ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ฐานข้อมูล เรื่อง แกงหน่อไม้กับความหลากหลายด้านถิ่นกำเนิด"
Admin (คุย | มีส่วนร่วม) (สร้างหน้าด้วย " แกงหน่อไม้บางคนก็เรียก แกงลาว บางคนก็เรียก แกงเปร...") |
Admin (คุย | มีส่วนร่วม) (→ผู้สำรวจข้อมูล) |
||
(ไม่แสดง 1 รุ่นระหว่างกลางโดยผู้ใช้คนเดียวกัน) | |||
แถว 85: | แถว 85: | ||
<p align = "center"> '''ภาพที่ 2 แสดงเครื่องปรุงที่ใช้ในการทำแกงหน่อไม้ดอง ภาคกลาง ''' </p> | <p align = "center"> '''ภาพที่ 2 แสดงเครื่องปรุงที่ใช้ในการทำแกงหน่อไม้ดอง ภาคกลาง ''' </p> | ||
==='''สรรพคุณ'''=== | ==='''สรรพคุณ'''=== | ||
− | |||
[[ไฟล์:ภาพที่ 11 แสดงหน่อไม้.jpg|500px|thumb|center]] | [[ไฟล์:ภาพที่ 11 แสดงหน่อไม้.jpg|500px|thumb|center]] | ||
− | <p align = "center"> '''ภาพที่ 3 แสดงหน่อไม้ ''' </p> | + | <p align = "center"> '''ภาพที่ 3 แสดงหน่อไม้ ''' </p> |
− | สรรพคุณของหน่อไม้ช่วยลดการเกิดมะเร็งลำไส้ใหญ่ ป้องกันอาการท้องผูก ช่วยย่อยอาหาร เพราะหน่อไม้เป็นอาหารที่ให้เส้นใยสูง จึงช่วยกระตุ้นการบีบตัวของลำไส้ เมื่อหน่อไม้ผ่านการย่อยร่างกายจะดูดซึมสารอาหารเข้าสู่กระแสเลือด ส่วนกากอาหารที่เหลือหรือสารพิษต่างๆ เช่น ยาฆ่าแมลงหรือโลหะหนักจะไปรวมกันที่ลำไส้ใหญ่ | + | '''หน่อไม้''' |
− | + | สรรพคุณของหน่อไม้ช่วยลดการเกิดมะเร็งลำไส้ใหญ่ ป้องกันอาการท้องผูก ช่วยย่อยอาหาร เพราะหน่อไม้เป็นอาหารที่ให้เส้นใยสูง จึงช่วยกระตุ้นการบีบตัวของลำไส้ เมื่อหน่อไม้ผ่านการย่อยร่างกายจะดูดซึมสารอาหารเข้าสู่กระแสเลือด ส่วนกากอาหารที่เหลือหรือสารพิษต่างๆ เช่น ยาฆ่าแมลงหรือโลหะหนักจะไปรวมกันที่ลำไส้ใหญ่ | |
[[ไฟล์:ภาพที่ 12 แสดงวัตถุดิบหลักที่ใช้ในไก่.jpg|500px|thumb|center]] | [[ไฟล์:ภาพที่ 12 แสดงวัตถุดิบหลักที่ใช้ในไก่.jpg|500px|thumb|center]] | ||
<p align = "center"> '''ภาพที่ 4 แสดงวัตถุดิบหลักที่ใช้ในไก่ ''' </p> | <p align = "center"> '''ภาพที่ 4 แสดงวัตถุดิบหลักที่ใช้ในไก่ ''' </p> | ||
− | สรรพคุณของไก่ทางแพทย์แผนจีนเนื้อกล่าวไว้ว่า เนื้อไก่มีคุณสมบัติร้อน (จัดเป็นหยาง) รสหวาน ใช้บำรุงร่างกาย ทำให้กระดูกและเอ็นแข็งแรง ทำให้ประจำเดือนปกติ รักษาอาการระดูขาวมากกว่าปกติ ชาวจีนเชื่อว่า เนื้อไก่ตัวผู้ มีคุณสมบัติค่อนไปทางร้อน (หยาง) ใช้บำรุงร่างกาย ส่วนเนื้อไก่ตัวเมียมีคุณ สมบัติเย็น (ยิน) ใช้บำรุงร่างกายเช่นกัน เหมาะสำหรับเป็นอาหารของคนชรา สตรีหลังคลอดบุตร และผู้ป่วยที่ป่วยเวลานาน | + | '''ไก่''' |
− | + | สรรพคุณของไก่ทางแพทย์แผนจีนเนื้อกล่าวไว้ว่า เนื้อไก่มีคุณสมบัติร้อน (จัดเป็นหยาง) รสหวาน ใช้บำรุงร่างกาย ทำให้กระดูกและเอ็นแข็งแรง ทำให้ประจำเดือนปกติ รักษาอาการระดูขาวมากกว่าปกติ ชาวจีนเชื่อว่า เนื้อไก่ตัวผู้ มีคุณสมบัติค่อนไปทางร้อน (หยาง) ใช้บำรุงร่างกาย ส่วนเนื้อไก่ตัวเมียมีคุณ สมบัติเย็น (ยิน) ใช้บำรุงร่างกายเช่นกัน เหมาะสำหรับเป็นอาหารของคนชรา สตรีหลังคลอดบุตร และผู้ป่วยที่ป่วยเวลานาน | |
[[ไฟล์:ภาพที่ 13 แสดงพริกหยวก.jpg|500px|thumb|center]] | [[ไฟล์:ภาพที่ 13 แสดงพริกหยวก.jpg|500px|thumb|center]] | ||
− | <p align = "center"> '''ภาพที่ 5 แสดงพริกหยวก ''' </p> | + | <p align = "center"> '''ภาพที่ 5 แสดงพริกหยวก ''' </p> |
+ | '''พริกหยวก''' | ||
สรรพคุณของพริกหยวกมีสารแคปไซซิน ซึ่งมีประโยชน์ต่อคนป่วยเป็นโรคเบาหวาน เพราะช่วยบำบัดอาการของโรค ช่วยทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดลดลงและมีประโยชน์ด้านอื่น ๆ ดังต่อไปนี้ | สรรพคุณของพริกหยวกมีสารแคปไซซิน ซึ่งมีประโยชน์ต่อคนป่วยเป็นโรคเบาหวาน เพราะช่วยบำบัดอาการของโรค ช่วยทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดลดลงและมีประโยชน์ด้านอื่น ๆ ดังต่อไปนี้ | ||
− | + | 1. พริกหยวกยังส่งผลให้ระดับของคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดีและไตรกลีเซอไรด์ในเลือดลดลงด้วย โดยการเพิ่มคอเลสเตอรอลชนิดดี ทำให้ระดับไขมันแต่ละชนิดมีความสมดุลกัน | |
− | + | 2. พริกหยวกมีคุณสมบัติที่ช่วยขยายหลอดเลือด ทำให้เกิดการอุดตันของเส้นเลือดน้อย และเลือดสามารถไหลเวียนไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกายได้มากและดีขึ้น ป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือด | |
− | + | 3. สรรพคุณของพริกหยวกอุดมด้วยเบต้าแคโรทีน วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 วิตามินซี ซึ่งมีฤทธิ์เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่จะป้องกันความเสื่อมของเซลล์ ลดโอกาสเกิดโรคมะเร็งได้หลายชนิด | |
