ฐานข้อมูล เรื่อง บ่อน้ำพุร้อนพระร่วง

จาก KPPStudies
ไบยังการนำทาง ไปยังการค้นหา

ข้อมูลทั่วไป[แก้ไข]

ชื่อเรียกทางการ[แก้ไข]

         บ่อน้ำพุร้อนพระร่วง จังหวัดกำแพงเพชร

ชื่อเรียกอื่นๆ[แก้ไข]

         บึงสาป, บ่อน้ำร้อนบึงสาป  เขาไก่เขี่ย

ที่ตั้ง/ที่ค้นพบ[แก้ไข]

1 บ่อน้ำพุร้อนพระร่วง.jpg

ภาพที่ 1 บ่อน้ำพุร้อนพระร่วง

         ตั้งอยู่ที่หมู่ 3 ตำบลลานดอกไม้ อำเภอเมืองกำแพงเพชร ห่างจากตัวเมืองประมาณ 13 กิโลเมตร บนทางหลวงหมายเลข 101 สายกำแพงเพชร-พรานกระต่าย น้ำพุร้อนพระร่วงมีพื้นที่โดยประมาณ 15 ไร่ สภาพแวดล้อมโดยล้อมรอบเป็นพื้นที่เกษตรและป่าละเมาะ บ่อน้ำร้อน มีลักษณะเป็นน้ำ แร่ร้อนธรรมชาติผุดจากแหล่งใต้ดิน จำ นวน 5 จุด มี ความร้อนประมาณ 40-65 องศาเซลเซียส เชื่อกันว่าเป็นแหล่งนํ้ำ แร่ ที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ

ที่ตั้งพิกัดทางภูมิศาสตร์[แก้ไข]

         พิกัด UTM (WGS 1984) X 550091.284000, Y 1841819.557000 ละติจูด 16.658351, ลองจิจูด 99.469744     ความสูงจากระดับนำทะเลปานกลาง 80.00 เมตร

สภาพธรณีวิทยา[แก้ไข]

         ได้นำตัวอย่างน้ำแร่ร้อนที่บ่อน้ำพุร้อนพระร่วงแห่งนี้ให้กับหน่วยงานในสังกัดสาธารณสุขจังหวัดกำแพงเพชร  ทำการตรวจวิเคราะห์ผลปรากฏว่าไม่มีสารปนเปื้อนและไม่มีเชื้อโรคที่เป็นอันตราย อีกทั้งไม่มีกลิ่นกำมะถัน อุณหภูมิของน้ำร้อนอยู่ระหว่าง 45-60 องศาเซลเซียส ใช้อาบ แช่ตัวได้ และที่สำคัญดื่มได้อย่างปลอดภัย แร่ธาตุที่มีอยู่ในน้ำแร่ประกอบด้วย แคลเซียม เหล็ก แมกนีเซียม ฟลูออไรด์ โซเดียม ไบคาร์บอเนต ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์คลอไรด์ ซัลเฟต และไนเตรต
2 น้ำภายในบ่อน้ำพุร้อนพระร่วง.jpg

ภาพที่ 2 น้ำภายในบ่อน้ำพุร้อนพระร่วง

ประเภททรัพยากร[แก้ไข]

         พืชพรรณ - ส่วนใหญ่เป็นพรรณไม้ประดับ
         สัตว์ป่า – ไม่มีข้อมูล

สถานะการขึ้นทะเบียน[แก้ไข]

         สถานภาพแหล่งธรรมชาติจากโครงการแนวทางการจัดการแผนแม่บทเพื่อการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมธรรมชาติ ปี 2547

หน่าวยงานที่ดูแลรักษา[แก้ไข]

         องค์การบริหารส่วนจังหวัดกำแพงเพชร

ข้อมูลจำเพาะทรัพยากรธรรมชาติ[แก้ไข]

ประวัติความเป็นมา/คำบอกเล่า/ตำนาน[แก้ไข]

