องศาเซลเซียส จากการตรวจสอบของกระทรวงสาธารณสุขปรากฏว่าไม่มีสารปนเปื้อนและเชื้อโรคอันตรายเกินมาตรฐาน | + | บ่อน้ำพุร้อนพระร่วง อยู่ที่หมู่ 3 ตำบลลานดอกไม้ อำเภอเมืองจังหวัดกำแพงเพชร ห่างจากตัวเมือง 13 กิโลเมตร บนทางหลวง 101 สายกำแพงเพชร พรานกระต่าย แยกทางซ้ายไปประมาณ 12 กิโลเมตร เป็นน้ำพุร้อนที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ จำนวน 5 จุด อุณหภูมิประมาณ 40 -65 องศาเซลเซียส จากการตรวจสอบของกระทรวงสาธารณสุขปรากฏว่าไม่มีสารปนเปื้อนและเชื้อโรคอันตรายเกินมาตรฐาน |
− | + | องค์การบริหารส่วนจังหวัดกำแพงเพชร ได้พัฒนาบึงสาปให้เป็นบ่อน้ำพุร้อนพระร่วง | |
− | ที่สามารถรับนักท่องเที่ยวได้จำนวนมาก โดยจัดทำให้สถานที่รื่นรมย์มากขึ้น มีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย ให้ประชาชนที่มาใช้บริการ | + | ที่สามารถรับนักท่องเที่ยวได้จำนวนมาก โดยจัดทำให้สถานที่รื่นรมย์มากขึ้น มีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย ให้ประชาชนที่มาใช้บริการ เมื่อเข้าไปจะพบกับบ่อน้ำร้อนและบ่อน้ำเย็นที่ปรับภูมิทัศน์จนงดงาม บ่อน้ำอุ่นแช่เท้า น่าสนใจมาก ทำให้สบายมากขึ้น มีประชาชนมาใช้บริการมากมาย น้ำกำลังอุ่นพอดี..... สถานที่อาบน้ำอุ่นราคาย่อมเยาเป็นส่วนตัว ช่วยบำบัดโรคภัยไข้เจ็บ ให้หายได้อย่างทันตาเห็น จากคำบอกเล่าของท่านผู้มาใช้บริการ นอกจากบริการของบ่อน้ำร้อนแล้ว ยังมีบริการนวดแผนโบราณ ที่ประทับใจยิ่ง |
− | + | บ่อน้ำพุร้อนพระร่วง เป็นสถานที่ท่องเที่ยว ที่น่าสนใจมากแห่งหนึ่งในจังหวัดกำแพงเพชร ถ้าท่านว่างจากภารกิจ อยากจะพักผ่อนให้คลายจากความเครียดโปรดมาใช้บริการ จากบ่อน้ำพุร้อนพระร่วงแล้วท่านจะประทับใจกลับไปอย่างมีความสุข | |
− | + | บึงสาปหรือบ่อน้ำพุร้อนพระร่วงเดิมมีลักษณะเป็นที่ลุ่มน้ำขัง มีป่าโปร่งล้อมรอบสลับด้วยเนินเตี้ยๆ ในปัจจุบัน องค์การบริหารส่วนจังหวัดกำแพงเพชรได้เข้ามาพัฒนาพื้นที่แห่งนี้ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ที่สวยงาม โดยพัฒนาพื้นที่บริเวณบึงสาปให้เป็นบ่อน้ำร้อนแบบออนเซ็นหรือบ่อน้ำแร่แบบญี่ปุ่น และเปิดให้บริการอาบน้ำแร่แบบวารีบำบัดหรือ Hydrotherapy ซึ่งมีผลการวิจัยรองรับว่าสามารถใช้บำบัดรักษาอาการปวดเมื่อยได้จริง โดยเริ่มจากการอาบน้ำเย็นเพื่อชำระร่างกายก่อนที่จะลงแช่น้ำร้อนนานประมาณ ๘-๑๐ นาที หลังจากนั้นให้ขึ้นมาอาบน้ำเย็นราว ๑-๒ นาทีสลับกับน้ำร้อน ๘-๑๐ นาที ทำเช่นนี้สามรอบและปิดท้ายด้วยการอาบน้ำเย็น จะช่วยกระตุ้นให้เส้นประสาทและกล้ามเนื้อผ่อนคลาย เลือดลมไหลเวียนสะดวก ช่วยบรรเทาอาการปวดเมื่อยได้เป็นอย่างดี | |
− | + | [[ไฟล์:5 ห้องแช่น้ำร้อน ในบ่อน้ำพุร้อนพระร่วง.jpg|500px|thumb|center]] | |
− | + | <p align = "center"> '''ภาพที่ 5 ห้องแช่น้ำร้อน ในบ่อน้ำพุร้อนพระร่วง''' </p> | |
− | ภาพที่ 5 ห้องแช่น้ำร้อน ในบ่อน้ำพุร้อนพระร่วง | + | น้ำพุร้อนเกิดจากอะไร สาเหตุการเกิดน้ำพุร้อนแต่ละชนิดมีกระบวนการอย่างไรบ้าง |
− | |||
− | น้ำพุร้อนเกิดจากอะไร สาเหตุการเกิดน้ำพุร้อนแต่ละชนิดมีกระบวนการอย่างไรบ้าง | ||
น้ำพุร้อน หมายถึง น้ำที่พ่นออกมาจากผิวดินขึ้นสู่อากาศ ด้วยความดันจากความร้อนใต้พิภพ ซึ่งน้ำพุร้อนนี้มีหลายขนาดและหลายประเภทแตกต่างกันออกไปตามสภาพภูมิประเทศหรือปัจจัยการเกิดของน้ำพุร้อนนั้นๆ เช่นปริมาณแร่ธาตุที่ละลายผสมอยู่ในน้ำ เป็นต้น ซึ่งเราสามารถแบ่งน้ำพุร้อนออกเป็นประเภทที่พบเห็นได้บ่อย และวิธีการเกิดได้ดังต่อไปนี้ | น้ำพุร้อน หมายถึง น้ำที่พ่นออกมาจากผิวดินขึ้นสู่อากาศ ด้วยความดันจากความร้อนใต้พิภพ ซึ่งน้ำพุร้อนนี้มีหลายขนาดและหลายประเภทแตกต่างกันออกไปตามสภาพภูมิประเทศหรือปัจจัยการเกิดของน้ำพุร้อนนั้นๆ เช่นปริมาณแร่ธาตุที่ละลายผสมอยู่ในน้ำ เป็นต้น ซึ่งเราสามารถแบ่งน้ำพุร้อนออกเป็นประเภทที่พบเห็นได้บ่อย และวิธีการเกิดได้ดังต่อไปนี้ | ||