− | + | 4. พริกหยวกมีสรรพคุณช่วยลดความดันโลหิตสูงได้ จากสารแคปไซซินที่มีสรรพคุณช่วยให้หลอดเลือดอ่อนตัว ซึ่งจะส่งผลทำให้สลายลิ่มเลือดได้เร็ว และเสริมสร้างผนังหลอดเลือดให้แข็งแรง มีความยืดหยุ่นรับแรงดันในระดับต่างๆ ได้ดี | |
− | + | 5. พริกหยวกช่วยบำรุงร่างกายให้แข็งแรง ไม่เจ็บป่วยง่าย ช่วยให้เซลล์ต่างๆ ในร่างกายทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ เพิ่มภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกาย | |
− | + | 6. ประโยชน์ของพริกหยวกทำให้รู้สึกอารมณ์ดี สดชื่น แจ่มใส โดยจะช่วยกระตุ้นการหลั่งสารเอนดอร์ฟินซึ่งมีฤทธิ์ทำให้เกิดความผ่อนคลายและรู้สึกมีความสุข | |
− | + | 7. พริกหยวกมีสรรพคุณช่วยลดอาการเจ็บปวด เช่น ปวดฟัน เจ็บคอ ผิวหนังอักเสบ ฯลฯ เพราะสารแคปไซซินจะมีผลช่วยชะลอความรู้สึกเจ็บปวดที่ปลายประสาทของสมองส่วนกลางให้ช้าลง | |
− | + | 8. พริกหยวกช่วยกระตุ้นความรู้สึกอยากกินอาหาร ทำให้เจริญอาหาร และยังมีประโยชน์ต่อระบบการย่อย ช่วยกระตุ้นน้ำย่อยทำให้สามารถย่อยอาหารได้ดีขึ้น | |
− | + | 9. สรรพคุณพริกหยวกมีฤทธิ์ช่วยขับเหงื่อ แก้อาเจียน บรรเทาอาการไอ ขับเสมหะ และแก้หวัด โดยสารแคปไซซินจะช่วยลดน้ำมูกทำให้การหายใจสะดวกขึ้น ช่วยบำบัดอาการภูมิแพ้ต่างๆ ได้ | |
− | + | 10. พริกหยวกมีสรรพคุณที่สามารถนำไปผสมกับขี้ผึ้งใช้เป็นยาทาภายนอก เพื่อรักษาอาการปวดเมื่อยที่มีสาเหตุจากไขข้ออักเสบ ทำให้เลือดลมไหลเวียนดีขึ้น | |
− | + | 11. พริกหยวกมีประโยชน์ช่วยขับลมซึ่งจะช่วยลดอาการท้องอืดท้องเฟ้อ | |
− | |||
[[ไฟล์:ภาพที่ 14 แสดงโหระพาหน่อไม้.jpg|500px|thumb|center]] | [[ไฟล์:ภาพที่ 14 แสดงโหระพาหน่อไม้.jpg|500px|thumb|center]] | ||
<p align = "center"> '''ภาพที่ 6 แสดงโหระพาหน่อไม้ ''' </p> | <p align = "center"> '''ภาพที่ 6 แสดงโหระพาหน่อไม้ ''' </p> | ||
+ | '''โหระพา''' | ||
สรรพคุณของโหระพาเสริมภูมิคุ้มกันให้ร่างกายโหระพามีส่วนช่วยในการเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน พร้อมส่งเสริมการทำงานของร่างกายให้เป็นปกติ เมื่อรับประทานโหระพาเป็นประจำ จึงทำให้มีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง ไม่เจ็บป่วยได้ง่าย แถมยังลดความเสี่ยงการป่วยด้วยโรคร้ายต่างๆ ได้ดีอีกด้วยและมีประโยชน์ด้านอื่นๆดังต่อไปนี้ | สรรพคุณของโหระพาเสริมภูมิคุ้มกันให้ร่างกายโหระพามีส่วนช่วยในการเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน พร้อมส่งเสริมการทำงานของร่างกายให้เป็นปกติ เมื่อรับประทานโหระพาเป็นประจำ จึงทำให้มีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง ไม่เจ็บป่วยได้ง่าย แถมยังลดความเสี่ยงการป่วยด้วยโรคร้ายต่างๆ ได้ดีอีกด้วยและมีประโยชน์ด้านอื่นๆดังต่อไปนี้ | ||
− | + | 1. แก้อาการท้องอืดใบโหระพามีสรรพคุณลดการบีบตัวของลำไส้ ช่วยรักษาแผลในกระเพาะ กระตุ้นระบบการย่อยอาหารให้มีประสิทธิภาพ จึงสามารถแก้อาการท้องอืด แน่นท้อง ได้เป็นอย่างดี ใครที่มีอาการท้องอืดบ่อยๆ ต้องทานใบโหระพากันเลย | |
− | + | 2. สร้างความผ่อนคลาย ลดเครียดน้ำมันหอมระเหยในใบโหระพา จะทำให้กล้ามเนื้อเกิดการผ่อนคลาย ลดการเกร็งของกล้ามเนื้อ ลดความวิตกกังวล คลายเครียด และลดอาการซึมเศร้าได้เป็นอย่างดี แถมยังช่วยให้เกิดสมาธิมากกว่าเดิมอีกด้วย | |
− | + | 3. ลดคอเลสเตอรอลในเลือดใบ โหระพามีส่วนช่วยในการลดคอเลสเตอรอลในเลือดได้ ซึ่งก็จะช่วยลดความเสี่ยงโรคร้ายจากภาวะคอเลสเตอรอลในเลือดสูงได้อีกหลายโรคเลยทีเดียว ดังนั้นคนที่มีภาวะคอเลสเตอรอลในเลือดสูง ควรทานใบโหระพาเป็นประจำ โดยเฉพาะการทานใบสดๆ จะได้รับคุณประโยชน์อย่างเต็มที่ | |
− | + | 4. บรรเทาอาการคลื่นไส้อาเจียน การทานใบโหระพาจะช่วยบรรเทาอาการคลื่นไส้ อาเจียนได้ โดยจะช่วยให้อาการดีขึ้น และรู้สึกผ่อนคลาย สดชื่น สบายตัวมากกว่าเดิม เพราะใบโหระพามีสรรพคุณในการลดอาการคลื่นไส้ และด้วยกลิ่นหอมอ่อนๆ ของใบโหระพา ก็จะช่วยให้เกิดความผ่อนคลาย จึงหยุดยั้งอาการคลื่นไส้อาเจียนได้เหมือนกัน | |
− | + | 5. แก้อาการประจำเดือนมาไม่ปกติ ผู้หญิงมักจะเจอกับปัญหาประจำเดือนมาไม่ปกติ ไม่ว่าจะมามาก มาน้อย มาสองครั้งในเดือนเดียว มาแบบกะปริบกะปรอย หรือมาบ้างไม่มาบ้าง | |
เมื่อทานใบโหระพาเป็นประจำ จะช่วยแก้ปัญหานี้ได้ เพราะใบโหระพาจะช่วยกระตุ้นให้ฮอร์โมนเพศทำงานปกติและเกิดความสมดุล จึงทำให้ประจำเดือนมาสม่ำเสมอนั่นเอง | เมื่อทานใบโหระพาเป็นประจำ จะช่วยแก้ปัญหานี้ได้ เพราะใบโหระพาจะช่วยกระตุ้นให้ฮอร์โมนเพศทำงานปกติและเกิดความสมดุล จึงทำให้ประจำเดือนมาสม่ำเสมอนั่นเอง | ||
− | + | 6. ช่วยให้เจริญอาหาร สำหรับคนที่มีอาการเบื่ออาหาร รับประทานอาหารได้น้อย ลองใส่ใบโหระพาลงในเมนูอาหารกันดู หรืออาจนำมาทานใบสดๆ พร้อมกับอาหาร จะช่วยให้เจริญอาหารได้ดีมาก จากที่เคยตัวเล็กน้ำหนักน้อย ดูเหมือนคนขาดสารอาหาร น้ำหนักก็จะเพิ่มขึ้นมาอย่างเหมาะสมตามเกณฑ์มาตรฐาน | |
