ข้อมูลทั่วไป
ชื่อชาติพันธุ์/ชุมชน/สังคม
-
ชื่อเรียกตนเอง
-
ที่ตั้ง
อำเภอพรานกระต่าย อยู่ทางทิศเหนือสุดของจังหวัด ติดต่อกับเขตการปกครองข้างเคียง ดังนี้
ทิศเหนือ ติดต่อกับ อำเภอเมืองตาก (จังหวัดตาก)และอำเภอบ้านด่านลานหอย (จังหวัดสุโขทัย)
ทิศตะวันออก ติดต่อกับ อำเภอคีรีมาศ (จังหวัดสุโขทัย) และ อำเภอลานกระบือ
ทิศใต้ ติดต่อกับอำเภอไทรงาม และ อำเภอเมืองกำแพงเพชร
ทิศตะวันตก ติดต่อกับ อำเภอโกสัมพีนคร และ อำเภอเมืองตาก (จังหวัดตาก)
ชื่อที่ผู้อื่นเรียก
-
ภาษาที่ใช้พูด/เขียน
ภาษาชาวอำเภอพรานกระต่าย มีสำเนียงคล้ายชาวสุโขทัย คำที่มีเสียงวรรณยุกต์จัตวาจะเปลี่ยนเป็นเสียงวรรณยุกต์เอก และเสียงเอกจะเปลี่ยนเป็นเสียงจัตวา และมีคำศัพท์เฉพาะอื่น ๆ แตกต่างออกไปจากกลุ่มชนดั้งเดิมในจังหวัดกำแพงเพชร
ประวัติความเป็นมา
มีนายพรานเดินทางมาสำรวจเส้นทาง เพื่อไปสร้างเมืองหน้าด่านของกรุงสุโขทัย วันหนึ่งขณะที่กำลังพักแรม นายพรานได้พบกระต่ายขนสีทองสวยงามมากบริเวณหน้าถ้ำแห่งหนึ่ง และ ได้หายเข้าไปในถ้ำ ต่อมานายพราน จึงกราบบังคมทูลพระร่วงให้รับทราบ และ รับอาสาจะจับกระต่ายตัวดังกล่าว และได้ใช้ความพยายามที่จะจับตั้งหลายครั้งแต่ไม่ประสบผลสำเร็จ จึงได้สร้างบ้านถาวรขึ้นบริเวณหน้าถ้ำเพื่อรอจับกระต่าย หลายปีต่อมาจึงมีผู้อพยพมาอยู่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จนกลายเป็นหมู่บ้าน ชาวบ้านจึงพร้อมใจกันตั้งชื่อหมู่บ้านว่า "บ้านพรานกระต่าย" ได้รับสถาปนาเป็นอำเภอครั้งแรกเมื่อปี 2438 บนเส้นทางพระร่วงจากประตูสะพานโคมโดยไปทางวัดอาวาสน้อย สองข้างทางประชาชนส่วนใหญ่จะพูดภาษาไทยกลาง พอเลยออกจากหมู่บ้านก็จะเป็นพื้นที่ไร่นา เป็นป่าโปร่งเล็ก ๆ ไม่ค่อยจะพบบ้านเรือนประชาชนมากนักที่พบก็ใช้ภาษาไทยกลางดังกล่าวมาแล้ว แต่พอมาถึงบริเวณบ้านดงขวัญ ได้พบประชาชนหรือชาวบ้านบริเวณนั้น เริ่มพูดภาษาถิ่นกันมากขึ้น ได้สอบถามถึงภาษาที่ใช้ติดต่อสื่อสารกันจึงทราบว่าเป็นภาษาพรานกระต่าย ชาวบ้านเหล่านี้ส่วนใหญ่ได้อพยพมาจากอำเภอพรานกระต่าย