3 ภาพศาลพระร่วง.jpg

ภาพที่ 3 ภาพศาลพระร่วง

         ตามตำนานกล่าวว่า บ่อน้ำพุร้อนพระร่วง แต่เดิมบริเวณบ่อน้ำพุร้อนแห่งนี้มีลักษณะเป็นลุ่มน้ำขัง มีป่าโปร่งล้อมรอบสลับด้วยเนินเตี้ย ๆ พื้นดินบางแห่งมีหินโผล่ขึ้นเป็นกลุ่มน้อยใหญ่สลับกันตำนานเล่าว่าครั้งสมัยกรุงสุโขทัยเป็นราชธานี สมเด็จพระร่วงเจ้าได้เสด็จประพาสป่าล่าสัตว์มาถึงบริเวณบ่อน้ำพุร้อนแห่งนี้ วันหนึ่งพระองค์ทรงเห็นไก่ป่าตัวหนึ่งมีลักษณะสวยงามและมีเสียงขันไพเราะมาก  จึงทรงให้นายพรานที่ตามเสด็จ ต่อไก่ป่าตัวนั้นและได้ไก่ป่าสมพระราชประสงค์  โดยมีไก่ป่าตัวอื่นๆ ติดไปด้วยเป็นจำนวนมาก ในวันนั้นพระองค์และนายพรานล่าสัตว์อื่นไม่ได้เลย จึงทรงให้ทหารนำไก่ป่าตัวอื่นๆไปปรุงอาหารสำหรับเสวย แต่เนื่องจากบริเวณดังกล่าวเป็นป่า  ไม่มีบ้านเรือนราษฎร จึงไม่มีไฟใช้ทำอาหาร พระองค์จึงทรงสาปน้ำที่อยู่ในบึงบริเวณใกล้ๆ ให้เป็นน้ำร้อน บึงดังกล่าวจึงเรียกว่า“บึงพระร่วงสาป” ต่อมาภายหลังเรียกสั้นลงว่า “บึงสาป”  และเป็นที่โจษขานกันว่าน้ำในบึงสาปนี้สามารถรักษาโรคภัยไข้เจ็บ เช่น โรคปวดเมื่อยตามร่างกาย  โรคผิวหนังได้  จึงมีประชาชนในท้องถิ่นและจังหวัดใกล้เคียงพากันไปอาบ ดื่ม กิน และบางรายนำน้ำกลับไปเพื่อเป็นสิริมงคล
         บึงสาป เป็นบ่อน้ำพุร้อนตามธรรมชาติของกำแพงเพชร ที่มีชื่อเสียงมาก เดิมเรียกกันว่า

บึงสาป มีลักษณะเป็นบึงขนาดใหญ่ มีเนื้อที่หลายไร่ ชาวบ้านแต่โบราณใช้น้ำจากบึงสาปนี้มาอาบกินซึ่งเชื่อกันว่า สามารถรักษาโรคภัยไข้เจ็บได้ บึงสาปมีชื่อที่เรียกกันเป็นทางการว่า บ่อน้ำพุร้อนพระร่วง ....บึงสาปมีตำนานเรื่องการต่อไก่ของพระร่วงเจ้า ในสมัยสุโขทัยว่า พระร่วงเจ้าเสด็จมาต่อไก่ บริเวณพรานกระต่าย ตามไก่มาถึงบึงน้ำใหญ่แห่งหนึ่ง พระองค์ต้องการที่จะลวกไก่ เพื่อถอนขน แต่ไม่มีน้ำร้อนลวกไก่ จึงสาปให้น้ำในบึง ร้อน เพื่อลวกไก่ เมื่อถอนขนไก่แล้ว ไม่มีน้ำเย็นสำหรับล้างไก่ จึงสาปอีกบ่อหนึ่งให้เป็นน้ำเย็น บึงที่พระร่วงสาปจึงกลายมาเป็นบึงสาปในปัจจุบันตามความเชื่อในตำนานของพระร่วง ซึ่งมีมากมายในบริเวณนี้