− | 1. น้ำพุร้อนไกเซอร์ (Geyser) เป็นน้ำพุร้อนที่มีขนาดใหญ่และกำลังแรงมาก อาจะพ่นน้ำได้สูงขึ้นไปในอากาศได้ถึง 60 เมตรเลยก็ได้ เกิดจากการสะสมความร้อนจากน้ำในโพรงดินใต้พื้นพิภพ และไม่สามารถระบายออกมาได้ เมื่อความร้อนไม่สามารถระบายออกมาได้ ก็จะสะสมกักเก็บจนมีแรงดันมหาศาลที่สามารถพ่นน้ำให้สูงขึ้นไปได้ในอากาศ และเมื่อความร้อนคลายออกไปจนหมดแล้ว จะเข้าสู่การเก็บสะสมความร้อนใหม่อีกครั้ง | + | 1. น้ำพุร้อนไกเซอร์ (Geyser) เป็นน้ำพุร้อนที่มีขนาดใหญ่และกำลังแรงมาก อาจะพ่นน้ำได้สูงขึ้นไปในอากาศได้ถึง 60 เมตรเลยก็ได้ เกิดจากการสะสมความร้อนจากน้ำในโพรงดินใต้พื้นพิภพ และไม่สามารถระบายออกมาได้ เมื่อความร้อนไม่สามารถระบายออกมาได้ ก็จะสะสมกักเก็บจนมีแรงดันมหาศาลที่สามารถพ่นน้ำให้สูงขึ้นไปได้ในอากาศ และเมื่อความร้อนคลายออกไปจนหมดแล้ว จะเข้าสู่การเก็บสะสมความร้อนใหม่อีกครั้ง |
− | 2. น้ำพุร้อน ( Hot Spring ) เกิดจากน้ำที่ไหลออกมาจากทางน้ำใต้พื้นดิน ซึ่งมีอุณหภูมิที่สูงกว่าร่างกายมนุษย์ โดยมากน้ำที่ไหลออกมาจะเป็นลักษณะของการปลดปล่อยพลังงาน และเมื่อน้ำที่ไหลออกมานั้นคลายความร้อนหรือพลังงานลงก็จะไหลกลับคืนสู่แหล่งอีกครั้ง ซึ่งบ่อน้ำพุประเภทนี้มักจะมีแร่ธาตุต่างๆ เจือปนอยู่ด้วยทำให้มักมีสีหรือกลิ่นที่แตกต่างกันออกไป น้ำพุร้อนประเภทนี้พบได้มากใน ไทย ไอซ์แลนด์ นิวซีแลนด์ เป็นต้น | + | 2. น้ำพุร้อน ( Hot Spring ) เกิดจากน้ำที่ไหลออกมาจากทางน้ำใต้พื้นดิน ซึ่งมีอุณหภูมิที่สูงกว่าร่างกายมนุษย์ โดยมากน้ำที่ไหลออกมาจะเป็นลักษณะของการปลดปล่อยพลังงาน และเมื่อน้ำที่ไหลออกมานั้นคลายความร้อนหรือพลังงานลงก็จะไหลกลับคืนสู่แหล่งอีกครั้ง ซึ่งบ่อน้ำพุประเภทนี้มักจะมีแร่ธาตุต่างๆ เจือปนอยู่ด้วยทำให้มักมีสีหรือกลิ่นที่แตกต่างกันออกไป น้ำพุร้อนประเภทนี้พบได้มากใน ไทย ไอซ์แลนด์ นิวซีแลนด์ เป็นต้น |
− | 3. บ่อไอเดือดหรือพุก๊าซ (Fumarole) มีลักษณะที่เป็นปล่องหรือหลุม ซึ่งมักจะมีไอน้ำระเหยเป็นไออยู่ตลอดเวลา ทั้งนี้ก็เพราะในบริเวณนั้นมีน้ำน้อย แต่มีอุณหภูมิใต้พื้นดินที่มีความร้อนสูง ทำให้น้ำที่อยู่บริเวณนั้นระเหยกลายเป็นไออยู่ตลอดเวลา น้ำพุร้อนประเภทบ่อเดือดนี้พบได้มากในประเทศที่มีภูเขาไฟ | + | 3. บ่อไอเดือดหรือพุก๊าซ (Fumarole) มีลักษณะที่เป็นปล่องหรือหลุม ซึ่งมักจะมีไอน้ำระเหยเป็นไออยู่ตลอดเวลา ทั้งนี้ก็เพราะในบริเวณนั้นมีน้ำน้อย แต่มีอุณหภูมิใต้พื้นดินที่มีความร้อนสูง ทำให้น้ำที่อยู่บริเวณนั้นระเหยกลายเป็นไออยู่ตลอดเวลา น้ำพุร้อนประเภทบ่อเดือดนี้พบได้มากในประเทศที่มีภูเขาไฟ |
− | 4. บ่อโคลนเดือด หรือบ่อพุเดือด (Mud pot) มีลักษณะเป็นบ่อที่มีน้ำผสมกับดินจนกลายเป็นดินเหลว ประกอบกับเมื่อมีความร้อนใต้ชั้นดินด้านล่างที่สูงจัด จนดันไอน้ำที่มีพลังงานความร้อนจัดขึ้นมาทะลุชั้นผิวที่เป็นโคลน ทำให้ดูเหมือนเป็นการระเบิดย่อยๆ บ่อชนิดนี้มักมีกำมะถันเจือปนอยู่ด้วย ดังนั้นจึงมักจะได้กลิ่นของกำมะถันกระจายอยู่ทั่วบริเวณ พบบ่อประเภทนี้ได้บ่อยมากในประเทศที่มีภูเขาไฟ | + | 4. บ่อโคลนเดือด หรือบ่อพุเดือด (Mud pot) มีลักษณะเป็นบ่อที่มีน้ำผสมกับดินจนกลายเป็นดินเหลว ประกอบกับเมื่อมีความร้อนใต้ชั้นดินด้านล่างที่สูงจัด จนดันไอน้ำที่มีพลังงานความร้อนจัดขึ้นมาทะลุชั้นผิวที่เป็นโคลน ทำให้ดูเหมือนเป็นการระเบิดย่อยๆ บ่อชนิดนี้มักมีกำมะถันเจือปนอยู่ด้วย ดังนั้นจึงมักจะได้กลิ่นของกำมะถันกระจายอยู่ทั่วบริเวณ พบบ่อประเภทนี้ได้บ่อยมากในประเทศที่มีภูเขาไฟ |
− | น้ำพุร้อนในแต่ละที่นั้นมีอุณหภูมิที่แตกต่างกันออกไปนะครับ ตั้งแต่แค่อุ่นๆ จนไปถึงร้อนจัดจนสามารถต้มไข่สุกได้ในไม่กี่นาที สำหรับประเทศไทยเรานั้นสถานที่ท่องเที่ยวในเรื่องของน้ำพุร้อนจะอยู่ที่บริเวณภาคเหนือของประเทศ ไม่ว่าจะเป็น น้ำพุร้อนพระร่วงกำแพงเพชร น้ำพุร้อนหินดาด กาญจนบุรี น้ำพุร้อนสันกำแพง โป่งเดือดป่าแป๋ เชียงใหม่ และที่อื่นๆ อีกมากมาย | + | น้ำพุร้อนในแต่ละที่นั้นมีอุณหภูมิที่แตกต่างกันออกไปนะครับ ตั้งแต่แค่อุ่นๆ จนไปถึงร้อนจัดจนสามารถต้มไข่สุกได้ในไม่กี่นาที สำหรับประเทศไทยเรานั้นสถานที่ท่องเที่ยวในเรื่องของน้ำพุร้อนจะอยู่ที่บริเวณภาคเหนือของประเทศ ไม่ว่าจะเป็น น้ำพุร้อนพระร่วงกำแพงเพชร น้ำพุร้อนหินดาด กาญจนบุรี น้ำพุร้อนสันกำแพง โป่งเดือดป่าแป๋ เชียงใหม่ และที่อื่นๆ อีกมากมาย |
− | ภาพที่ 6 การบริการแช่เท้าจุดที่ 1 | + | [[ไฟล์:6 การบริการแช่เท้าจุดที่ 1.jpg|500px|thumb|center]] |