ได้ใช้ภาษาพูดของคนสุโขทัย และไม่เหมือนที่ใด มีบางแห่งกล่าวกันว่าคนพรานกระต่าย มีพื้นภาษามาจากลาวพรวน แต่ไม่มีหลักฐานยืนยันแน่ชัดและได้พบการใช้ภาษาถิ่นพรานกระต่าย มากขึ้นเป็นลำดับตลอดเส้นทาง และจากการศึกษาข้อมูลต่าง ๆ จากชาวบ้าน ๒ ฝั่งถนนพระร่วงและในเขตชุมชนต่าง ๆ ในระดับตำบลและหมู่บ้านทำให้ทราบได้ว่า พื้นที่ที่ใช้ภาษาพรานกระต่ายมีอยู่ทั่ว ๆ ไปดังนี้
1. ในเขตอำเภอเมือง จังหวัดกำแพงเพชร จะมีพื้นที่ที่ใช้ภาษาถิ่นพรานกระต่าย จำนวน ๑ หมู่บ้านซึ่งได้แก่ หมู่บ้านน้ำดิบ
2. ในเขตอำเภอพรานกระต่าย จังหวัดกำแพงเพชร ทุกหมู่บ้านในอำเภอนี้ใช้ภาษาถิ่นพรานกระต่ายทั้งสิ้น
3. อำเภอลานกระบือ จังหวัดกำแพงเพชร มีที่บ้านหนองหลวงและบ้านลานกระบือ
4. อำเภอเมือง จังหวัดตาก มีพื้นที่ที่ใช้ภาษาถิ่นพรานกระต่ายทั้งหมด 7 หมู่บ้าน คือ บ้านตลุกป่าตาล บ้านบ่อไม้หว้า บ้านโป่งแดง บ้านลานสอ บ้านวังประจบ บ้านสะแกเครือ และ บ้านไม้งาม
5. อำเภอกงไกรลาส จังหวัดสุโขทัย ใช้ภาษาถิ่นพรานกระต่าย ณ หมู่บ้านคุยสมอ บ้านชุมแสงสงคราม บ้านหนองตูม
6. อำเภอเมือง จังหวัดสุโขทัย มีที่ บ้านไผ่ล้อม บ้านยางซ้าย บ้านฝอย บ้านคลองยาง
7. อำเภอคีรีมาศ จังหวัดสุโขทัย มีที่บ้านบึงสนม บ้านคุยประดู่ บ้านใหม่เจริญผล บ้านบ่อคู่ บ้านทุ่งหลวง บ้านสามพวง บ้านเขาทองผางับ บ้านโตนด
8. อำเภอบ้านด่านลานหอย จังหวัดสุโขทัย มีที่บ้านวังตะแบกเหนือจะเห็นได้ว่าวัฒนธรรมการใช้ภาษาถิ่นพรานกระต่าย มีอยู่เป็นบริเวณกว้าง ทั่ว ๆ ไป บางแห่งแม้จะมีเพี้ยนไปบ้างก็พอมีเค้าเดิม การเพี้ยนไปนี้ไม่ได้เพี้ยนไปเป็นภาษาทางภาคไหน เพี้ยนมาแต่โบราณกาลแล้ว อาทิเช่น
เสื่อ |
เพี้ยนเป็น |
เสือ
|
ข้าวสาร |
เพี้ยนเป็น |
ข้าวส่าน
|
หนังสือ |
เพี้ยนเป็น |
หนังสื่อ
|
คนสวย |
เพี้ยนเป็น |
คนส่วย
|
มั่งซิ |
เพี้ยนเป็น |
มั้งฮิ่
|
ไปซิวะ |
เพี้ยนเป็น |
ไปซั้ว
|
ไปไหนเล่า |
เพี้ยนเป็น |
ไปเม้า
|
ภาษาถิ่นที่ยังใช้กันอยู่แพร่หลาย และยังใช้กันอยู่ในปัจจุบัน บางคำที่ไม่เหมือนกับภาคอื่น ๆ เช่น