4 รูปปั้นพระร่วง.jpg

ภาพที่ 4 รูปปั้นพระร่วง

         บ่อน้ำพุร้อนพระร่วง หรือบึงสาปแห่งนี้ เป็นน้ำศักดิ์สิทธิ์ของจังหวัดกำแพงเพชรนำน้ำจากบึงนี้ไปประกอบพิธีสำคัญของบ้านเมืองตลอดมาเช่นในพิธีถือน้ำพิพัฒน์สัตยา เนื่องจากบ่อน้ำพุร้อนพระร่วง เป็นน้ำที่เกิดจาก แร่ธาตุและความร้อนภายในโลก ทำให้น้ำพุร้อนผุดขึ้นมาตลอดเวลา ซึ่งตามหลักการทางวิทยาศาสตร์ น้ำแร่ธาตุนี้สามารถรักษาโรคได้หลายชนิด โดยเฉพาะโรคผิวหนัง
         บ่อน้ำพุร้อนพระร่วง อยู่ที่หมู่ 3 ตำบลลานดอกไม้ อำเภอเมืองจังหวัดกำแพงเพชร ห่างจากตัวเมือง 13 กิโลเมตร บนทางหลวง 101 สายกำแพงเพชร พรานกระต่าย แยกทางซ้ายไปประมาณ 12 กิโลเมตร เป็นน้ำพุร้อนที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ จำนวน 5 จุด อุณหภูมิประมาณ 40 -65 องศาเซลเซียส จากการตรวจสอบของกระทรวงสาธารณสุขปรากฏว่าไม่มีสารปนเปื้อนและเชื้อโรคอันตรายเกินมาตรฐาน
         องค์การบริหารส่วนจังหวัดกำแพงเพชร ได้พัฒนาบึงสาปให้เป็นบ่อน้ำพุร้อนพระร่วง 

ที่สามารถรับนักท่องเที่ยวได้จำนวนมาก โดยจัดทำให้สถานที่รื่นรมย์มากขึ้น มีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย ให้ประชาชนที่มาใช้บริการ เมื่อเข้าไปจะพบกับบ่อน้ำร้อนและบ่อน้ำเย็นที่ปรับภูมิทัศน์จนงดงาม บ่อน้ำอุ่นแช่เท้า น่าสนใจมาก ทำให้สบายมากขึ้น มีประชาชนมาใช้บริการมากมาย น้ำกำลังอุ่นพอดี..... สถานที่อาบน้ำอุ่นราคาย่อมเยาเป็นส่วนตัว ช่วยบำบัดโรคภัยไข้เจ็บ ให้หายได้อย่างทันตาเห็น จากคำบอกเล่าของท่านผู้มาใช้บริการ นอกจากบริการของบ่อน้ำร้อนแล้ว ยังมีบริการนวดแผนโบราณ ที่ประทับใจยิ่ง

         บ่อน้ำพุร้อนพระร่วง เป็นสถานที่ท่องเที่ยว ที่น่าสนใจมากแห่งหนึ่งในจังหวัดกำแพงเพชร ถ้าท่านว่างจากภารกิจ อยากจะพักผ่อนให้คลายจากความเครียดโปรดมาใช้บริการ จากบ่อน้ำพุร้อนพระร่วงแล้วท่านจะประทับใจกลับไปอย่างมีความสุข
         บึงสาปหรือบ่อน้ำพุร้อนพระร่วงเดิมมีลักษณะเป็นที่ลุ่มน้ำขัง มีป่าโปร่งล้อมรอบสลับด้วยเนินเตี้ยๆ ในปัจจุบัน องค์การบริหารส่วนจังหวัดกำแพงเพชรได้เข้ามาพัฒนาพื้นที่แห่งนี้ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ที่สวยงาม โดยพัฒนาพื้นที่บริเวณบึงสาปให้เป็นบ่อน้ำร้อนแบบออนเซ็นหรือบ่อน้ำแร่แบบญี่ปุ่น และเปิดให้บริการอาบน้ำแร่แบบวารีบำบัดหรือ Hydrotherapy ซึ่งมีผลการวิจัยรองรับว่าสามารถใช้บำบัดรักษาอาการปวดเมื่อยได้จริง โดยเริ่มจากการอาบน้ำเย็นเพื่อชำระร่างกายก่อนที่จะลงแช่น้ำร้อนนานประมาณ ๘-๑๐ นาที หลังจากนั้นให้ขึ้นมาอาบน้ำเย็นราว ๑-๒ นาทีสลับกับน้ำร้อน ๘-๑๐ นาที ทำเช่นนี้สามรอบและปิดท้ายด้วยการอาบน้ำเย็น จะช่วยกระตุ้นให้เส้นประสาทและกล้ามเนื้อผ่อนคลาย เลือดลมไหลเวียนสะดวก ช่วยบรรเทาอาการปวดเมื่อยได้เป็นอย่างดี 
5 ห้องแช่น้ำร้อน ในบ่อน้ำพุร้อนพระร่วง.jpg