− | + | <p align = "center"> '''ภาพที่ 6 การบริการแช่เท้าจุดที่ 1''' </p> | |
− | + | ==='''อายุทรัพยากร'''=== | |
− | + | ความสำคัญของพื้นที่แห่งนี้ในประวัติศาสตร์อันยาวนานกว่า ๗๐๐ ปีของตำนานพระร่วงเจ้า | |
− | + | ==='''ข้อมูลจำเพาะทางวิทยาศาสตร์'''=== | |
+ | การตรวจวิเคราะห์คุณภาพน้ำ ส่งตัวอย่างน้ำไปวิเคราะห์คุณภาพน้ำที่ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์นครสวรรค์ เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน 2551 ปราฎว่าไม่มีสารปนเปื้อนและเชื้อโรคอันตรายสามารถใช้บริโภคอุปโภคได้ไม่มีกลิ่นกำมะถัน มีอุณหภูมิอยู่ระหว่าง 45-65 องศาเซลเซียส ให้ดื่มและอาบได้ ปลอดภัย รักษาโรคได้ เช่น โรคปวดเมื่อยและโรคผิวหนัง | ||
แร่ธาตุที่มีอยู่ในน้ำแร่ | แร่ธาตุที่มีอยู่ในน้ำแร่ | ||
− | 1. แคลเซียม | + | 1. แคลเซียม |
− | + | แคลเซียม เป็นแร่ธาตุที่พบในเปลือกโลกประมาณ 5.4 % โดยมวล พบอยู่ในรูปของสารประกอบของ CaCO3 ที่เป็นองค์ประกอบของหินปูน หินงอก หินย้อย ดินมาร์ล เปลือกหอย และพบในสารประกอบซัลเฟต เช่น ยิปซั่ม แคลเซียม ถือเป็นแร่ธาตุสำคัญที่มีต่อมนุษย์ สัตว์ พืช และสิ่งแวดล้อม จัดเป็นแร่ธาตุหลักที่เป็นส่วนประกอบในร่างกายของมนุษย์ซึ่งจำเป็นมากต่อการเจริญเติบโต ส่วนพืชจัดเป็นธาตุอาหารรองที่เกี่ยวข้องกับการเจริญเติบโตเช่นกัน ในด้านสิ่งแวดล้อม แร่แคลเซียมนั้นพบมากในหินต่างๆตามธรรมชาติ สามารถแตกตัว ละลายน้ำ และทำปฏิกิริยากับธาตุอื่น ทำให้เกิดสภาวะความเป็นกรด-ด่างของสภาพแวดล้อมนั้นๆ | |
− | แคลเซียม ถือเป็นแร่ธาตุสำคัญที่มีต่อมนุษย์ สัตว์ พืช และสิ่งแวดล้อม จัดเป็นแร่ธาตุหลักที่เป็นส่วนประกอบในร่างกายของมนุษย์ซึ่งจำเป็นมากต่อการเจริญเติบโต ส่วนพืชจัดเป็นธาตุอาหารรองที่เกี่ยวข้องกับการเจริญเติบโตเช่นกัน ในด้านสิ่งแวดล้อม แร่แคลเซียมนั้นพบมากในหินต่างๆตามธรรมชาติ สามารถแตกตัว ละลายน้ำ และทำปฏิกิริยากับธาตุอื่น ทำให้เกิดสภาวะความเป็นกรด-ด่างของสภาพแวดล้อมนั้นๆ | + | 2. เหล็ก |
− | 2. เหล็ก | + | เป็นแร่ธาตุที่จำเป็นต่อร่างกายอย่างยิ่ง มีความสำคัญต่อการผลิตเฮโมโกลบินส่วนประกอบที่สำคัญของเม็ดเลือดแดง, เฮโมโกลบินที่เป็นเม็ดสีแดงในกล้ามเนื้อ และเอนไซม์บางชนิดเฮโมโกลบินซึ่งเป็นที่สะสมของธาตุเหล็กส่วนใหญ่ในร่างกาย ถูกย่อยสลายและนำกลับมาใช้ใหม่ ตามวงจรชีวิตของเม็ดเลือดแดงซึ่งมีระยะเวลา 120 วัน ส่วนธาตุเหล็กที่เกาะกับโปรตีน (เฟอร์ริติน) และธาตุเหล็กในเนื้อเยื่อ (ในไมโอโกลบิน) ถูกเก็บสะสมในร่างกายในเพียงปริมาณเล็กน้อย |
− | เป็นแร่ธาตุที่จำเป็นต่อร่างกายอย่างยิ่ง มีความสำคัญต่อการผลิตเฮโมโกลบินส่วนประกอบที่สำคัญของเม็ดเลือดแดง, | + | 3. แมกนีเซียม |
− | + | มีความจำเป็นต่อระบบการเผาผลาญของแคลเซียม และวิตามินซี เช่นเดียวกับฟอสฟอรัส โซเดียม และโพแทสเซียม มีหน่วยวัดเป็นมิลลิกรัม มก. มีความจำเป็นต่อการทำงานของเส้นประสาท และกล้ามเนื้อมีส่วนสำคัญในการเปลี่ยนน้ำตาลในเลือดให้เป็นพลังงาน และช่วยคลายความเครียดได้ด้วย ส่วนคนที่ดื่มสุราเป็นประจำมักจะขาดแมกนีเซียมผู้ใหญ่ต้องการประมาณ 250–500 มก. ทุกวัน สำหรับหญิงตั้งครรภ์และให้นมบุตร แนะนำ 300–355 มก. และร่างกายคนเรามีแมกนีเซียมอยู่ประมาณ 21 กรัม | |
− | 3. แมกนีเซียม | + | 4. ฟลูออไรต์ |
− | + | ฟลูออไรต์ หรือฟลูออร์สปาร์ หรือที่เรียกว่า แร่พลอยอ่อน เป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายในนักการเหมืองแร่และบุคคลทั่วไปเมื่อสามสิบกว่าปีมานี้เอง ประเทศไทยนับได้ว่าเป็นประเทศที่เคยมีการผลิตแร่ฟลูออไรต์ที่สำคัญของโลก แหล่งแร่ฟลูออไรต์ในประเทศที่สำคัญได้แก่ แหล่งแร่ในอำเภอบ้านโฮ่ง ป่าซาง และแม่ทา ที่จังหวัดลำพูน อำเภอฝาง แม่แจ่ม ฮอด และอมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่ อำเภอปายและแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอน อำเภอศรีสวัสดิ์และพนมทวน จังหวัดกาญจนบุรี อำเภอเขาย้อยและท่ายาง จังหวัดเพชรบุรี และอำเภอจอมบึง จังหวัดราชบุรี นอกจากกนี้ยังมีแหล่งแร่ฟลูออไรต์ที่น่าสนใจในจังหวัดเชียงราย กำแพงเพชร สุโขทัย แพร่ กระบี่ และสุราษฎร์ธานี | |