+ | [[ไฟล์:ภาพที่ 15 แสดงหอมแดง.jpg|500px|thumb|center]] | ||
+ | <p align = "center"> '''ภาพที่ 7 แสดงหอมแดง ''' </p> | ||
'''หอมแดง''' | '''หอมแดง''' | ||
− | + | สรรพคุณของหอมแดงช่วยให้เจริญอาหาร สำหรับผู้ที่รู้สึกทานอาหารได้น้อย ไม่ค่อยรู้สึกหิว หรือเบื่ออาหาร ให้ลองนำหอมแดงมาใช้ในการปรุงอาหาร ไม่ว่าจะเป็นยำวุ้นเส้น ไข่เจียวใส่หอมแดง หรือแม้แต่ซุปหัวหอม กลิ่นหอมแดงจะช่วยกระตุ้นร่างกายให้รู้สึกอยากอาหารมากยิ่งขึ้น รสชาติของหอมแดงยังช่วยทำให้กับข้าวอร่อยมากขึ้นด้วยและมีประโยชน์ด้านอื่น ๆ ดังต่อไปนี้ | |
− | + | 1. ป้องกันโรคหัวใจและช่วยลดความดันโลหิต หอมแดงอุดมไปด้วยสารอาหารที่ช่วยบำรุงหัวใจ ช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดหัวใจอุดตัน ทำให้เลือดไหลเวียนดีขึ้น เนื่องจากในหอมแดงมีสารเคอร์ซิติน ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่จะช่วยปกป้องเซลล์ในร่างกาย และช่วยลดการอักเสบได้เป็นอย่างดี | |
− | + | 2. บำรุงสมอง ในหอมแดงนั้นเต็มไปด้วยธาตุฟอสฟอรัส การทานหอมแดงบ่อยๆ จะช่วยบำรุงสมอง ทำให้ความจำดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด | |
− | + | 3. ป้องกันมะเร็ง เนื่องจากมีผลการวิจัยค้นพบว่า สารเคอร์ซิตินและสารฟลาโวนอยด์ที่มีอยู่ในหอมแดง มีคุณสมบัติในการต้านอนุมูลอิสระที่เป็นสาเหตุในการก่อโรคมะเร็งได้ | |
− | 1.ป้องกันโรคหัวใจและช่วยลดความดันโลหิต หอมแดงอุดมไปด้วยสารอาหารที่ช่วยบำรุงหัวใจ ช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดหัวใจอุดตัน ทำให้เลือดไหลเวียนดีขึ้น เนื่องจากในหอมแดงมีสารเคอร์ซิติน ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่จะช่วยปกป้องเซลล์ในร่างกาย และช่วยลดการอักเสบได้เป็นอย่างดี | + | 4. ช่วยให้ร่างกายอบอุ่น หอมแดงเป็นสมุนไพรอีกหนึ่งชนิดที่มีฤทธิ์เผ็ดร้อน จึงมีคุณสมบัติช่วยเพิ่มอุณหภูมิภายในร่างกาย ใครที่ขี้หนาวเป็นประจำ ทานหอมแดงแล้ว รับรองจะช่วยให้ร่างกายอบอุ่นได้แน่นอน |
− | 2.บำรุงสมอง ในหอมแดงนั้นเต็มไปด้วยธาตุฟอสฟอรัส การทานหอมแดงบ่อยๆ จะช่วยบำรุงสมอง ทำให้ความจำดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด | + | 5. ช่วยไล่แมลงสาบ สำหรับบ้านไหนที่มีปัญหาแมลงสาบมาคอยกวนใจ ให้ลองนำหอมแดงมาหั่นเป็นแผ่น แล้วนำไปวางบริเวณที่แมลงสาบชอบเข้ามา ในหอมแดงนั้นเต็มไปด้วยสารกำมะถัน ที่มีกลิ่นฉุน จึงสามารถช่วยขับไล่แมลงสาบ ไม่ให้มากวนใจได้ |
− | 3.ป้องกันมะเร็ง เนื่องจากมีผลการวิจัยค้นพบว่า สารเคอร์ซิตินและสารฟลาโวนอยด์ที่มีอยู่ในหอมแดง มีคุณสมบัติในการต้านอนุมูลอิสระที่เป็นสาเหตุในการก่อโรคมะเร็งได้ | + | [[ไฟล์:ภาพที่ 16 แสดงกระเทียม.jpg|500px|thumb|center]] |
− | 4.ช่วยให้ร่างกายอบอุ่น หอมแดงเป็นสมุนไพรอีกหนึ่งชนิดที่มีฤทธิ์เผ็ดร้อน จึงมีคุณสมบัติช่วยเพิ่มอุณหภูมิภายในร่างกาย ใครที่ขี้หนาวเป็นประจำ ทานหอมแดงแล้ว รับรองจะช่วยให้ร่างกายอบอุ่นได้แน่นอน | + | <p align = "center"> '''ภาพที่ 8 แสดงกระเทียม ''' </p> |
− | 5.ช่วยไล่แมลงสาบ สำหรับบ้านไหนที่มีปัญหาแมลงสาบมาคอยกวนใจ ให้ลองนำหอมแดงมาหั่นเป็นแผ่น แล้วนำไปวางบริเวณที่แมลงสาบชอบเข้ามา ในหอมแดงนั้นเต็มไปด้วยสารกำมะถัน ที่มีกลิ่นฉุน จึงสามารถช่วยขับไล่แมลงสาบ ไม่ให้มากวนใจได้ | + | '''กระเทียม''' |
− | + | สรรพคุณของกระเทียมช่วยบำรุงผิวหนังให้มีสุขภาพดีและแข็งแรงและมีประโยชน์ด้านอื่น ๆ ดังต่อไปนี้ | |
− | + | 1. ช่วยเสริมสร้างการเจริญเติบโตของเนื้อเยื่อในร่างกาย | |
− | + | 2. ช่วยป้องกันการเกิดโรคมะเร็ง | |
− | + | 3. ช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานให้แก่ร่างกาย | |
− | + | 4. ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลและน้ำตาลในเลือด | |
− | + | 5. ช่วยปรับสมดุลในร่างกาย | |
− | 1.ช่วยเสริมสร้างการเจริญเติบโตของเนื้อเยื่อในร่างกาย | + | 6. ช่วยแก้อาการวิงเวียนศีรษะ อาการมึนงง ปวดศีรษะ หูอื้อ |
− | 2.ช่วยป้องกันการเกิดโรคมะเร็ง | + | 7. ช่วยในเรื่องระบบสืบพันธุ์และระบบทางเดินปัสสาวะ เพราะมีสารที่ช่วยควบคุมฮอร์โมนทั้งหญิงและชาย ช่วยทำให้มดลูกบีบตัว เพิ่มพละกำลังให้มีเรี่ยวแรง |
− | 3.ช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานให้แก่ร่างกาย | + | 8. ช่วยรักษาโรคความดันโลหิต |
− | 4.ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลและน้ำตาลในเลือด | + | 9. ช่วยป้องกันการเกิดโรคหัวใจ ลดความเสี่ยงของหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน |
− | 5.ช่วยปรับสมดุลในร่างกาย | + | [[ไฟล์:ภาพที่ 17 แสดงตะไคร้.jpg|500px|thumb|center]] |
− | 6.ช่วยแก้อาการวิงเวียนศีรษะ อาการมึนงง ปวดศีรษะ หูอื้อ | + | <p align = "center"> '''ภาพที่ 9 แสดงตะไคร้ ''' </p> |