ภาพที่ 5 ห้องแช่น้ำร้อน ในบ่อน้ำพุร้อนพระร่วง

         น้ำพุร้อนเกิดจากอะไร สาเหตุการเกิดน้ำพุร้อนแต่ละชนิดมีกระบวนการอย่างไรบ้าง

น้ำพุร้อน หมายถึง น้ำที่พ่นออกมาจากผิวดินขึ้นสู่อากาศ ด้วยความดันจากความร้อนใต้พิภพ ซึ่งน้ำพุร้อนนี้มีหลายขนาดและหลายประเภทแตกต่างกันออกไปตามสภาพภูมิประเทศหรือปัจจัยการเกิดของน้ำพุร้อนนั้นๆ เช่นปริมาณแร่ธาตุที่ละลายผสมอยู่ในน้ำ เป็นต้น ซึ่งเราสามารถแบ่งน้ำพุร้อนออกเป็นประเภทที่พบเห็นได้บ่อย และวิธีการเกิดได้ดังต่อไปนี้

         1. น้ำพุร้อนไกเซอร์ (Geyser) เป็นน้ำพุร้อนที่มีขนาดใหญ่และกำลังแรงมาก อาจะพ่นน้ำได้สูงขึ้นไปในอากาศได้ถึง 60 เมตรเลยก็ได้ เกิดจากการสะสมความร้อนจากน้ำในโพรงดินใต้พื้นพิภพ และไม่สามารถระบายออกมาได้ เมื่อความร้อนไม่สามารถระบายออกมาได้ ก็จะสะสมกักเก็บจนมีแรงดันมหาศาลที่สามารถพ่นน้ำให้สูงขึ้นไปได้ในอากาศ และเมื่อความร้อนคลายออกไปจนหมดแล้ว จะเข้าสู่การเก็บสะสมความร้อนใหม่อีกครั้ง
         2. น้ำพุร้อน ( Hot Spring ) เกิดจากน้ำที่ไหลออกมาจากทางน้ำใต้พื้นดิน ซึ่งมีอุณหภูมิที่สูงกว่าร่างกายมนุษย์ โดยมากน้ำที่ไหลออกมาจะเป็นลักษณะของการปลดปล่อยพลังงาน และเมื่อน้ำที่ไหลออกมานั้นคลายความร้อนหรือพลังงานลงก็จะไหลกลับคืนสู่แหล่งอีกครั้ง ซึ่งบ่อน้ำพุประเภทนี้มักจะมีแร่ธาตุต่างๆ เจือปนอยู่ด้วยทำให้มักมีสีหรือกลิ่นที่แตกต่างกันออกไป น้ำพุร้อนประเภทนี้พบได้มากใน ไทย ไอซ์แลนด์ นิวซีแลนด์ เป็นต้น
         3. บ่อไอเดือดหรือพุก๊าซ (Fumarole) มีลักษณะที่เป็นปล่องหรือหลุม ซึ่งมักจะมีไอน้ำระเหยเป็นไออยู่ตลอดเวลา ทั้งนี้ก็เพราะในบริเวณนั้นมีน้ำน้อย แต่มีอุณหภูมิใต้พื้นดินที่มีความร้อนสูง ทำให้น้ำที่อยู่บริเวณนั้นระเหยกลายเป็นไออยู่ตลอดเวลา น้ำพุร้อนประเภทบ่อเดือดนี้พบได้มากในประเทศที่มีภูเขาไฟ
         4. บ่อโคลนเดือด หรือบ่อพุเดือด (Mud pot) มีลักษณะเป็นบ่อที่มีน้ำผสมกับดินจนกลายเป็นดินเหลว ประกอบกับเมื่อมีความร้อนใต้ชั้นดินด้านล่างที่สูงจัด จนดันไอน้ำที่มีพลังงานความร้อนจัดขึ้นมาทะลุชั้นผิวที่เป็นโคลน ทำให้ดูเหมือนเป็นการระเบิดย่อยๆ บ่อชนิดนี้มักมีกำมะถันเจือปนอยู่ด้วย ดังนั้นจึงมักจะได้กลิ่นของกำมะถันกระจายอยู่ทั่วบริเวณ พบบ่อประเภทนี้ได้บ่อยมากในประเทศที่มีภูเขาไฟ
         น้ำพุร้อนในแต่ละที่นั้นมีอุณหภูมิที่แตกต่างกันออกไปนะครับ ตั้งแต่แค่อุ่นๆ จนไปถึงร้อนจัดจนสามารถต้มไข่สุกได้ในไม่กี่นาที สำหรับประเทศไทยเรานั้นสถานที่ท่องเที่ยวในเรื่องของน้ำพุร้อนจะอยู่ที่บริเวณภาคเหนือของประเทศ ไม่ว่าจะเป็น น้ำพุร้อนพระร่วงกำแพงเพชร น้ำพุร้อนหินดาด กาญจนบุรี น้ำพุร้อนสันกำแพง โป่งเดือดป่าแป๋ เชียงใหม่ และที่อื่นๆ อีกมากมาย
6 การบริการแช่เท้าจุดที่ 1.jpg

