ผลต่างระหว่างรุ่นของ "รำกระทบไม้"

จาก KPPStudies
ไบยังการนำทาง ไปยังการค้นหา
(สร้างหน้าด้วย "=='''ข้อมูลทั่วไป'''== ==='''ชื่อการละเล่น'''=== รำกระทบไม้ ==='''ช...")
 
 
แถว 37: แถว 37:
 
=='''ข้อมูลการสำรวจ'''==
 
=='''ข้อมูลการสำรวจ'''==
 
==='''แหล่งอ้างอิง'''===
 
==='''แหล่งอ้างอิง'''===
          ทรูปลูกปัญญา. (19 กันยายน 2553). ''การละเล่นรำกระทบไม้.'' https://www.trueplookpanya.com/blogdiary/1610
+
ทรูปลูกปัญญา. (19 กันยายน 2553). ''การละเล่นรำกระทบไม้.'' https://www.trueplookpanya.com/blogdiary/1610
 
==='''วันเดือนปีที่สำรวจ'''===
 
==='''วันเดือนปีที่สำรวจ'''===
 
           21 ธันวาคม 2566
 
           21 ธันวาคม 2566

รุ่นแก้ไขปัจจุบันเมื่อ 09:52, 4 เมษายน 2567

ข้อมูลทั่วไป[แก้ไข]

ชื่อการละเล่น[แก้ไข]

         รำกระทบไม้

ชื่อเรียกอื่น ๆ[แก้ไข]

         เต้นสาก (ทรูปลูกปัญญา, 2553)

ประเภทการละเล่น[แก้ไข]

         -

โอกาสที่ใช้การละเล่น[แก้ไข]

         ประเพณีต่าง ๆ เช่น เทศกาลวันขึ้นปีใหม่ปกากะญอ วันลอยกระทง และหลังเก็บเกี่ยวข้าว หรือผลผลิตของชาวกะเหรี่ยง (ทรูปลูกปัญญา, 2553) 

ผู้คิดค้น[แก้ไข]

         -

สถานที่จัดกิจกรรม[แก้ไข]

         หมู่บ้านขุนห้วยแม่ท้อ อำเภอแม่ระมาด จังหวัดตาก (ทรูปลูกปัญญา, 2553)

ข้อมูลการละเล่น[แก้ไข]

ประวัติความเป็นมา[แก้ไข]

         การทำนาผลิตข้าวเป็นอาหารหลักของคนไทย และทำรายได้เป็นสินค้าออกให้แก่ประเทศไทยอย่างมากมาย ชีวิตประจำวันของคนไทยส่วนใหญ่จึงคลุกคลีอยู่กับการทำนา เริ่มตั้งแต่หว่าน ไถ ดำ และเก็บเกี่ยว เป็นต้น ด้วยนิสัยรักสนุก หลังจากเลิกงาน จึงนำสากตำข้าวมากระทบกันเป็นเครื่องประกอบจังหวะ พร้อมกับมีการละเล่นให้เข้ากับจังหวะ แต่เดิมคงเป็นจังหวะตำข้าวในลักษณะยืนตำ 2 คน ต่อมาจึงลากไม้สากมาวางตามยาว มีคนจับปลายสาก หัว ท้าย ข้างละคน พร้อมทั้งใช้ไม้หมอนรองเคาะเป็นจังหวะ ภายหลังกรมศิลปากรได้ศึกษาการละเล่นชนิดนี้ และนำมาปรับปรุงจัดระเบียบแบบแผนเรียงลำดับท่ารำขึ้น โดยไม่ทิ้งเค้าแบบแผนเดิม และได้นำออกแสดงเป็นครั้งแรก เมื่อ พ.ศ.2500 เนื่องในงานแลกเปลี่ยนศิลปวัฒนธรรมกับราชอาณาจักรลาว ในการปรับปรุงครั้งนั้น เนื่องจากบทร้องของเก่าไม่เหมาะสมที่จะรำได้สวยงาม กรมศิลปากรจึงได้ขอให้อาจารย์มนตรี ตราโมท แต่งบทร้อง และท่านผู้หญิงหม่อมแผ้ว สนิทวงศ์เสนีย์ เป็นผู้ประดิษฐ์ท่ารำขึ้นใหม่ (ทรูปลูกปัญญา, 2553)

อุปกรณ์ประกอบ[แก้ไข]