− | 7.ช่วยในเรื่องระบบสืบพันธุ์และระบบทางเดินปัสสาวะ เพราะมีสารที่ช่วยควบคุมฮอร์โมนทั้งหญิงและชาย ช่วยทำให้มดลูกบีบตัว เพิ่มพละกำลังให้มีเรี่ยวแรง | + | '''ตะไคร้''' |
− | 8.ช่วยรักษาโรคความดันโลหิต | + | สรรพคุณของตะไคร้มีส่วนช่วยในการขับเหงื่อและมีประโยชน์ด้านอื่น ๆ ดังต่อไปนี้ |
− | 9.ช่วยป้องกันการเกิดโรคหัวใจ ลดความเสี่ยงของหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน | + | 1. เป็นยาบำรุงธาตุไฟให้เจริญ (ต้นตะไคร้) |
− | + | 2. มีสรรพคุณเป็นยาบำรุงธาตุ ช่วยในการเจริญอาหาร | |
− | + | 3. ช่วยแก้อาการเบื่ออาหาร (ต้น) | |
− | + | 4. สารสกัดจากตะไคร้มีส่วนช่วยในการป้องกันโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ | |
− | + | 5. แก้และบรรเทาอาการหวัด อาการไอ | |
− | + | 6. ช่วยรักษาอาการไข้ (ใบสด) | |
− | + | 7. ใช้เป็นยาแก้ไข้เหนือ (ราก) | |
− | 1.เป็นยาบำรุงธาตุไฟให้เจริญ (ต้นตะไคร้) | + | 8. น้ำมันหอมระเหยของใบตะไคร้สามารถบรรเทาอาการปวดได้ |
− | 2.มีสรรพคุณเป็นยาบำรุงธาตุ ช่วยในการเจริญอาหาร | + | 9. ช่วยแก้อาการปวดศีรษะ |
− | 3.ช่วยแก้อาการเบื่ออาหาร (ต้น) | + | [[ไฟล์:ภาพที่ 18 แสดงกระชาย.jpg|500px|thumb|center]] |
− | 4.สารสกัดจากตะไคร้มีส่วนช่วยในการป้องกันโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ | + | <p align = "center"> '''ภาพที่ 10 แสดงกระชาย ''' </p> |
− | 5.แก้และบรรเทาอาการหวัด อาการไอ | + | '''กระชาย''' |
− | 6.ช่วยรักษาอาการไข้ (ใบสด) | + | สรรพคุณของกระชายช่วยบำรุงกระดูก ช่วยทำให้กระดูกไม่เปราะบางและมีประโยชน์ด้านอื่น ๆ ดังต่อไปนี้ |
− | 7.ใช้เป็นยาแก้ไข้เหนือ (ราก) | + | 1. ช่วยปรับสมดุลของฮอร์โมนต่าง ๆ ในร่างกาย |
− | 8.น้ำมันหอมระเหยของใบตะไคร้สามารถบรรเทาอาการปวดได้ | + | 2. ช่วยบำรุงกำหนัด แก้อาการกามตายด้าน (เหง้าใต้ดิน) |
− | 9.ช่วยแก้อาการปวดศีรษะ | + | 3. ช่วยบำรุงสมอง เพราะช่วยทำให้เลือดไปเลี้ยงสมองส่วนกลางได้ดีมากขึ้น |
− | + | 4. ช่วยปรับสมดุลของความดันโลหิตในร่างกาย ช่วยลดความดันโลหิตเมื่อความดันโลหิตสูง แต่เมื่อความดันโลหิตต่ำก็จะช่วยทำให้ความดันเพิ่มขึ้นจนเป็นปกติ | |
− | + | 5. สรรพคุณกระชายช่วยแก้โลหิตเป็นพิษ (ใบ) | |
− | + | 6. กระชายมีสรรพคุณทางยาช่วยแก้โรคในปากและคอ เช่น ปากเปื่อย ปากแห้ง ปากเป็นแผล (ใบ, เหง้า) | |
− | + | [[ไฟล์:ภาพที่ 19 แสดงใบย่านาง.jpg|500px|thumb|center]] | |
− | + | <p align = "center"> '''ภาพที่ 11 แสดงใบย่านาง ''' </p> | |
− | สรรพคุณของกระชายช่วยบำรุงกระดูก | + | '''ใบย่านาง''' |
− | 1.ช่วยปรับสมดุลของฮอร์โมนต่าง ๆ ในร่างกาย | + | สรรพคุณของใบย่านาง ในตำราสมุนไพรจัดว่าเป็นยาอายุวัฒนะและมีประโยชน์ด้านอื่น ๆ ดังต่อไปนี้ |
− | 2.ช่วยบำรุงกำหนัด แก้อาการกามตายด้าน (เหง้าใต้ดิน) | + | 1. มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระจำนวนมากจึงช่วยลดและชะลอการเกิดริ้วและความแก่ชราอย่างได้ผล |
− | 3.ช่วยบำรุงสมอง เพราะช่วยทำให้เลือดไปเลี้ยงสมองส่วนกลางได้ดีมากขึ้น | + | 2. ช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานโรคในร่างกาย |
− | 4.ช่วยปรับสมดุลของความดันโลหิตในร่างกาย ช่วยลดความดันโลหิตเมื่อความดันโลหิตสูง แต่เมื่อความดันโลหิตต่ำก็จะช่วยทำให้ความดันเพิ่มขึ้นจนเป็นปกติ | + | 3. ช่วยเพิ่มความสดชื่นให้กับร่างกาย |
− | 5.สรรพคุณกระชายช่วยแก้โลหิตเป็นพิษ (ใบ) | + | 4. ช่วยในการปรับสมดุลของร่างกาย |
− | 6.กระชายมีสรรพคุณทางยาช่วยแก้โรคในปากและคอ เช่น ปากเปื่อย ปากแห้ง ปากเป็นแผล (ใบ, เหง้า | + | 5. เป็นสมุนไพรที่ช่วยในการลดความอ้วนได้อย่างเห็นผลและปลอดภัย |
− | + | 6. ช่วยในการเผาผลาญไขมันและนำไปใช้เป็นพลังงาน | |
− | + | 7. ช่วยป้องกันและลดอัตราการเกิดโรคมะเร็งชนิดต่าง ๆ | |
− | + | ==='''การเตรียมหน่อไม้'''=== | |
− | + | [[ไฟล์:ภาพที่ 3 แสดงการสับหน่อไม้.jpg|500px|thumb|center]] | |
− | + | <p align = "center"> '''ภาพที่ 12 แสดงการสับหน่อไม้ ''' </p> | |
− | + | ==='''ขั้นตอนการปรุง'''=== | |
− | + | ขั้นตอนการปรุงแกงหน่อไม้ของภาคอีสานและภาคกลางดังต่อไปนี้ | |
− | ใบย่านาง | + | 1. แกงหน่อไม้ของคนคนอีสาน |
− | + | [[ไฟล์:ภาพที่ 4 แสดงนำหน่อไม้ที่ได้มาสับ.jpg|500px|thumb|center]] | |
− | + | <p align = "center"> '''ภาพที่ 13 แสดงนำหน่อไม้ที่ได้มาสับ ล้างน้ำให้สะอาดและนำหน่อไม้มาต้ม เพื่อไม่ให้หน่อไม้ขม ''' </p> | |
− | สรรพคุณของใบย่านาง | + | [[ไฟล์:ภาพที่ 5 นำหน่อไม้ที่ต้มแล้วมาต้ม.jpg|500px|thumb|center]] |