ภาพที่ 6 การบริการแช่เท้าจุดที่ 1

อายุทรัพยากร[แก้ไข]

         ความสำคัญของพื้นที่แห่งนี้ในประวัติศาสตร์อันยาวนานกว่า ๗๐๐ ปีของตำนานพระร่วงเจ้า

ข้อมูลจำเพาะทางวิทยาศาสตร์[แก้ไข]

         การตรวจวิเคราะห์คุณภาพน้ำ ส่งตัวอย่างน้ำไปวิเคราะห์คุณภาพน้ำที่ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์นครสวรรค์ เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน 2551 ปราฎว่าไม่มีสารปนเปื้อนและเชื้อโรคอันตรายสามารถใช้บริโภคอุปโภคได้ไม่มีกลิ่นกำมะถัน มีอุณหภูมิอยู่ระหว่าง 45-65 องศาเซลเซียส ให้ดื่มและอาบได้ ปลอดภัย รักษาโรคได้ เช่น โรคปวดเมื่อยและโรคผิวหนัง

แร่ธาตุที่มีอยู่ในน้ำแร่

         1. แคลเซียม 
         แคลเซียม เป็นแร่ธาตุที่พบในเปลือกโลกประมาณ 5.4 % โดยมวล พบอยู่ในรูปของสารประกอบของ CaCO3 ที่เป็นองค์ประกอบของหินปูน หินงอก หินย้อย ดินมาร์ล เปลือกหอย และพบในสารประกอบซัลเฟต เช่น ยิปซั่ม แคลเซียม ถือเป็นแร่ธาตุสำคัญที่มีต่อมนุษย์ สัตว์ พืช และสิ่งแวดล้อม จัดเป็นแร่ธาตุหลักที่เป็นส่วนประกอบในร่างกายของมนุษย์ซึ่งจำเป็นมากต่อการเจริญเติบโต ส่วนพืชจัดเป็นธาตุอาหารรองที่เกี่ยวข้องกับการเจริญเติบโตเช่นกัน ในด้านสิ่งแวดล้อม แร่แคลเซียมนั้นพบมากในหินต่างๆตามธรรมชาติ สามารถแตกตัว ละลายน้ำ และทำปฏิกิริยากับธาตุอื่น ทำให้เกิดสภาวะความเป็นกรด-ด่างของสภาพแวดล้อมนั้นๆ
         2. เหล็ก
         เป็นแร่ธาตุที่จำเป็นต่อร่างกายอย่างยิ่ง มีความสำคัญต่อการผลิตเฮโมโกลบินส่วนประกอบที่สำคัญของเม็ดเลือดแดง, เฮโมโกลบินที่เป็นเม็ดสีแดงในกล้ามเนื้อ และเอนไซม์บางชนิดเฮโมโกลบินซึ่งเป็นที่สะสมของธาตุเหล็กส่วนใหญ่ในร่างกาย ถูกย่อยสลายและนำกลับมาใช้ใหม่ ตามวงจรชีวิตของเม็ดเลือดแดงซึ่งมีระยะเวลา 120 วัน ส่วนธาตุเหล็กที่เกาะกับโปรตีน (เฟอร์ริติน) และธาตุเหล็กในเนื้อเยื่อ (ในไมโอโกลบิน) ถูกเก็บสะสมในร่างกายในเพียงปริมาณเล็กน้อย
         3. แมกนีเซียม
         มีความจำเป็นต่อระบบการเผาผลาญของแคลเซียม และวิตามินซี เช่นเดียวกับฟอสฟอรัส โซเดียม และโพแทสเซียม มีหน่วยวัดเป็นมิลลิกรัม มก. มีความจำเป็นต่อการทำงานของเส้นประสาท และกล้ามเนื้อมีส่วนสำคัญในการเปลี่ยนน้ำตาลในเลือดให้เป็นพลังงาน และช่วยคลายความเครียดได้ด้วย ส่วนคนที่ดื่มสุราเป็นประจำมักจะขาดแมกนีเซียมผู้ใหญ่ต้องการประมาณ 250–500 มก. ทุกวัน สำหรับหญิงตั้งครรภ์และให้นมบุตร แนะนำ 300–355 มก. และร่างกายคนเรามีแมกนีเซียมอยู่ประมาณ 21 กรัม
         4. ฟลูออไรต์ 
         ฟลูออไรต์ หรือฟลูออร์สปาร์ หรือที่เรียกว่า แร่พลอยอ่อน เป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายในนักการเหมืองแร่และบุคคลทั่วไปเมื่อสามสิบกว่าปีมานี้เอง ประเทศไทยนับได้ว่าเป็นประเทศที่เคยมีการผลิตแร่ฟลูออไรต์ที่สำคัญของโลก แหล่งแร่ฟลูออไรต์ในประเทศที่สำคัญได้แก่ แหล่งแร่ในอำเภอบ้านโฮ่ง ป่าซาง และแม่ทา ที่จังหวัดลำพูน อำเภอฝาง แม่แจ่ม ฮอด และอมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่ อำเภอปายและแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอน อำเภอศรีสวัสดิ์และพนมทวน จังหวัดกาญจนบุรี อำเภอเขาย้อยและท่ายาง จังหวัดเพชรบุรี และอำเภอจอมบึง จังหวัดราชบุรี นอกจากกนี้ยังมีแหล่งแร่ฟลูออไรต์ที่น่าสนใจในจังหวัดเชียงราย กำแพงเพชร สุโขทัย แพร่ กระบี่ และสุราษฎร์ธานี