         1. เครื่องดนตรีที่ใช้ประกอบการรำ นอกจากไม้เคาะจังหวะประกอบการร่ายรำแล้ว ปัจจุบันนี้ กรมศิลปากรได้นำวงปี่พาทย์เครื่องห้า วงปี่พาทย์เครื่องคู่ บรรเลงลำนำ ทำนองเพลงให้ไพเราะด้วย
         2. ไม้สาก

วิธีการเล่น[แก้ไข]

         1. วางไม้ไผ่ตันไว้กับพื้นให้ห่างกันพอที่จะวางไม้ไผ่สีสุกลง แล้วเหลือปลายไว้ใช้จับประมาณ 2 คืบ
         2. ผู้เล่น (2 คน) จับไม้ยาวเคาะเป็นจังหวะ โดยรั้งให้ไม้ยาวมากระทบกัน 1 ครั้ง แล้วจึงยกไม้ยาวแยกห่างกันออก เคาะไปที่ไม้สั้น 2 ครั้ง สลับกันไปตามจังหวะเพลง ช่วงระยะเคาะไม้สั้นจะเว้นช่องว่างระหว่างไม้ยาวประมาณ ครึ่งศอก เพื่อให้ผู้รำชาย – หญิง (ทรูปลูกปัญญา, 2553)

กฎกติกา/มารยาท[แก้ไข]

         ได้หย่อนเท้าก้าวลงไปในช่องนั้น แล้วยกออกตามจังหวะเพลงได้อย่างสวยงาม และถ้าผู้รำเผลอก้าวพลาดผิดจังหวะ ไม้ไผ่คู่นั้นจะกระทบเท้าผู้รำทันที (ทรูปลูกปัญญา, 2553)

ระยะเวลา[แก้ไข]

         จังหวะกระทบไม้จะเป็นจังหวะ 8 จังหวะ แล้วย้อนกลับไปใหม่เรื่อย ๆ จนจบเพลง (ทรูปลูกปัญญา, 2553)

ข้อมูลผู้เล่น[แก้ไข]

เพศผู้เล่น[แก้ไข]

         เพศหญิงและเพศชาย

จำนวนผู้เล่น[แก้ไข]

         จำนวนผู้เล่นมากกว่า 3 คน 

ลักษณะผู้เล่น[แก้ไข]

         เพศหญิงและเพศชาย 

การแต่งกายของผู้เล่น[แก้ไข]

         1. ชาย นุ่งโจงกระเบน สวมเสื้อคอกลม แขนสั้น มีผ้าคาดเอว และผ้าคาดไหล่ 
         2. หญิง นุ่งผ้าซิ่นป้ายข้างยาวกรอมเท้า สวมเสื้อแขนกระบอก คอปิดห่มสไบทับเสื้อ ปล่อยผมทัดดอกไม้ สวมเครื่องประดับพองาม มีสร้อยคอ ต่างหู (ทรูปลูกปัญญา, 2553)

ข้อมูลการสำรวจ[แก้ไข]

แหล่งอ้างอิง[แก้ไข]

ทรูปลูกปัญญา. (19 กันยายน 2553). การละเล่นรำกระทบไม้. https://www.trueplookpanya.com/blogdiary/1610

วันเดือนปีที่สำรวจ[แก้ไข]

         21 ธันวาคม 2566

วันปรับปรุงข้อมูล[แก้ไข]

         -

ผู้สำรวจข้อมูล[แก้ไข]

         พรลดา พิมพ์แปลก
         ชฎาพร ฉัตรธรรม
         ณัฏฐ์ธิดา เทศวัง
         พันธ์นภา ทองเนตร
         วินิจสา รักษ์พงษ์
         น้องทราย ใจดี

คำสำคัญ (tag)[แก้ไข]

         รำกระทบไม้ หมายถึง เป็นการละเล่นพื้นเมืองของชาวจังหวัดสุรินทร์ เดิมเรียกว่า "เต้นสาก" ประเทศไทยมีอาชีพทางกสิกรรมมาช้านาน การทำนาผลิตข้าวเป็นอาหารหลักของคนไทย และทำรายได้เป็นสินค้าออกให้แก่ประเทศไทยอย่างมากมาย ชีวิตประจำวันของคนไทยส่วนใหญ่จึงคลุกคลีอยู่กับการทำนา เริ่มตั้งแต่หว่าน ไถ ดำ และเก็บเกี่ยว เป็นต้น ด้วยนิสัยรักสนุก หลังจากเลิกงาน (ทรูปลูกปัญญา, 2553)