− | 1.มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระจำนวนมากจึงช่วยลดและชะลอการเกิดริ้วและความแก่ชราอย่างได้ผล | + | <p align = "center"> '''ภาพที่ 14 นำหน่อไม้ที่ต้มแล้วมาต้มกับน้ำใบหญ้านางและพริกแกง ''' </p> |
− | 2.ช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานโรคในร่างกาย | + | [[ไฟล์:ภาพที่ 6 แสดงตักใส่ถ้วยพร้อมเสิร์ฟ.jpg|500px|thumb|center]] |
− | 3.ช่วยเพิ่มความสดชื่นให้กับร่างกาย | + | <p align = "center"> '''ภาพที่ 15 แสดงตักใส่ถ้วยพร้อมเสิร์ฟ ''' </p> |
− | 4.ช่วยในการปรับสมดุลของร่างกาย | + | 2. แกงหน่อไม้ภาคกลาง |
− | 5.เป็นสมุนไพรที่ช่วยในการลดความอ้วนได้อย่างเห็นผลและปลอดภัย | + | [[ไฟล์:ภาพที่ 7 แสดงการนำเนื้อไก่ไปผัด.jpg|500px|thumb|center]] |
− | 6.ช่วยในการเผาผลาญไขมันและนำไปใช้เป็นพลังงาน | + | <p align = "center"> '''ภาพที่ 16 แสดงการนำเนื้อไก่ไปผัดกับพริกแกง ''' </p> |
− | 7.ช่วยป้องกันและลดอัตราการเกิดโรคมะเร็งชนิดต่าง ๆ | + | [[ไฟล์:ภาพที่ 8 แสดงภาพการปรุงแกงหน่อไม้ดอง.jpg|500px|thumb|center]] |
− | + | <p align = "center"> '''ภาพที่ 17 แสดงภาพการปรุงแกงหน่อไม้ดอง ''' </p> | |
− | 3. | + | [[ไฟล์:ภาพที่ 9 แสดงเนื้อไก่สุกได้ที่.jpg|500px|thumb|center]] |
− | + | <p align = "center"> '''ภาพที่ 18 แสดงเนื้อไก่สุกได้ที่ ใส่พริกหยวกและใบโหระพาเพิ่มความหอม ''' </p> | |
− | + | [[ไฟล์:ภาพที่ 10 แสดงตักใส่ถ้วยพร้อมเสิร์ฟ.jpg|400px|thumb|center]] | |
− | + | <p align = "center"> '''ภาพที่ 19 แสดงตักใส่ถ้วยพร้อมเสิร์ฟ ''' </p> | |
− | + | ==='''การเสิร์ฟ/การรับประทานอาหาร'''=== | |
− | ขั้นตอนการปรุงแกงหน่อไม้ของภาคอีสานและภาคกลางดังต่อไปนี้ | + | ชาวบ้านที่เป็นคนไทยจะรับประทานกับข้าวสวยแต่คนอีสานจะรับประทานกับข้าวเหนียว |
− | 1. แกงหน่อไม้ของคนคนอีสาน | + | ==='''ข้อแนะนำ'''=== |
− | + | เมื่อนำหน่อไม้สดมาควรนำมาแกงทันทีเพราะจะทำให้หน่อไม้ไม่มีรสชาติ ถ้าต้มหน่อไม้ไม่ดีก็จะทำให้รสขม | |
− | + | =='''ข้อมูลการสำรวจ'''== | |
− | + | ==='''วันเดือนปีที่สำรวจ'''=== | |
− | + | วันที่ 7 ตุลาคม 2562 | |
− | + | ==='''วันปรับปรุงข้อมูล'''=== | |
− | + | วันที่ 10 ตุลาตม 2562 | |
− | + | ==='''ผู้สำรวจข้อมูล'''=== | |
− | + | 1. นายวุฒิชัย ตรุษลักษณ์ | |
− | + | 2. นางสาวนันทนา นันทะโชติ | |
− | + | 3. นางสาวประวีณา บุญเหลือ | |
− | + | 4. นางสาวพรณภัส คุ้มพระพาย | |
− | แกงหน่อไม้ภาคกลาง | + | 5. นางสาวสิริยากร เกตุณรงค์ |
− | + | 6. นางสาวสายรุ้ง แจ่มใส | |
− | |||
− | |||
− | |||
− | |||
− | |||
− | |||
− | |||
− | |||
− | |||
− | |||
− | |||
− | |||
− | |||
− | |||
− | |||
− | |||
− | |||
− | ชาวบ้านที่เป็นคนไทยจะรับประทานกับข้าวสวยแต่คนอีสานจะรับประทานกับข้าวเหนียว | ||
− | |||
− | เมื่อนำหน่อไม้สดมาควรนำมาแกงทันทีเพราะจะทำให้หน่อไม้ไม่มีรสชาติ | ||
− | ถ้าต้มหน่อไม้ไม่ดีก็จะทำให้รสขม | ||
− | |||
− | |||
− | |||
− | |||
− | |||
− | |||
− | |||
− | |||
− | วันที่ 7 ตุลาคม 2562 | ||
− | |||
− | วันที่ 10 ตุลาตม 2562 | ||
− | |||
− | 1. นายวุฒิชัย ตรุษลักษณ์ | ||
− | 2. | ||
− | 3. | ||
− | 4. | ||
− | 5. | ||
− | 6. | ||
− | |||
− | |||
− | |||
− | |||
− | |||
− | |||
− | |||
− | |||
− | |||
− | |||
− | |||
− | |||
− | |||
− | |||
− | |||
− | |||
− | |||
− | |||
− | |||
− | |||
− | |||
− | |||
− | |||
− | |||
− | |||
− | |||
− | |||
− | |||
− | |||
− | |||
− | |||
− | |||
− | |||
− | |||
− | |||
− | |||
− | |||
− | |||
− | |||
− | + | ==='''ประวัติผู้ให้สัมภาษณ์'''=== | |
− | + | นางรอ นันทะโชติ ชาวบ้านชุมชนบ้านหนองกองพัฒนา บ้านเลขที่ 46 หมู่ 23 ตำบลนาบ่อคำ อำเภอเมือง จังหวัดกำแพงเพชร เบอร์โทร 097-2298417 | |
− | |||
− | |||
− |
รุ่นแก้ไขปัจจุบันเมื่อ 10:45, 26 เมษายน 2564
แกงหน่อไม้บางคนก็เรียก แกงลาว บางคนก็เรียก แกงเปรอะ ลักษณะก็คล้ายกัน คือ ต้องมีใบย่านางเป็นส่วนประกอบหลัก ใบย่านางจะช่วยเรื่องแก้ความขื่นและขมของหน่อไม้ได้เป็นอย่างดี เป็นภูมิปัญญาชาวบ้านที่เอาทั้ง 2 อย่างมารวมกัน ใบย่านางเป็นพืชหาง่าย คุณสมบัติเป็นสมุนไพร นิยมคั้นเอาน้ำจากใบมาทำเป็นอาหาร มากกว่ารับประทานใบสด สำหรับแกงหน่อไม้ เป็นอาหารอีสานที่มีส่วนประกอบในการทำไม่ยุ่งยาก ประกอบด้วย หน่อไม้สด หั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ แล้วลวกหรือต้ม เพื่อล้างความขม และสารบางอย่างในหน่อไม้ออกไปเสียก่อน ส่วนประกอบอื่นก็มี พริก หอม ตะไคร้ ใบย่านาง ข้าวเบือ น้ำตาลทราย น้ำปลาร้า แล้วก็น้ำสะอาด สำหรับทำน้ำแกง ในส่วนของผักก็แล้วแต่ชอบ เช่น ผักขะแยง ใบแมงลัก ฝักทอง ยอดฝักทอง สำหรับแกงหน่อไม้ของคนอีสานในจังหวัดกำแพงเพชรจะใส่ปลาย่างเพื่อเพิ่มความหอมให้กับแกงซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะท้องถิ่น รายงานเล่มนี้แสดงถึงความแตกต่างระหว่างแกงหน่อไม้ของภาคอีสานกับภาคกลางว่ามีความแตกต่างกันอย่างไร
ข้อมูลทั่วไป[แก้ไข]
ชื่ออาหาร[แก้ไข]
แกงหน่อไม้
ชื่อเรียกอื่น ๆ[แก้ไข]
แกงหน่อ แกงลาว ใช้เรียกสำหรับภาคอีสาน แกงเปรอะ ใช้เรียกสำหรับภาคกลางเรียก
ถิ่นอาหาร[แก้ไข]
แกงหน่อไม้เป็นที่นิยมของชุมชนบ้านหนองกองพัฒนา ตำบลนาบ่อคำ อำเภอเมือง จังหวัดกำแพงเพชร เนื่องจากหมู่บ้านมีการปลูกหน่อไม้เลี้ยงค่อนข้างมากแกงหน่อไม้จึงเป็นที่นิยมเพราะหากินได้ง่ายมาก
ประเภทอาหาร[แก้ไข]
อาหารคาว
ผู้ให้ข้อมูล[แก้ไข]
นางรอ นันทะโชติ ชาวบ้านในชุมชนบ้านหนองกองพัฒนา บ้านเลขที่ 46 หมู่ 23 ตำบลนาบ่อคำ อำเภอเมือง จังหวัดกำแพงเพชร เบอร์โทร 097-2298417
ข้อมูลจำเพาะ[แก้ไข]
ประวัติความเป็นมาของหน่อไม้[แก้ไข]
แกงหน่อไม้ หรือแกงหน่อ ใช้หน่อไม้สดในการปรุง ใส่เนื้อสัตว์ได้ตามต้องการ ไม่ว่าจะเป็น กระดูกหมู หรือปลาดุก ปลาช่อน ซึ่งวัตถุดิบก็เอาจากในพื้นที่เทือกสวนไร่ซึ่งหาได้ง่ายน่าจะเห็นเมนูแกงหน่อไม้ทุกครัวเรือน แกงหน่อไม้มีหลายแบบแล้วแต่ละท้องที่และการทำแตกต่างกันนิดหน่อย อยู่ที่การปรุง คือสามารถแกงใส่อะไรก็ได้ที่เป็นส่วนประกอบ ส่วนเครื่องปรุงที่ขาดไม่ได้คือ ปลาร้า การทำแกงหน่อไม้ว่ายากก็ไม่ใช่ว่าง่ายก็ไม่เชิง ขึ้นอยู่กับประสบการณ์ของผู้ทำ หน่อไม้มีหลายฤดูการและหลายชนิด มีหน่อไม้ไร่ หน่อไม้บง หน่อไม้ไผ่บ้าน หน่อไม้ฮวก ฯลฯ ซึ่งมีรสชาติแตกต่างกัน
ข้อมูลการประกอบอาหาร[แก้ไข]
การเตรียมเครื่องปรุงแกงหน่อไม้ของภาคอีสานและภาคกลางโดยส่วนใหญ่ภาคอีสานจะเน้นน้ำปลาร้าและน้ำใบย่านางเป็นหลักแต่ภาคกลางจะเน้นน้ำกะทิเป็นหลักโดยมีส่วนประกอบดังต่อไปนี้
เครื่องปรุง[แก้ไข]
รายการ | อัตราส่วน |
---|---|
แกงหน่อไม้ภาคอีสาน | |
หน่อไม้สด | 1 ถ้วย (ที่หั่นแล้ว) |
พริกสด | 1 ถ้วยตวง |
ปลาร้า | 1 ถ้วยตวง |
ตะไคร้ | 2 ต้น |
ใบย่านาง | 1 ถ้วย |
ปลาย่าง | 2 ตัว |
เครื่องพริกแกง | |
หอม | ครึ่งขีด |
กระเทียม | ครึ่งขีด |
กระชาย | 1 ถ้วยตวง |
ภาพที่ 1 แสดงเครื่องปรุงที่ใช้ในการทำแกงหน่อไม้สด ภาคอีสาน
รายการ | อัตราส่วน |
---|---|
แกงหน่อไม้ภาคกลาง | |
หน่อไม้ดอง | 1 ถ้วย (ที่หั่นแล้ว) |
ไก่ | ครึ่งกิโลกรัม |
พริกแกง | 3 ช้อนโต๊ะ |
พริกหยวก | 1 ถ้วยตวง |
โหระพา | 1 ถ้วยตวง |
กะทิ | 1 ถ้วยตวง |
เครื่องพริกแกง | |
หอม | ครึ่งขีด |
กระเทียม | ครึ่งขีด |
กระชาย | ครึ่งขีด |
ตะไคร้ | ครึ่งขีด |
พริก | 1 ขีด |
ผิวมะกรูด | ครึ่งขีด |
ข่า | ครึ่งขีด |
ภาพที่ 2 แสดงเครื่องปรุงที่ใช้ในการทำแกงหน่อไม้ดอง ภาคกลาง
สรรพคุณ[แก้ไข]
ภาพที่ 3 แสดงหน่อไม้
หน่อไม้
สรรพคุณของหน่อไม้ช่วยลดการเกิดมะเร็งลำไส้ใหญ่ ป้องกันอาการท้องผูก ช่วยย่อยอาหาร เพราะหน่อไม้เป็นอาหารที่ให้เส้นใยสูง จึงช่วยกระตุ้นการบีบตัวของลำไส้ เมื่อหน่อไม้ผ่านการย่อยร่างกายจะดูดซึมสารอาหารเข้าสู่กระแสเลือด ส่วนกากอาหารที่เหลือหรือสารพิษต่างๆ เช่น ยาฆ่าแมลงหรือโลหะหนักจะไปรวมกันที่ลำไส้ใหญ่
ภาพที่ 4 แสดงวัตถุดิบหลักที่ใช้ในไก่
ไก่
สรรพคุณของไก่ทางแพทย์แผนจีนเนื้อกล่าวไว้ว่า เนื้อไก่มีคุณสมบัติร้อน (จัดเป็นหยาง) รสหวาน ใช้บำรุงร่างกาย ทำให้กระดูกและเอ็นแข็งแรง ทำให้ประจำเดือนปกติ รักษาอาการระดูขาวมากกว่าปกติ ชาวจีนเชื่อว่า เนื้อไก่ตัวผู้ มีคุณสมบัติค่อนไปทางร้อน (หยาง) ใช้บำรุงร่างกาย ส่วนเนื้อไก่ตัวเมียมีคุณ สมบัติเย็น (ยิน) ใช้บำรุงร่างกายเช่นกัน เหมาะสำหรับเป็นอาหารของคนชรา สตรีหลังคลอดบุตร และผู้ป่วยที่ป่วยเวลานาน
ภาพที่ 5 แสดงพริกหยวก
พริกหยวก
สรรพคุณของพริกหยวกมีสารแคปไซซิน ซึ่งมีประโยชน์ต่อคนป่วยเป็นโรคเบาหวาน เพราะช่วยบำบัดอาการของโรค ช่วยทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดลดลงและมีประโยชน์ด้านอื่น ๆ ดังต่อไปนี้ 1. พริกหยวกยังส่งผลให้ระดับของคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดีและไตรกลีเซอไรด์ในเลือดลดลงด้วย โดยการเพิ่มคอเลสเตอรอลชนิดดี ทำให้ระดับไขมันแต่ละชนิดมีความสมดุลกัน 2. พริกหยวกมีคุณสมบัติที่ช่วยขยายหลอดเลือด ทำให้เกิดการอุดตันของเส้นเลือดน้อย และเลือดสามารถไหลเวียนไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกายได้มากและดีขึ้น ป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือด 3. สรรพคุณของพริกหยวกอุดมด้วยเบต้าแคโรทีน วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 วิตามินซี ซึ่งมีฤทธิ์เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่จะป้องกันความเสื่อมของเซลล์ ลดโอกาสเกิดโรคมะเร็งได้หลายชนิด 4. พริกหยวกมีสรรพคุณช่วยลดความดันโลหิตสูงได้ จากสารแคปไซซินที่มีสรรพคุณช่วยให้หลอดเลือดอ่อนตัว