ขี้ปุ๋น |
คือ |
ฝรั่ง(ผลไม้)
|
ยู้ |
คือ |
ผลัก , ดัน
|
โด๋ |
คือ |
ตรงโน้น
|
โด๋เนี่ย |
คือ |
ตรงนี้
|
ตะพัด |
คือ |
สะกัดกั้น
|
ยั้ง |
คือ |
หยุด
|
ไม้เส้า |
คือ |
ไม้สอยผลไม้
|
อี๊ใน |
คือ |
แมลงใน
|
อี๊หนีด |
คือ |
แมลงจิ้งหรีด
|
ลักษณะของภาษาถิ่นพรานกระต่าย คือคำที่มีเสียงวรรณยุกต์เอก และเสียงเอกจะเปลี่ยนเป็นเสียงจัตวา และมีคำศัพท์ที่แตกต่างไปตามท้องถิ่นอื่น ๆ มีสำเนียงคล้ายกับชาวสุโขทัย แต่มีเสียงเหน่อมากกว่าชาวสุโขทัย สภาพภูมิประเทศไม่มีอิทธิพลต่อภาษาถิ่นพรานกระต่าย เพราะภาษาของคนพรานกระต่าย จะกระจายแบบเครือญาติ
อีกทั้งนิสัยคนพรานกระต่ายไม่ค่อยชอบอพยพไปอยู่ที่อื่น สำหรับบริเวณเส้นทางถนนพระร่วง ในช่วงอำเภอพรานกระต่ายจะหนาแน่นมากขึ้นเป็นลำดับในด้านภาษาถิ่น จนถึงเข้าเขตสุโขทัย โดยเฉพาะในเขตอำเภอคีรีมาศจะหนาแน่นในบ้างหมู่บ้าน แล้วค่อย ๆ กระจายเพี้ยนไปเข้าสำเนียงสุโขทัยมากขึ้นตามลำดับ
ตัวอย่างภาษาที่เป็นพรานกระต่าย
จากการศึกษา เรื่อง เอกลักษณ์ภาษาถิ่นพรานกระต่าย สรุปตัวอย่างคำภาษาพรานกระต่ายเบื้องต้น ดังนี้
ล้มกลิ้งกับพื้น |
ภาษาพรานกระต่ายคือ |
กลิ้งกะหลุ๋น
|
ก้องดินในทุ่งนา |
ภาษาพรานกระต่ายคือ |
ก้อนขี้แต้
|
รถมอเตอร์ไซค์ |
ภาษาพรานกระต่ายคือ |
รถตามอ
|
เล่นหมากเก็บ |
ภาษาพรานกระต่ายคือ |
เล่นหมากปากเปิด
|
ตรงโน้น |
ภาษาพรานกระต่ายคือ |
โด๋น่ะ
|
จอบขุดดิน |
ภาษาพรานกระต่ายคือ |
กระเบิ้งเหิ๋ง หรือกระบก
|
ตุ๊กแก |
ภาษาพรานกระต่ายคือ |
ตอดตอ
|
ลูกน้ำ |
ภาษาพรานกระต่ายคือ |
ตะกะเตี้ย
|
เป็นหลุมเป็นบ่อ |
ภาษาพรานกระต่ายคือ |
กะบวกกะบั้ว
|
1. ลักษณะการใช้ภาษาถิ่น (พรานกระต่าย) วัฒนธรรมการใช้ภาษา ภาษาที่ใช้อยู่ในปัจจุบันนี้เป็นภาษากลาง แต่จะมีเพี้ยงไปบ้างก็ยังพอมีเค้าเดิม การเพี้ยนไปนี้เป็นภาษาทางภาคไหน เพี้ยนมาตั้งแต่โบราณกาลแล้วดังต่อไปนี้ คือ
เสื่อ |
เพี้ยนเป็น |
เสือ
|
ข้าวสาร |
เพี้ยนเป็น |
ข้าวส่าน
|
หนังสือ |
เพี้ยนเป็น |
หนังสื่อ