− | + | 5. โซเดียม | |
− | + | เป็นอีกหนึ่งเกลือแร่หรือแร่ธาตุที่ใครๆก็น่าจะรู้จักกันในรูปของรสชาติความเค็มจากเครื่องปรุงติดบ้านของเราจำพวกน้ำปลา เกลือ หรือเครื่องปรุงอาหารรสชาติต่างๆ แต่ความเป็นจริงแล้วโซเดียมเป็นแร่ธาตุที่พบได้ทั้งในสิ่งแวดล้อมและสิ่งมีชีวิต ซึ่งมีความสำคัญต่อชีวิตประจำวันในหลายรูปแบบ และเป็นสารอาหารประเภทเกลือแร่ที่มีความจำเป็นต่อร่างกาย เช่น การควบคุมความดันกระแสเลือด การทำงานของกล้ามเนื้อและระบบประสาท ช่วยรักษาสมดุลของของเหลวที่อยู่ภายในร่างกาย โดยมีหน้าที่ควบคู่ไปกับโพแทสเซียมและคลอไรด์ หรือพูดง่ายๆเลยว่า โซเดียมก็คือ เกลือแร่ (สารอาหาร) ชนิดหนึ่งที่มีความจำเป็นต่อร่างกาย โดยโซเดียมจะทำหน้าที่ควบคุมความสมดุลของเหลวในร่างกาย รักษาความดันโลหิตให้อยู่ในระดับปกติ ช่วยในการทำงานของประสาทและกล้ามเนื้อ (รวมถึงกล้ามเนื้อหัวใจด้วย) ตลอดจนการดูดซึมสารอาหาร บางอย่างในไตและลำไส้เล็กค่ะ โดยโซเดียมในรูปแบบที่เราบริโภคกันเป็นประจำ ก็จะเป็นโซเดียมที่อยู่ในรูปแบบของ ‘’เกลือแกง’’ โดยที่เกลือมีส่วนประกอบอยู่ 2 อย่างก็คือ โซเดียมกับคลอไรด์และก็น้ำปลา ซึ่งรสชาตินั้นจะต้องมีความเค็มอย่างแน่นอน และจากการสำรวจพบว่าคนไทยกินเกลือที่มีอยู่ในอาหารและเครื่องปรุงรส โดยเฉลี่ยอยู่ที่วันละประมาณ 7 กรัม | |
− | 5. โซเดียม | + | 6.ไบคาร์บอเนต |
− | + | แร่อนินทรีย์ที่ประกอบด้วยเส้นรัศมี HCO3- จะเป็นปัจจัยสำคัญในการกำหนดสมาธิไบคาร์บอเนตไอออนและ pH ของเลือดมีระเบียบ โดยไต ระดับในเลือดคือ ดัชนีของด่างสำรองหรือบัฟเฟอร์ผลิต | |
− | + | 7. ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ | |
− | 6.ไบคาร์บอเนต | + | เป็นก๊าซไม่มีสี ซึ่งหากหายใจเอาก๊าซนี้เข้าไปในปริมาณมาก ๆ จะรู้สึกเปรี้ยวที่ปาก เกิดการระคายเคืองที่จมูกและคอ เนื่องจากอาจเกิดการละลายของแก๊สนี้ในเมือกในอวัยวะ ก่อให้เกิดกรดคาร์บอนิกอย่างอ่อน |
− | + | 8. คลอไรค์ | |
− | + | คลอไรต์พบอยู่ในน้ำตามธรรมชาติทั่ว ๆ ไป ด้วยความเข้มข้นต่าง ๆ กัน โดยปริมาณของคลอไรต์เพิ่มมากขึ้นเป็นสัดส่วนกับปริมาณของเกลือแร่ที่เพิ่มขึ้น น้ำตามภูเขาและที่สูง ๆ มักจะมีปริมาณคลอไรต์น้อย ในขณะที่น้ำตามแม่น้ำและน้ำใต้ดินมีปริมาณของคลอไรต์มาก | |
− | + | 9. ซัลเฟต | |
− | + | เกิดจากแร่ธาตุในธรรมชาติทำให้เกิดน้ำกระด้างถาวร เป็นตะกรันในหม้อต้มอนุมูลนี้โดยลำพังไม่มีผลต่อสุขภาพอนามัย แต่หากมีธาตุแมกนีเซียมสูงด้วยจะทำให้เกิดผลเหมือนยาระบาย โดยทั่วไปซัลเฟตมีผลทำให้น้ำเกิดรสได้น้อยกว่าคลอไรด์ | |
− | + | 10. ไนเตรต | |
− | 8. | + | เกิดจากการย่อยสลายของสารอินทรีย์โดยแบคทีเรียบางชนิดมีผลต่อสุขภาพอนามัย โดยเฉพาะเด็กทารกซึ่งจะทำให้ร่างกายเกิดการขาดออกซิเจน มีอาการตัวเขียว และอาจทำให้ถึงแก่ความตายได้ |
− | + | ประโยชน์ของการอาบน้ำแร่ ด้วยอุณหภูมิของน้ำแร่ร้อนอยู่ที่ 45 – 60 องศาเซลเซียส ซึ่งอุณหภูมิของความร้อนดังกล่าวมีความสอดคล้องกับการรักษาทางการแพทย์ ที่เรียกว่า “ธาราบำบัด” โดยอาศัยหลักการที่ว่า การใช้น้ำที่มีอุณหภูมิสูงในระดับที่เหมาะสมจะช่วยเพิ่มการไหลเวียนของโลหิตมีผลต่อการผ่อนคลายความตึงเครียดของกล้ามเนื้อ เป็นผลให้รู้สึกสบายตัวยิ่งขึ้น เมื่อร่างกายรู้สึกสบายความตึงเครียดน้อยลง ย่อมมีผลต่อสภาพจิตใจ ถือเป็นการลดความเครียดได้อีกวิธีหนึ่ง | |
− | 9. ซัลเฟต | + | ==='''ทรัพยาการสิ่งแวดล้อม'''=== |
− | + | พื้นที่ - มีการถมที่จากที่นาเดิม และปูทางเท้าด้วยบล็อกตัวหนอน | |
− | 10. ไนเตรต | + | น้ำพุร้อน - น้ำใสไม่มีสี ไม่มีกลิ่น ปริมาณน้ำมีน้ำตลอดปี แต่ไม่มากจนล้น มีตะไคร่แข็ง ติดบริเวณขอบบ่อ |
− | + | ภูมิทัศน์ - มีการประดับตกแต่งสวน ทั่วบริเวณ และมีการจัดวางผังพื้นที่ | |
− | ประโยชน์ของการอาบน้ำแร่ | + | =='''ข้อมูลการสำรวจ'''== |
− | + | ==='''วันเดือนปีที่สำรวจ'''=== | |
− | + | 2 พฤษภาคม 2561 | |
− | + | ==='''วันปรับปรุงข้อมูล'''=== | |
− | + | - | |
− | + | ==='''ผู้สำรวจข้อมูล'''=== | |
− | + | นายวุฒิชัย ตรุษลักษณ์ | |
− | + | นางสาววรรณภา รอดจันทร์ | |