         5. โซเดียม 
         เป็นอีกหนึ่งเกลือแร่หรือแร่ธาตุที่ใครๆก็น่าจะรู้จักกันในรูปของรสชาติความเค็มจากเครื่องปรุงติดบ้านของเราจำพวกน้ำปลา เกลือ หรือเครื่องปรุงอาหารรสชาติต่างๆ แต่ความเป็นจริงแล้วโซเดียมเป็นแร่ธาตุที่พบได้ทั้งในสิ่งแวดล้อมและสิ่งมีชีวิต ซึ่งมีความสำคัญต่อชีวิตประจำวันในหลายรูปแบบ และเป็นสารอาหารประเภทเกลือแร่ที่มีความจำเป็นต่อร่างกาย เช่น การควบคุมความดันกระแสเลือด การทำงานของกล้ามเนื้อและระบบประสาท ช่วยรักษาสมดุลของของเหลวที่อยู่ภายในร่างกาย โดยมีหน้าที่ควบคู่ไปกับโพแทสเซียมและคลอไรด์ หรือพูดง่ายๆเลยว่า โซเดียมก็คือ เกลือแร่ (สารอาหาร) ชนิดหนึ่งที่มีความจำเป็นต่อร่างกาย โดยโซเดียมจะทำหน้าที่ควบคุมความสมดุลของเหลวในร่างกาย รักษาความดันโลหิตให้อยู่ในระดับปกติ ช่วยในการทำงานของประสาทและกล้ามเนื้อ (รวมถึงกล้ามเนื้อหัวใจด้วย) ตลอดจนการดูดซึมสารอาหาร บางอย่างในไตและลำไส้เล็กค่ะ โดยโซเดียมในรูปแบบที่เราบริโภคกันเป็นประจำ ก็จะเป็นโซเดียมที่อยู่ในรูปแบบของ ‘’เกลือแกง’’ โดยที่เกลือมีส่วนประกอบอยู่ 2 อย่างก็คือ โซเดียมกับคลอไรด์และก็น้ำปลา ซึ่งรสชาตินั้นจะต้องมีความเค็มอย่างแน่นอน และจากการสำรวจพบว่าคนไทยกินเกลือที่มีอยู่ในอาหารและเครื่องปรุงรส โดยเฉลี่ยอยู่ที่วันละประมาณ 7 กรัม
         6.ไบคาร์บอเนต
         แร่อนินทรีย์ที่ประกอบด้วยเส้นรัศมี HCO3- จะเป็นปัจจัยสำคัญในการกำหนดสมาธิไบคาร์บอเนตไอออนและ pH ของเลือดมีระเบียบ โดยไต ระดับในเลือดคือ ดัชนีของด่างสำรองหรือบัฟเฟอร์ผลิต
         7. ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์
         เป็นก๊าซไม่มีสี ซึ่งหากหายใจเอาก๊าซนี้เข้าไปในปริมาณมาก ๆ จะรู้สึกเปรี้ยวที่ปาก เกิดการระคายเคืองที่จมูกและคอ เนื่องจากอาจเกิดการละลายของแก๊สนี้ในเมือกในอวัยวะ ก่อให้เกิดกรดคาร์บอนิกอย่างอ่อน 
         8. คลอไรค์
         คลอไรต์พบอยู่ในน้ำตามธรรมชาติทั่ว ๆ ไป ด้วยความเข้มข้นต่าง ๆ กัน โดยปริมาณของคลอไรต์เพิ่มมากขึ้นเป็นสัดส่วนกับปริมาณของเกลือแร่ที่เพิ่มขึ้น น้ำตามภูเขาและที่สูง ๆ มักจะมีปริมาณคลอไรต์น้อย ในขณะที่น้ำตามแม่น้ำและน้ำใต้ดินมีปริมาณของคลอไรต์มาก 
         9. ซัลเฟต
         เกิดจากแร่ธาตุในธรรมชาติทำให้เกิดน้ำกระด้างถาวร เป็นตะกรันในหม้อต้มอนุมูลนี้โดยลำพังไม่มีผลต่อสุขภาพอนามัย แต่หากมีธาตุแมกนีเซียมสูงด้วยจะทำให้เกิดผลเหมือนยาระบาย โดยทั่วไปซัลเฟตมีผลทำให้น้ำเกิดรสได้น้อยกว่าคลอไรด์ 
         10. ไนเตรต
         เกิดจากการย่อยสลายของสารอินทรีย์โดยแบคทีเรียบางชนิดมีผลต่อสุขภาพอนามัย โดยเฉพาะเด็กทารกซึ่งจะทำให้ร่างกายเกิดการขาดออกซิเจน มีอาการตัวเขียว และอาจทำให้ถึงแก่ความตายได้