|
คนสวย |
เพี้ยนเป็น |
คนส่วย
|
มั่งซิ |
เพี้ยนเป็น |
มั้งฮิ่
|
ไปซิวะ |
เพี้ยนเป็น |
ไปซั้ว
|
ไปไหนเล่า |
เพี้ยนเป็น |
ไปเม้า
|
2. ภาษาถิ่งที่ยังใช้กันอยู่แพร่หลาย และยังใช้กันอยู่ในปัจจุบันนี้บางคำที่ไม่เหมือนกับภาคอิ่นๆ เช่น
ขี้ปู๊น |
คือ |
ฝรั่ง (ผลไม้)
|
น้ำแหน่ |
คือ |
น้อยหน่า
|
ยู้ |
คือ |
ผลัก,ดัน
|
โต๋ |
คือ |
ตรงโน้น
|
เนียะ |
คือ |
ตรงนี้
|
ตะพัด |
คือ |
สะพัดกั้น
|
มอด |
คือ |
รอดใต้
|
ยั้ง |
คือ |
หยุด
|
ไม้เส้า |
คือ |
ไม้สอยผลไม้
|
ขวม |
คือ |
ครอบ,สวม
|
แหงะ |
คือ |
เหลียวดู,หันหน้ามา
|
กะบก |
คือ |
จอบ
|
กะจอบ |
คือ |
เสียม
|
คุ |
คือ |
ถังน้ำ
|
อีมุย |
คือ |
ขวาน
|
ตะแก้ม |
คือ |
จิ้งจก
|
แมงกะบี้ |
คือ |
ผีเสื้อ
|
ตะกะเดี้ย |
คือ |
ลูกน้ำ (ลูกยุง)
|
ลูกโจ๋ |
คือ |
ลูกสุนัข
|
หยูด |
คือ |
ไม่กรอบ
|
แคบหมู |
คือ |
หนังหมูทอดพอง
|
จิ้งใน |
คือ |
จิ้งหรีด
|
3. คำสร้อย ใช้เสียงดนตรีในการจบประโยคการสนทนา
ภาษามาตรฐาน |
ภาษากำแพงเพชร
|
เอาเอง |
เอาเอิง
|
ไปไหนมา |
ไปไหนมาเล๊า
|
เอาซิ |
เอาฮิ
|
4. ภาษาเปลี่ยนไป
อยู่ที่นี่ |
ไต๊นี่
|
อยู่โน้น |
อยู่ปู่น
|
จากผลงานวิจัย เรื่อง การศึกษาทางสังคมในการเปรียบเทียบเสียงวรรณยุกต์ของภาษาไทยกลางและภาษาถิ่นพรานกระต่าย และคำศัพท์เฉพาะที่ใช้ในท้องถิ่น พบว่า ภาษาถิ่นพรานกระต่าย มี 5 วรรณยุกต์ เหมือนกับภาษาไทยกลางนั่นคือ วรรรยุกต์ สามัญ เอก โท ตรี จัตวา แต่มีความแตกต่างกันตรงที่ ดำที่ออกเสียงในวรรณยุกต์จัตวาในภาษาไทยกลาง จะออกเสียงในวรรณยุกต์ เอก ในภาษาถิ่นพรานกระต่าย และคำที่ออกเสียงในวรรณยุกต์ เอกและโท ในภาษไทยกลาง สามารถแบ่งออกเป็น 16 กลุ่ม ดังนี้
1. กลุ่มคำสร้างคำเสริม
• กงล้อ กงรถ --> กงล้อ + กงรถ
ความหมาย : ล้อรถ
ที่มา : กงล้อ (วง,ส่วนรอบของล้อ)
กงรถ (วง,ล้อรถ)
• กระบวกกระบั๋ว --> กระบวก + กระบั๋ว
ความหมาย : เป็นหลุมเป็นบ่อ
ที่มา : กระบวก (เป็นหลุมเป็นบ่อ)
กระบั๋ว (ไม่มีความหมาย)
• กระเซะกระแซะ --> กระเซะ + กระแซะ