− | + | นายสมศักดิ์ พูนใจสม | |
− | + | ==='''คำสำคัญ(tag)'''=== | |
− | + | ทรัพยากรธรรมชาติ, บ่อน้ำพุร้อน, ท่องเที่ยวกำแพงเพชร | |
− | |||
− | |||
− | |||
− | |||
− | |||
− | |||
− | |||
− | |||
− | |||
− | |||
− | |||
− |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 12:34, 28 กุมภาพันธ์ 2564
ข้อมูลทั่วไป
ชื่อเรียกทางการ
บ่อน้ำพุร้อนพระร่วง จังหวัดกำแพงเพชร
ชื่อเรียกอื่นๆ
บึงสาป, บ่อน้ำร้อนบึงสาป เขาไก่เขี่ย
ที่ตั้ง/ที่ค้นพบ
ภาพที่ 1 บ่อน้ำพุร้อนพระร่วง
ตั้งอยู่ที่หมู่ 3 ตำบลลานดอกไม้ อำเภอเมืองกำแพงเพชร ห่างจากตัวเมืองประมาณ 13 กิโลเมตร บนทางหลวงหมายเลข 101 สายกำแพงเพชร-พรานกระต่าย น้ำพุร้อนพระร่วงมีพื้นที่โดยประมาณ 15 ไร่ สภาพแวดล้อมโดยล้อมรอบเป็นพื้นที่เกษตรและป่าละเมาะ บ่อน้ำร้อน มีลักษณะเป็นน้ำ แร่ร้อนธรรมชาติผุดจากแหล่งใต้ดิน จำ นวน 5 จุด มี ความร้อนประมาณ 40-65 องศาเซลเซียส เชื่อกันว่าเป็นแหล่งนํ้ำ แร่ ที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ
===ที่ตั้งพิกัดทางภูมิ
พิกัด UTM (WGS 1984) X 550091.284000, Y 1841819.557000 ละติจูด 16.658351, ลองจิจูด 99.469744 ความสูงจากระดับนำทะเลปานกลาง 80.00 เมตร
สภาพธรณีวิทยา
ได้นำตัวอย่างน้ำแร่ร้อนที่บ่อน้ำพุร้อนพระร่วงแห่งนี้ให้กับหน่วยงานในสังกัดสาธารณสุขจังหวัดกำแพงเพชร ทำการตรวจวิเคราะห์ผลปรากฏว่าไม่มีสารปนเปื้อนและไม่มีเชื้อโรคที่เป็นอันตราย อีกทั้งไม่มีกลิ่นกำมะถัน อุณหภูมิของน้ำร้อนอยู่ระหว่าง 45-60 องศาเซลเซียส ใช้อาบ แช่ตัวได้ และที่สำคัญดื่มได้อย่างปลอดภัย แร่ธาตุที่มีอยู่ในน้ำแร่ประกอบด้วย แคลเซียม เหล็ก แมกนีเซียม ฟลูออไรด์ โซเดียม ไบคาร์บอเนต ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์คลอไรด์ ซัลเฟต และไนเตรต
ภาพที่ 2 น้ำภายในบ่อน้ำพุร้อนพระร่วง
ประเภททรัพยากร
พืชพรรณ - ส่วนใหญ่เป็นพรรณไม้ประดับ สัตว์ป่า – ไม่มีข้อมูล
สถานะการขึ้นทะเบียน
สถานภาพแหล่งธรรมชาติจากโครงการแนวทางการจัดการแผนแม่บทเพื่อการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมธรรมชาติ ปี 2547
หน่าวยงานที่ดูแลรักษา
องค์การบริหารส่วนจังหวัดกำแพงเพชร
ข้อมูลจำเพาะทรัพยากรธรรมชาติ
ประวัติความเป็นมา/คำบอกเล่า/ตำนาน
ภาพที่ 3 ภาพศาลพระร่วง
ตามตำนานกล่าวว่า บ่อน้ำพุร้อนพระร่วง แต่เดิมบริเวณบ่อน้ำพุร้อนแห่งนี้มีลักษณะเป็นลุ่มน้ำขัง มีป่าโปร่งล้อมรอบสลับด้วยเนินเตี้ย ๆ พื้นดินบางแห่งมีหินโผล่ขึ้นเป็นกลุ่มน้อยใหญ่สลับกันตำนานเล่าว่าครั้งสมัยกรุงสุโขทัยเป็นราชธานี สมเด็จพระร่วงเจ้าได้เสด็จประพาสป่าล่าสัตว์มาถึงบริเวณบ่อน้ำพุร้อนแห่งนี้ วันหนึ่งพระองค์ทรงเห็นไก่ป่าตัวหนึ่งมีลักษณะสวยงามและมีเสียงขันไพเราะมาก จึงทรงให้นายพรานที่ตามเสด็จ ต่อไก่ป่าตัวนั้นและได้ไก่ป่าสมพระราชประสงค์ โดยมีไก่ป่าตัวอื่นๆ ติดไปด้วยเป็นจำนวนมาก ในวันนั้นพระองค์และนายพรานล่าสัตว์อื่นไม่ได้เลย จึงทรงให้ทหารนำไก่ป่าตัวอื่นๆไปปรุงอาหารสำหรับเสวย แต่เนื่องจากบริเวณดังกล่าวเป็นป่า ไม่มีบ้านเรือนราษฎร จึงไม่มีไฟใช้ทำอาหาร พระองค์จึงทรงสาปน้ำที่อยู่ในบึงบริเวณใกล้ๆ ให้เป็นน้ำร้อน บึงดังกล่าวจึงเรียกว่า“บึงพระร่วงสาป” ต่อมาภายหลังเรียกสั้นลงว่า “บึงสาป” และเป็นที่โจษขานกันว่าน้ำในบึงสาปนี้สามารถรักษาโรคภัยไข้เจ็บ เช่น โรคปวดเมื่อยตามร่างกาย โรคผิวหนังได้ จึงมีประชาชนในท้องถิ่นและจังหวัดใกล้เคียงพากันไปอาบ ดื่ม กิน และบางรายนำน้ำกลับไปเพื่อเป็นสิริมงคล บึงสาป เป็นบ่อน้ำพุร้อนตามธรรมชาติของกำแพงเพชร ที่มีชื่อเสียงมาก เดิมเรียกกันว่า
บึงสาป มีลักษณะเป็นบึงขนาดใหญ่ มีเนื้อที่หลายไร่ ชาวบ้านแต่โบราณใช้น้ำจากบึงสาปนี้มาอาบกินซึ่งเชื่อกันว่า สามารถรักษาโรคภัยไข้เจ็บได้ บึงสาปมีชื่อที่เรียกกันเป็นทางการว่า บ่อน้ำพุร้อนพระร่วง ....บึงสาปมีตำนานเรื่องการต่อไก่ของพระร่วงเจ้า ในสมัยสุโขทัยว่า พระร่วงเจ้าเสด็จมาต่อไก่ บริเวณพรานกระต่าย ตามไก่มาถึงบึงน้ำใหญ่แห่งหนึ่ง พระองค์ต้องการที่จะลวกไก่ เพื่อถอนขน แต่ไม่มีน้ำร้อนลวกไก่ จึงสาปให้น้ำในบึง ร้อน เพื่อลวกไก่ เมื่อถอนขนไก่แล้ว ไม่มีน้ำเย็นสำหรับล้างไก่ จึงสาปอีกบ่อหนึ่งให้เป็นน้ำเย็น บึงที่พระร่วงสาปจึงกลายมาเป็นบึงสาปในปัจจุบันตามความเชื่อในตำนานของพระร่วง ซึ่งมีมากมายในบริเวณนี้