ซึ่งจะส่งผลทำให้สลายลิ่มเลือดได้เร็ว และเสริมสร้างผนังหลอดเลือดให้แข็งแรง มีความยืดหยุ่นรับแรงดันในระดับต่างๆ ได้ดี 5. พริกหยวกช่วยบำรุงร่างกายให้แข็งแรง ไม่เจ็บป่วยง่าย ช่วยให้เซลล์ต่างๆ ในร่างกายทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ เพิ่มภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกาย 6. ประโยชน์ของพริกหยวกทำให้รู้สึกอารมณ์ดี สดชื่น แจ่มใส โดยจะช่วยกระตุ้นการหลั่งสารเอนดอร์ฟินซึ่งมีฤทธิ์ทำให้เกิดความผ่อนคลายและรู้สึกมีความสุข 7. พริกหยวกมีสรรพคุณช่วยลดอาการเจ็บปวด เช่น ปวดฟัน เจ็บคอ ผิวหนังอักเสบ ฯลฯ เพราะสารแคปไซซินจะมีผลช่วยชะลอความรู้สึกเจ็บปวดที่ปลายประสาทของสมองส่วนกลางให้ช้าลง 8. พริกหยวกช่วยกระตุ้นความรู้สึกอยากกินอาหาร ทำให้เจริญอาหาร และยังมีประโยชน์ต่อระบบการย่อย ช่วยกระตุ้นน้ำย่อยทำให้สามารถย่อยอาหารได้ดีขึ้น 9. สรรพคุณพริกหยวกมีฤทธิ์ช่วยขับเหงื่อ แก้อาเจียน บรรเทาอาการไอ ขับเสมหะ และแก้หวัด โดยสารแคปไซซินจะช่วยลดน้ำมูกทำให้การหายใจสะดวกขึ้น ช่วยบำบัดอาการภูมิแพ้ต่างๆ ได้ 10. พริกหยวกมีสรรพคุณที่สามารถนำไปผสมกับขี้ผึ้งใช้เป็นยาทาภายนอก เพื่อรักษาอาการปวดเมื่อยที่มีสาเหตุจากไขข้ออักเสบ ทำให้เลือดลมไหลเวียนดีขึ้น 11. พริกหยวกมีประโยชน์ช่วยขับลมซึ่งจะช่วยลดอาการท้องอืดท้องเฟ้อ
ภาพที่ 6 แสดงโหระพาหน่อไม้
โหระพา
สรรพคุณของโหระพาเสริมภูมิคุ้มกันให้ร่างกายโหระพามีส่วนช่วยในการเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน พร้อมส่งเสริมการทำงานของร่างกายให้เป็นปกติ เมื่อรับประทานโหระพาเป็นประจำ จึงทำให้มีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง ไม่เจ็บป่วยได้ง่าย แถมยังลดความเสี่ยงการป่วยด้วยโรคร้ายต่างๆ ได้ดีอีกด้วยและมีประโยชน์ด้านอื่นๆดังต่อไปนี้ 1. แก้อาการท้องอืดใบโหระพามีสรรพคุณลดการบีบตัวของลำไส้ ช่วยรักษาแผลในกระเพาะ กระตุ้นระบบการย่อยอาหารให้มีประสิทธิภาพ จึงสามารถแก้อาการท้องอืด แน่นท้อง ได้เป็นอย่างดี ใครที่มีอาการท้องอืดบ่อยๆ ต้องทานใบโหระพากันเลย 2. สร้างความผ่อนคลาย ลดเครียดน้ำมันหอมระเหยในใบโหระพา จะทำให้กล้ามเนื้อเกิดการผ่อนคลาย ลดการเกร็งของกล้ามเนื้อ ลดความวิตกกังวล คลายเครียด และลดอาการซึมเศร้าได้เป็นอย่างดี แถมยังช่วยให้เกิดสมาธิมากกว่าเดิมอีกด้วย 3. ลดคอเลสเตอรอลในเลือดใบ โหระพามีส่วนช่วยในการลดคอเลสเตอรอลในเลือดได้ ซึ่งก็จะช่วยลดความเสี่ยงโรคร้ายจากภาวะคอเลสเตอรอลในเลือดสูงได้อีกหลายโรคเลยทีเดียว ดังนั้นคนที่มีภาวะคอเลสเตอรอลในเลือดสูง ควรทานใบโหระพาเป็นประจำ โดยเฉพาะการทานใบสดๆ จะได้รับคุณประโยชน์อย่างเต็มที่ 4. บรรเทาอาการคลื่นไส้อาเจียน การทานใบโหระพาจะช่วยบรรเทาอาการคลื่นไส้ อาเจียนได้ โดยจะช่วยให้อาการดีขึ้น และรู้สึกผ่อนคลาย สดชื่น สบายตัวมากกว่าเดิม เพราะใบโหระพามีสรรพคุณในการลดอาการคลื่นไส้ และด้วยกลิ่นหอมอ่อนๆ ของใบโหระพา ก็จะช่วยให้เกิดความผ่อนคลาย จึงหยุดยั้งอาการคลื่นไส้อาเจียนได้เหมือนกัน 5. แก้อาการประจำเดือนมาไม่ปกติ ผู้หญิงมักจะเจอกับปัญหาประจำเดือนมาไม่ปกติ ไม่ว่าจะมามาก มาน้อย มาสองครั้งในเดือนเดียว มาแบบกะปริบกะปรอย หรือมาบ้างไม่มาบ้าง
เมื่อทานใบโหระพาเป็นประจำ จะช่วยแก้ปัญหานี้ได้ เพราะใบโหระพาจะช่วยกระตุ้นให้ฮอร์โมนเพศทำงานปกติและเกิดความสมดุล จึงทำให้ประจำเดือนมาสม่ำเสมอนั่นเอง
6. ช่วยให้เจริญอาหาร สำหรับคนที่มีอาการเบื่ออาหาร รับประทานอาหารได้น้อย ลองใส่ใบโหระพาลงในเมนูอาหารกันดู หรืออาจนำมาทานใบสดๆ พร้อมกับอาหาร จะช่วยให้เจริญอาหารได้ดีมาก จากที่เคยตัวเล็กน้ำหนักน้อย ดูเหมือนคนขาดสารอาหาร น้ำหนักก็จะเพิ่มขึ้นมาอย่างเหมาะสมตามเกณฑ์มาตรฐาน
ภาพที่ 7 แสดงหอมแดง
หอมแดง
สรรพคุณของหอมแดงช่วยให้เจริญอาหาร สำหรับผู้ที่รู้สึกทานอาหารได้น้อย ไม่ค่อยรู้สึกหิว หรือเบื่ออาหาร ให้ลองนำหอมแดงมาใช้ในการปรุงอาหาร ไม่ว่าจะเป็นยำวุ้นเส้น ไข่เจียวใส่หอมแดง หรือแม้แต่ซุปหัวหอม กลิ่นหอมแดงจะช่วยกระตุ้นร่างกายให้รู้สึกอยากอาหารมากยิ่งขึ้น รสชาติของหอมแดงยังช่วยทำให้กับข้าวอร่อยมากขึ้นด้วยและมีประโยชน์ด้านอื่น ๆ ดังต่อไปนี้ 1. ป้องกันโรคหัวใจและช่วยลดความดันโลหิต หอมแดงอุดมไปด้วยสารอาหารที่ช่วยบำรุงหัวใจ ช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดหัวใจอุดตัน ทำให้เลือดไหลเวียนดีขึ้น เนื่องจากในหอมแดงมีสารเคอร์ซิติน ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่จะช่วยปกป้องเซลล์ในร่างกาย และช่วยลดการอักเสบได้เป็นอย่างดี 2. บำรุงสมอง ในหอมแดงนั้นเต็มไปด้วยธาตุฟอสฟอรัส การทานหอมแดงบ่อยๆ จะช่วยบำรุงสมอง ทำให้ความจำดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด 3. ป้องกันมะเร็ง เนื่องจากมีผลการวิจัยค้นพบว่า สารเคอร์ซิตินและสารฟลาโวนอยด์ที่มีอยู่ในหอมแดง มีคุณสมบัติในการต้านอนุมูลอิสระที่เป็นสาเหตุในการก่อโรคมะเร็งได้ 4. ช่วยให้ร่างกายอบอุ่น หอมแดงเป็นสมุนไพรอีกหนึ่งชนิดที่มีฤทธิ์เผ็ดร้อน จึงมีคุณสมบัติช่วยเพิ่มอุณหภูมิภายในร่างกาย ใครที่ขี้หนาวเป็นประจำ ทานหอมแดงแล้ว รับรองจะช่วยให้ร่างกายอบอุ่นได้แน่นอน 5. ช่วยไล่แมลงสาบ สำหรับบ้านไหนที่มีปัญหาแมลงสาบมาคอยกวนใจ ให้ลองนำหอมแดงมาหั่นเป็นแผ่น แล้วนำไปวางบริเวณที่แมลงสาบชอบเข้ามา ในหอมแดงนั้นเต็มไปด้วยสารกำมะถัน ที่มีกลิ่นฉุน จึงสามารถช่วยขับไล่แมลงสาบ ไม่ให้มากวนใจได้