ความหมาย : เปียก
ที่มา : กระเซะ (รู้สึกเริ่มจะเป็นไข้)
กระแซะ (ไม่มีความหมาย
• ไข้ตะก๊นตะก๊าน --> ไข้ตะกุ๊น + ตะก๊าน
ความหมาย : รู้สึกเริ่มจะเป็นไข้
ที่มา : ไข้ตะกุ๊น (รู้สึกเริ่มจะเป็นไข้)
ตะก๊าน (ไม่มีความหมาย)
2. กลุ่มคำผสมที่มีสัมผัสสระ
• ซะโลกโกกเกก --> ชะโลก + โกกเกก
ความหมาย : หุบเขาที่มีหินมาก ไม่เรียบ
ที่มา : ชะโลก (ไม่มีความหมาย)
โกกเกก (เกะกะระราน ไม่เรียบร้อย)
3. กลุ่มคำเลียนเสียงธรรมชาติ
• กุ๊กๆ หรือ โก๊กๆ
ที่มา : กาทำเสียงเรียกให้ไก่มากินข้าว ; เลียนเสียงไก่
เช่น : เวลาจะเรียกไก่ให้มากินข้าวจะทำสียง ก็ก กุ๊ก ๆๆๆๆ (พร้อมทำท่าทางดีดนิ้ว)
• ไกตั๊กกะก๊าก
ที่มา : เสียงไก่เวลาตกใจร้อง (ตัวเมีย)
เช่น : ไก่ตกใจเมื่อมีเสียงแปลกปลอม เช่น คน, งู เข้าไป ไก่จะขัน “ไกตั๊กกะต๊าก”
• โจ๋ๆ
ที่มา : การทำเสียงเรียกให้สุนัขมา(ลูกสุนัข)
เช่น : เวลาจะเรียกให้ลูกสุนัขมา ก็ทำเสียง “โจ๋ โจ่ ๆๆๆๆ”
• เด๊าะๆ โอ๊ะๆ
ที่มา : การทำเสียงเรียกสุนัขให้มา (สนุขตัวใหญ่)
เช่น : การทำเสียงเรียกให้สุนัขมา “ เด๊าะๆ โอ๊ะๆๆๆ ”
4. กลุ่มคำที่มีการสลับที่พยัญชนะ
• กระต้า --> (กระ + ต้า)
ที่มา : ตะกร้า (ตะ + กร้า)
เช่น : ภาชนะสานเป็นที่ใส่ของ
• กระต้อ --> (กระ + ต้อ)
ที่มา : ตะกร้า (ตะ +กร้อ)
เช่น : กระโซงที่สานเป็นตะกร้อใช้วิดน้ำ
• (รถ)ตามอ --> (ตา + มอ)
ที่มา : มอตาไซต์ ( มอ + ตา )
เช่น : รถจักรยานยนต์ 2 ล้อ
5. กลุ่มคำที่เรียกตามลักษณะการใช้
• กระพือ กระ (ไม่มีความหมาย) + พือ (ไม่มีความหมาย)
เช่น : พัดจีน
ที่มา : การใช้พัดจีน พัดหรือโบก เรียกลักษณะนั้นว่า กระพือ (โบก , พัดไป)
• ก้อนเซ้า (ก้อนเช้า) ก้อน (วัตถุกลมๆ) + เช้า (เวลาตั้งแต่สว่างถึงเที่ยง)
เช่น : ก้อนหินที่วางใช้หุงข้าว
ที่มา : การเอาก้อนหิน 3 ก้อนมาวาง ก่อไฟ เพื่อหุงข้าว
• ขะโยน ขะ (ไม่มีความหมาย) + โยน (ทิ้งให้พ้นไกลจากตัว,เหวี่ยง)
เช่น : ที่ตักน้ำจากบ่อ
ที่มา : ถังน้ำที่โยนลงในบ่อเพื่อตักน้ำขึ้นมา