ภาพที่ 4 รูปปั้นพระร่วง
บ่อน้ำพุร้อนพระร่วง หรือบึงสาปแห่งนี้ เป็นน้ำศักดิ์สิทธิ์ของจังหวัดกำแพงเพชรนำน้ำจากบึงนี้ไปประกอบพิธีสำคัญของบ้านเมืองตลอดมาเช่นในพิธีถือน้ำพิพัฒน์สัตยา เนื่องจากบ่อน้ำพุร้อนพระร่วง เป็นน้ำที่เกิดจาก แร่ธาตุและความร้อนภายในโลก ทำให้น้ำพุร้อนผุดขึ้นมาตลอดเวลา ซึ่งตามหลักการทางวิทยาศาสตร์ น้ำแร่ธาตุนี้สามารถรักษาโรคได้หลายชนิด โดยเฉพาะโรคผิวหนัง บ่อน้ำพุร้อนพระร่วง อยู่ที่หมู่ 3 ตำบลลานดอกไม้ อำเภอเมืองจังหวัดกำแพงเพชร ห่างจากตัวเมือง 13 กิโลเมตร บนทางหลวง 101 สายกำแพงเพชร พรานกระต่าย แยกทางซ้ายไปประมาณ 12 กิโลเมตร เป็นน้ำพุร้อนที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ จำนวน 5 จุด อุณหภูมิประมาณ 40 -65 องศาเซลเซียส จากการตรวจสอบของกระทรวงสาธารณสุขปรากฏว่าไม่มีสารปนเปื้อนและเชื้อโรคอันตรายเกินมาตรฐาน องค์การบริหารส่วนจังหวัดกำแพงเพชร ได้พัฒนาบึงสาปให้เป็นบ่อน้ำพุร้อนพระร่วง
ที่สามารถรับนักท่องเที่ยวได้จำนวนมาก โดยจัดทำให้สถานที่รื่นรมย์มากขึ้น มีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย ให้ประชาชนที่มาใช้บริการ เมื่อเข้าไปจะพบกับบ่อน้ำร้อนและบ่อน้ำเย็นที่ปรับภูมิทัศน์จนงดงาม บ่อน้ำอุ่นแช่เท้า น่าสนใจมาก ทำให้สบายมากขึ้น มีประชาชนมาใช้บริการมากมาย น้ำกำลังอุ่นพอดี..... สถานที่อาบน้ำอุ่นราคาย่อมเยาเป็นส่วนตัว ช่วยบำบัดโรคภัยไข้เจ็บ ให้หายได้อย่างทันตาเห็น จากคำบอกเล่าของท่านผู้มาใช้บริการ นอกจากบริการของบ่อน้ำร้อนแล้ว ยังมีบริการนวดแผนโบราณ ที่ประทับใจยิ่ง
บ่อน้ำพุร้อนพระร่วง เป็นสถานที่ท่องเที่ยว ที่น่าสนใจมากแห่งหนึ่งในจังหวัดกำแพงเพชร ถ้าท่านว่างจากภารกิจ อยากจะพักผ่อนให้คลายจากความเครียดโปรดมาใช้บริการ จากบ่อน้ำพุร้อนพระร่วงแล้วท่านจะประทับใจกลับไปอย่างมีความสุข บึงสาปหรือบ่อน้ำพุร้อนพระร่วงเดิมมีลักษณะเป็นที่ลุ่มน้ำขัง มีป่าโปร่งล้อมรอบสลับด้วยเนินเตี้ยๆ ในปัจจุบัน องค์การบริหารส่วนจังหวัดกำแพงเพชรได้เข้ามาพัฒนาพื้นที่แห่งนี้ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ที่สวยงาม โดยพัฒนาพื้นที่บริเวณบึงสาปให้เป็นบ่อน้ำร้อนแบบออนเซ็นหรือบ่อน้ำแร่แบบญี่ปุ่น และเปิดให้บริการอาบน้ำแร่แบบวารีบำบัดหรือ Hydrotherapy ซึ่งมีผลการวิจัยรองรับว่าสามารถใช้บำบัดรักษาอาการปวดเมื่อยได้จริง โดยเริ่มจากการอาบน้ำเย็นเพื่อชำระร่างกายก่อนที่จะลงแช่น้ำร้อนนานประมาณ ๘-๑๐ นาที หลังจากนั้นให้ขึ้นมาอาบน้ำเย็นราว ๑-๒ นาทีสลับกับน้ำร้อน ๘-๑๐ นาที ทำเช่นนี้สามรอบและปิดท้ายด้วยการอาบน้ำเย็น จะช่วยกระตุ้นให้เส้นประสาทและกล้ามเนื้อผ่อนคลาย เลือดลมไหลเวียนสะดวก ช่วยบรรเทาอาการปวดเมื่อยได้เป็นอย่างดี
ภาพที่ 5 ห้องแช่น้ำร้อน ในบ่อน้ำพุร้อนพระร่วง
น้ำพุร้อนเกิดจากอะไร สาเหตุการเกิดน้ำพุร้อนแต่ละชนิดมีกระบวนการอย่างไรบ้าง
น้ำพุร้อน หมายถึง น้ำที่พ่นออกมาจากผิวดินขึ้นสู่อากาศ ด้วยความดันจากความร้อนใต้พิภพ ซึ่งน้ำพุร้อนนี้มีหลายขนาดและหลายประเภทแตกต่างกันออกไปตามสภาพภูมิประเทศหรือปัจจัยการเกิดของน้ำพุร้อนนั้นๆ เช่นปริมาณแร่ธาตุที่ละลายผสมอยู่ในน้ำ เป็นต้น ซึ่งเราสามารถแบ่งน้ำพุร้อนออกเป็นประเภทที่พบเห็นได้บ่อย และวิธีการเกิดได้ดังต่อไปนี้
1. น้ำพุร้อนไกเซอร์ (Geyser) เป็นน้ำพุร้อนที่มีขนาดใหญ่และกำลังแรงมาก อาจะพ่นน้ำได้สูงขึ้นไปในอากาศได้ถึง 60 เมตรเลยก็ได้ เกิดจากการสะสมความร้อนจากน้ำในโพรงดินใต้พื้นพิภพ และไม่สามารถระบายออกมาได้ เมื่อความร้อนไม่สามารถระบายออกมาได้ ก็จะสะสมกักเก็บจนมีแรงดันมหาศาลที่สามารถพ่นน้ำให้สูงขึ้นไปได้ในอากาศ และเมื่อความร้อนคลายออกไปจนหมดแล้ว จะเข้าสู่การเก็บสะสมความร้อนใหม่อีกครั้ง 2. น้ำพุร้อน ( Hot Spring ) เกิดจากน้ำที่ไหลออกมาจากทางน้ำใต้พื้นดิน ซึ่งมีอุณหภูมิที่สูงกว่าร่างกายมนุษย์ โดยมากน้ำที่ไหลออกมาจะเป็นลักษณะของการปลดปล่อยพลังงาน และเมื่อน้ำที่ไหลออกมานั้นคลายความร้อนหรือพลังงานลงก็จะไหลกลับคืนสู่แหล่งอีกครั้ง ซึ่งบ่อน้ำพุประเภทนี้มักจะมีแร่ธาตุต่างๆ เจือปนอยู่ด้วยทำให้มักมีสีหรือกลิ่นที่แตกต่างกันออกไป น้ำพุร้อนประเภทนี้พบได้มากใน ไทย ไอซ์แลนด์ นิวซีแลนด์ เป็นต้น 3. บ่อไอเดือดหรือพุก๊าซ (Fumarole) มีลักษณะที่เป็นปล่องหรือหลุม ซึ่งมักจะมีไอน้ำระเหยเป็นไออยู่ตลอดเวลา ทั้งนี้ก็เพราะในบริเวณนั้นมีน้ำน้อย แต่มีอุณหภูมิใต้พื้นดินที่มีความร้อนสูง ทำให้น้ำที่อยู่บริเวณนั้นระเหยกลายเป็นไออยู่ตลอดเวลา น้ำพุร้อนประเภทบ่อเดือดนี้พบได้มากในประเทศที่มีภูเขาไฟ 4. บ่อโคลนเดือด หรือบ่อพุเดือด (Mud pot) มีลักษณะเป็นบ่อที่มีน้ำผสมกับดินจนกลายเป็นดินเหลว ประกอบกับเมื่อมีความร้อนใต้ชั้นดินด้านล่างที่สูงจัด จนดันไอน้ำที่มีพลังงานความร้อนจัดขึ้นมาทะลุชั้นผิวที่เป็นโคลน ทำให้ดูเหมือนเป็นการระเบิดย่อยๆ บ่อชนิดนี้มักมีกำมะถันเจือปนอยู่ด้วย ดังนั้นจึงมักจะได้กลิ่นของกำมะถันกระจายอยู่ทั่วบริเวณ พบบ่อประเภทนี้ได้บ่อยมากในประเทศที่มีภูเขาไฟ น้ำพุร้อนในแต่ละที่นั้นมีอุณหภูมิที่แตกต่างกันออกไปนะครับ ตั้งแต่แค่อุ่นๆ จนไปถึงร้อนจัดจนสามารถต้มไข่สุกได้ในไม่กี่นาที สำหรับประเทศไทยเรานั้นสถานที่ท่องเที่ยวในเรื่องของน้ำพุร้อนจะอยู่ที่บริเวณภาคเหนือของประเทศ ไม่ว่าจะเป็น น้ำพุร้อนพระร่วงกำแพงเพชร น้ำพุร้อนหินดาด กาญจนบุรี น้ำพุร้อนสันกำแพง โป่งเดือดป่าแป๋ เชียงใหม่ และที่อื่นๆ อีกมากมาย
ภาพที่ 6 การบริการแช่เท้าจุดที่ 1
อายุทรัพยากร
ความสำคัญของพื้นที่แห่งนี้ในประวัติศาสตร์อันยาวนานกว่า ๗๐๐ ปีของตำนานพระร่วงเจ้า
ข้อมูลจำเพาะทางวิทยาศาสตร์
การตรวจวิเคราะห์คุณภาพน้ำ ส่งตัวอย่างน้ำไปวิเคราะห์คุณภาพน้ำที่ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์นครสวรรค์ เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน 2551 ปราฎว่าไม่มีสารปนเปื้อนและเชื้อโรคอันตรายสามารถใช้บริโภคอุปโภคได้ไม่มีกลิ่นกำมะถัน มีอุณหภูมิอยู่ระหว่าง 45-65 องศาเซลเซียส ให้ดื่มและอาบได้ ปลอดภัย รักษาโรคได้ เช่น โรคปวดเมื่อยและโรคผิวหนัง
แร่ธาตุที่มีอยู่ในน้ำแร่
1. แคลเซียม แคลเซียม เป็นแร่ธาตุที่พบในเปลือกโลกประมาณ 5.4 % โดยมวล พบอยู่ในรูปของสารประกอบของ CaCO3 ที่เป็นองค์ประกอบของหินปูน หินงอก หินย้อย ดินมาร์ล เปลือกหอย และพบในสารประกอบซัลเฟต เช่น ยิปซั่ม แคลเซียม ถือเป็นแร่ธาตุสำคัญที่มีต่อมนุษย์ สัตว์ พืช และสิ่งแวดล้อม จัดเป็นแร่ธาตุหลักที่เป็นส่วนประกอบในร่างกายของมนุษย์ซึ่งจำเป็นมากต่อการเจริญเติบโต ส่วนพืชจัดเป็นธาตุอาหารรองที่เกี่ยวข้องกับการเจริญเติบโตเช่นกัน ในด้านสิ่งแวดล้อม แร่แคลเซียมนั้นพบมากในหินต่างๆตามธรรมชาติ สามารถแตกตัว ละลายน้ำ และทำปฏิกิริยากับธาตุอื่น ทำให้เกิดสภาวะความเป็นกรด-ด่างของสภาพแวดล้อมนั้นๆ 2. เหล็ก เป็นแร่ธาตุที่จำเป็นต่อร่างกายอย่างยิ่ง มีความสำคัญต่อการผลิตเฮโมโกลบินส่วนประกอบที่สำคัญของเม็ดเลือดแดง, เฮโมโกลบินที่เป็นเม็ดสีแดงในกล้ามเนื้อ และเอนไซม์บางชนิดเฮโมโกลบินซึ่งเป็นที่สะสมของธาตุเหล็กส่วนใหญ่ในร่างกาย ถูกย่อยสลายและนำกลับมาใช้ใหม่ ตามวงจรชีวิตของเม็ดเลือดแดงซึ่งมีระยะเวลา 120 วัน ส่วนธาตุเหล็กที่เกาะกับโปรตีน (เฟอร์ริติน) และธาตุเหล็กในเนื้อเยื่อ (ในไมโอโกลบิน) ถูกเก็บสะสมในร่างกายในเพียงปริมาณเล็กน้อย 3. แมกนีเซียม มีความจำเป็นต่อระบบการเผาผลาญของแคลเซียม และวิตามินซี เช่นเดียวกับฟอสฟอรัส โซเดียม และโพแทสเซียม มีหน่วยวัดเป็นมิลลิกรัม มก. มีความจำเป็นต่อการทำงานของเส้นประสาท และกล้ามเนื้อมีส่วนสำคัญในการเปลี่ยนน้ำตาลในเลือดให้เป็นพลังงาน และช่วยคลายความเครียดได้ด้วย ส่วนคนที่ดื่มสุราเป็นประจำมักจะขาดแมกนีเซียมผู้ใหญ่ต้องการประมาณ 250–500 มก. ทุกวัน สำหรับหญิงตั้งครรภ์และให้นมบุตร แนะนำ 300–355 มก. และร่างกายคนเรามีแมกนีเซียมอยู่ประมาณ 21 กรัม 4. ฟลูออไรต์ ฟลูออไรต์ หรือฟลูออร์สปาร์ หรือที่เรียกว่า แร่พลอยอ่อน เป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายในนักการเหมืองแร่และบุคคลทั่วไปเมื่อสามสิบกว่าปีมานี้เอง ประเทศไทยนับได้ว่าเป็นประเทศที่เคยมีการผลิตแร่ฟลูออไรต์ที่สำคัญของโลก แหล่งแร่ฟลูออไรต์ในประเทศที่สำคัญได้แก่ แหล่งแร่ในอำเภอบ้านโฮ่ง ป่าซาง