ประโยชน์ของการอาบน้ำแร่ ด้วยอุณหภูมิของน้ำแร่ร้อนอยู่ที่ 45 – 60 องศาเซลเซียส ซึ่งอุณหภูมิของความร้อนดังกล่าวมีความสอดคล้องกับการรักษาทางการแพทย์ ที่เรียกว่า “ธาราบำบัด” โดยอาศัยหลักการที่ว่า การใช้น้ำที่มีอุณหภูมิสูงในระดับที่เหมาะสมจะช่วยเพิ่มการไหลเวียนของโลหิตมีผลต่อการผ่อนคลายความตึงเครียดของกล้ามเนื้อ เป็นผลให้รู้สึกสบายตัวยิ่งขึ้น เมื่อร่างกายรู้สึกสบายความตึงเครียดน้อยลง ย่อมมีผลต่อสภาพจิตใจ ถือเป็นการลดความเครียดได้อีกวิธีหนึ่ง

ทรัพยาการสิ่งแวดล้อม[แก้ไข]

         พื้นที่ - มีการถมที่จากที่นาเดิม และปูทางเท้าด้วยบล็อกตัวหนอน
         น้ำพุร้อน - น้ำใสไม่มีสี ไม่มีกลิ่น ปริมาณน้ำมีน้ำตลอดปี แต่ไม่มากจนล้น มีตะไคร่แข็ง ติดบริเวณขอบบ่อ
         ภูมิทัศน์ - มีการประดับตกแต่งสวน ทั่วบริเวณ และมีการจัดวางผังพื้นที่

ข้อมูลการสำรวจ[แก้ไข]

วันเดือนปีที่สำรวจ[แก้ไข]

         2 พฤษภาคม 2561

วันปรับปรุงข้อมูล[แก้ไข]

         -

ผู้สำรวจข้อมูล[แก้ไข]

         นายวุฒิชัย  ตรุษลักษณ์
         นางสาววรรณภา  รอดจันทร์
         นายสมศักดิ์  พูนใจสม

คำสำคัญ(tag)[แก้ไข]

         ทรัพยากรธรรมชาติ, บ่อน้ำพุร้อน, ท่องเที่ยวกำแพงเพชร