ภาพที่ 8 แสดงกระเทียม
กระเทียม
สรรพคุณของกระเทียมช่วยบำรุงผิวหนังให้มีสุขภาพดีและแข็งแรงและมีประโยชน์ด้านอื่น ๆ ดังต่อไปนี้ 1. ช่วยเสริมสร้างการเจริญเติบโตของเนื้อเยื่อในร่างกาย 2. ช่วยป้องกันการเกิดโรคมะเร็ง 3. ช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานให้แก่ร่างกาย 4. ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลและน้ำตาลในเลือด 5. ช่วยปรับสมดุลในร่างกาย 6. ช่วยแก้อาการวิงเวียนศีรษะ อาการมึนงง ปวดศีรษะ หูอื้อ 7. ช่วยในเรื่องระบบสืบพันธุ์และระบบทางเดินปัสสาวะ เพราะมีสารที่ช่วยควบคุมฮอร์โมนทั้งหญิงและชาย ช่วยทำให้มดลูกบีบตัว เพิ่มพละกำลังให้มีเรี่ยวแรง 8. ช่วยรักษาโรคความดันโลหิต 9. ช่วยป้องกันการเกิดโรคหัวใจ ลดความเสี่ยงของหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน
ภาพที่ 9 แสดงตะไคร้
ตะไคร้
สรรพคุณของตะไคร้มีส่วนช่วยในการขับเหงื่อและมีประโยชน์ด้านอื่น ๆ ดังต่อไปนี้ 1. เป็นยาบำรุงธาตุไฟให้เจริญ (ต้นตะไคร้) 2. มีสรรพคุณเป็นยาบำรุงธาตุ ช่วยในการเจริญอาหาร 3. ช่วยแก้อาการเบื่ออาหาร (ต้น) 4. สารสกัดจากตะไคร้มีส่วนช่วยในการป้องกันโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ 5. แก้และบรรเทาอาการหวัด อาการไอ 6. ช่วยรักษาอาการไข้ (ใบสด) 7. ใช้เป็นยาแก้ไข้เหนือ (ราก) 8. น้ำมันหอมระเหยของใบตะไคร้สามารถบรรเทาอาการปวดได้ 9. ช่วยแก้อาการปวดศีรษะ
ภาพที่ 10 แสดงกระชาย
กระชาย
สรรพคุณของกระชายช่วยบำรุงกระดูก ช่วยทำให้กระดูกไม่เปราะบางและมีประโยชน์ด้านอื่น ๆ ดังต่อไปนี้ 1. ช่วยปรับสมดุลของฮอร์โมนต่าง ๆ ในร่างกาย 2. ช่วยบำรุงกำหนัด แก้อาการกามตายด้าน (เหง้าใต้ดิน) 3. ช่วยบำรุงสมอง เพราะช่วยทำให้เลือดไปเลี้ยงสมองส่วนกลางได้ดีมากขึ้น 4. ช่วยปรับสมดุลของความดันโลหิตในร่างกาย ช่วยลดความดันโลหิตเมื่อความดันโลหิตสูง แต่เมื่อความดันโลหิตต่ำก็จะช่วยทำให้ความดันเพิ่มขึ้นจนเป็นปกติ 5. สรรพคุณกระชายช่วยแก้โลหิตเป็นพิษ (ใบ) 6. กระชายมีสรรพคุณทางยาช่วยแก้โรคในปากและคอ เช่น ปากเปื่อย ปากแห้ง ปากเป็นแผล (ใบ, เหง้า)
ภาพที่ 11 แสดงใบย่านาง
ใบย่านาง
สรรพคุณของใบย่านาง ในตำราสมุนไพรจัดว่าเป็นยาอายุวัฒนะและมีประโยชน์ด้านอื่น ๆ ดังต่อไปนี้ 1. มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระจำนวนมากจึงช่วยลดและชะลอการเกิดริ้วและความแก่ชราอย่างได้ผล 2. ช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานโรคในร่างกาย 3. ช่วยเพิ่มความสดชื่นให้กับร่างกาย 4. ช่วยในการปรับสมดุลของร่างกาย 5. เป็นสมุนไพรที่ช่วยในการลดความอ้วนได้อย่างเห็นผลและปลอดภัย 6. ช่วยในการเผาผลาญไขมันและนำไปใช้เป็นพลังงาน 7. ช่วยป้องกันและลดอัตราการเกิดโรคมะเร็งชนิดต่าง ๆ
การเตรียมหน่อไม้[แก้ไข]
ภาพที่ 12 แสดงการสับหน่อไม้
ขั้นตอนการปรุง[แก้ไข]
ขั้นตอนการปรุงแกงหน่อไม้ของภาคอีสานและภาคกลางดังต่อไปนี้ 1. แกงหน่อไม้ของคนคนอีสาน
ภาพที่ 13 แสดงนำหน่อไม้ที่ได้มาสับ ล้างน้ำให้สะอาดและนำหน่อไม้มาต้ม เพื่อไม่ให้หน่อไม้ขม
ภาพที่ 14 นำหน่อไม้ที่ต้มแล้วมาต้มกับน้ำใบหญ้านางและพริกแกง
ภาพที่ 15 แสดงตักใส่ถ้วยพร้อมเสิร์ฟ
2. แกงหน่อไม้ภาคกลาง
ภาพที่ 16 แสดงการนำเนื้อไก่ไปผัดกับพริกแกง
ภาพที่ 17 แสดงภาพการปรุงแกงหน่อไม้ดอง
ภาพที่ 18 แสดงเนื้อไก่สุกได้ที่ ใส่พริกหยวกและใบโหระพาเพิ่มความหอม
ภาพที่ 19 แสดงตักใส่ถ้วยพร้อมเสิร์ฟ
การเสิร์ฟ/การรับประทานอาหาร[แก้ไข]
ชาวบ้านที่เป็นคนไทยจะรับประทานกับข้าวสวยแต่คนอีสานจะรับประทานกับข้าวเหนียว
ข้อแนะนำ[แก้ไข]
เมื่อนำหน่อไม้สดมาควรนำมาแกงทันทีเพราะจะทำให้หน่อไม้ไม่มีรสชาติ ถ้าต้มหน่อไม้ไม่ดีก็จะทำให้รสขม
ข้อมูลการสำรวจ[แก้ไข]
วันเดือนปีที่สำรวจ[แก้ไข]
วันที่ 7 ตุลาคม 2562
วันปรับปรุงข้อมูล[แก้ไข]
วันที่ 10 ตุลาตม 2562
ผู้สำรวจข้อมูล[แก้ไข]
1. นายวุฒิชัย ตรุษลักษณ์ 2. นางสาวนันทนา นันทะโชติ 3. นางสาวประวีณา บุญเหลือ 4. นางสาวพรณภัส คุ้มพระพาย 5. นางสาวสิริยากร เกตุณรงค์ 6. นางสาวสายรุ้ง แจ่มใส
ประวัติผู้ให้สัมภาษณ์[แก้ไข]
นางรอ นันทะโชติ ชาวบ้านชุมชนบ้านหนองกองพัฒนา บ้านเลขที่ 46 หมู่ 23 ตำบลนาบ่อคำ อำเภอเมือง จังหวัดกำแพงเพชร เบอร์โทร 097-2298417