และแม่ทา ที่จังหวัดลำพูน อำเภอฝาง แม่แจ่ม ฮอด และอมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่ อำเภอปายและแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอน อำเภอศรีสวัสดิ์และพนมทวน จังหวัดกาญจนบุรี อำเภอเขาย้อยและท่ายาง จังหวัดเพชรบุรี และอำเภอจอมบึง จังหวัดราชบุรี นอกจากกนี้ยังมีแหล่งแร่ฟลูออไรต์ที่น่าสนใจในจังหวัดเชียงราย กำแพงเพชร สุโขทัย แพร่ กระบี่ และสุราษฎร์ธานี 5. โซเดียม เป็นอีกหนึ่งเกลือแร่หรือแร่ธาตุที่ใครๆก็น่าจะรู้จักกันในรูปของรสชาติความเค็มจากเครื่องปรุงติดบ้านของเราจำพวกน้ำปลา เกลือ หรือเครื่องปรุงอาหารรสชาติต่างๆ แต่ความเป็นจริงแล้วโซเดียมเป็นแร่ธาตุที่พบได้ทั้งในสิ่งแวดล้อมและสิ่งมีชีวิต ซึ่งมีความสำคัญต่อชีวิตประจำวันในหลายรูปแบบ และเป็นสารอาหารประเภทเกลือแร่ที่มีความจำเป็นต่อร่างกาย เช่น การควบคุมความดันกระแสเลือด การทำงานของกล้ามเนื้อและระบบประสาท ช่วยรักษาสมดุลของของเหลวที่อยู่ภายในร่างกาย โดยมีหน้าที่ควบคู่ไปกับโพแทสเซียมและคลอไรด์ หรือพูดง่ายๆเลยว่า โซเดียมก็คือ เกลือแร่ (สารอาหาร) ชนิดหนึ่งที่มีความจำเป็นต่อร่างกาย โดยโซเดียมจะทำหน้าที่ควบคุมความสมดุลของเหลวในร่างกาย รักษาความดันโลหิตให้อยู่ในระดับปกติ ช่วยในการทำงานของประสาทและกล้ามเนื้อ (รวมถึงกล้ามเนื้อหัวใจด้วย) ตลอดจนการดูดซึมสารอาหาร บางอย่างในไตและลำไส้เล็กค่ะ โดยโซเดียมในรูปแบบที่เราบริโภคกันเป็นประจำ ก็จะเป็นโซเดียมที่อยู่ในรูปแบบของ ‘’เกลือแกง’’ โดยที่เกลือมีส่วนประกอบอยู่ 2 อย่างก็คือ โซเดียมกับคลอไรด์และก็น้ำปลา ซึ่งรสชาตินั้นจะต้องมีความเค็มอย่างแน่นอน และจากการสำรวจพบว่าคนไทยกินเกลือที่มีอยู่ในอาหารและเครื่องปรุงรส โดยเฉลี่ยอยู่ที่วันละประมาณ 7 กรัม 6.ไบคาร์บอเนต แร่อนินทรีย์ที่ประกอบด้วยเส้นรัศมี HCO3- จะเป็นปัจจัยสำคัญในการกำหนดสมาธิไบคาร์บอเนตไอออนและ pH ของเลือดมีระเบียบ โดยไต ระดับในเลือดคือ ดัชนีของด่างสำรองหรือบัฟเฟอร์ผลิต 7. ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ เป็นก๊าซไม่มีสี ซึ่งหากหายใจเอาก๊าซนี้เข้าไปในปริมาณมาก ๆ จะรู้สึกเปรี้ยวที่ปาก เกิดการระคายเคืองที่จมูกและคอ เนื่องจากอาจเกิดการละลายของแก๊สนี้ในเมือกในอวัยวะ ก่อให้เกิดกรดคาร์บอนิกอย่างอ่อน 8. คลอไรค์ คลอไรต์พบอยู่ในน้ำตามธรรมชาติทั่ว ๆ ไป ด้วยความเข้มข้นต่าง ๆ กัน โดยปริมาณของคลอไรต์เพิ่มมากขึ้นเป็นสัดส่วนกับปริมาณของเกลือแร่ที่เพิ่มขึ้น น้ำตามภูเขาและที่สูง ๆ มักจะมีปริมาณคลอไรต์น้อย ในขณะที่น้ำตามแม่น้ำและน้ำใต้ดินมีปริมาณของคลอไรต์มาก 9. ซัลเฟต เกิดจากแร่ธาตุในธรรมชาติทำให้เกิดน้ำกระด้างถาวร เป็นตะกรันในหม้อต้มอนุมูลนี้โดยลำพังไม่มีผลต่อสุขภาพอนามัย แต่หากมีธาตุแมกนีเซียมสูงด้วยจะทำให้เกิดผลเหมือนยาระบาย โดยทั่วไปซัลเฟตมีผลทำให้น้ำเกิดรสได้น้อยกว่าคลอไรด์ 10. ไนเตรต เกิดจากการย่อยสลายของสารอินทรีย์โดยแบคทีเรียบางชนิดมีผลต่อสุขภาพอนามัย โดยเฉพาะเด็กทารกซึ่งจะทำให้ร่างกายเกิดการขาดออกซิเจน มีอาการตัวเขียว และอาจทำให้ถึงแก่ความตายได้
ประโยชน์ของการอาบน้ำแร่ ด้วยอุณหภูมิของน้ำแร่ร้อนอยู่ที่ 45 – 60 องศาเซลเซียส ซึ่งอุณหภูมิของความร้อนดังกล่าวมีความสอดคล้องกับการรักษาทางการแพทย์ ที่เรียกว่า “ธาราบำบัด” โดยอาศัยหลักการที่ว่า การใช้น้ำที่มีอุณหภูมิสูงในระดับที่เหมาะสมจะช่วยเพิ่มการไหลเวียนของโลหิตมีผลต่อการผ่อนคลายความตึงเครียดของกล้ามเนื้อ เป็นผลให้รู้สึกสบายตัวยิ่งขึ้น เมื่อร่างกายรู้สึกสบายความตึงเครียดน้อยลง ย่อมมีผลต่อสภาพจิตใจ ถือเป็นการลดความเครียดได้อีกวิธีหนึ่ง
ทรัพยาการสิ่งแวดล้อม
พื้นที่ - มีการถมที่จากที่นาเดิม และปูทางเท้าด้วยบล็อกตัวหนอน น้ำพุร้อน - น้ำใสไม่มีสี ไม่มีกลิ่น ปริมาณน้ำมีน้ำตลอดปี แต่ไม่มากจนล้น มีตะไคร่แข็ง ติดบริเวณขอบบ่อ ภูมิทัศน์ - มีการประดับตกแต่งสวน ทั่วบริเวณ และมีการจัดวางผังพื้นที่
ข้อมูลการสำรวจ
วันเดือนปีที่สำรวจ
2 พฤษภาคม 2561
วันปรับปรุงข้อมูล
-
ผู้สำรวจข้อมูล
นายวุฒิชัย ตรุษลักษณ์ นางสาววรรณภา รอดจันทร์ นายสมศักดิ์ พูนใจสม
คำสำคัญ(tag)
ทรัพยากรธรรมชาติ, บ่อน้ำพุร้อน, ท่องเที่ยวกำแพงเพชร