• ผ้าห่มเข้า (ผ้าห่มเช้า) ผ้า (สื่งที่ทอถักเป็นผืนด้วยฝ้ายหรือเยื่อใยต่างๆ) + ห่ม (หุ้ม ห่อ) + เช้า (เวลาตั้งแต่สว่างถึงเที่ยง)
เช่น : ผ้าขนหนู
ที่มา : ผ้าที่ห่มไปอาบน้ำตอนเช้า
6. กลุ่มคำที่ไม่ถูกใช้แล้ว
• กะลอง กะ (กำหนด, หทาย, คะเน) + ลอง (ทำทดสอบดู)
เช่น : การเอามือลูบหรือสะกิดลูกอัณฑะ
การแทนคำ : (ไม่มี)
• ข้าวเกรก ข้าว (เมล็ดของพืชในจำพวกหญ้าใช้เป็นอาหารหลัก) + เกรก (ไม่มีความหมาย)
เช่น : ข้าวเกรียบ
การแทนคำ : ข้าวเกี๋ยบ ซึ่งเป็นการเพี้ยนเสียง จากคำว่า ข้าวเกรียบ
• ปุ้น ปุ้น (ไม่มีความหมาย)
เช่น : หัน
การแทนคำ : หั่น ซึ่งเป็นการเพี้ยนเสียงจากคำว่า หัน
• เสือตบตูด เสือ (สัตว์ป่า 4 เท้ามีเล็บคม ลำตัวลายเหลืองสลับดำ) + ตบ (เอาฝ่ามือตี) + ตูด (ทวาร)
เช่น : ด้วยดักแด้
การแทนคำ : ตัวค๋วง ซึ่งเป็นการเพี้ยนเสียงมาจากคำว่า ตัวค้วง
7. กลุ่มคำยืน
• เจิงเหลิม เจิง (ไม่มีความหมาย) + ดหลิม (ไม่มีความหมาย)
เช่น : น้ำแกงมากเกินไป
การแทนคำ : จะเล่น เพี้ยนมาจากคำว่า จะล้น
เจิ๋ง เพี้ยนเสียงจากคำว่าเจิ่ง (แผ่ไปมากกว่าปกติ มักใช้แก่น้ำ)
• เจียมเหลิง เจียม (รุจักประมาณตัวเอง) + เหลิง (คะนอง,เกินความพอดี)
เช่น : สะอาด
การแทนคำ : สะอาด เอี๋ยม (ซึ่งเพี้ยนเสียงมาจากคำว่า สะอาด เอี่ยม)
• แทงคอน แทง (ใช้ของคมทิ่มลงไป) + คอน (แบกสิ่งของของที่ห้อยปลายคานข้างเดียว)
เช่น : ไปหาเขาตั้งแต่เขายังไม่ตื่น
การแทนคำ : ไปห่าเข่าแต๊เช้า ซึ่งดพี้ยนเสียงมาจาก ไปหาเขาแต่เช้า
8. กลุ่มคำที่บางพยางค์ถูกตัดออกไป
• กะมัง กะ + มัง
ที่มา : กะละมัง (กะ + ละ + มัง)
เช่น : ซาม อ่าง หรือจาน
• มาชิ มา + ซิ
ที่มา : มานี่ซิ (มา + นี่ + ซิ)
เช่น : มาทางนี่ หน่องซิ
• เสือกกระดี่ เสือก + กระ + ดี๋
ที่มา : เสือกปลากระดี่ (เสือก + ปลา + กระ + ดี่)
เช่น : การว่ายน้ำหงายหลัง
• เดินโดกแดก เดิน + โดก + เดก
ที่มา : เดินกระโดกกระเดก (เดิน + กระโดก + กระเดก)
เช่น : เดินไปเดินมา ไม่เรียบร้อย
9. กลุ่มคำที่ถูกกลืมเสียง
• จริงเม๊า จริง + เม๊า
ที่มา : จริงไหมเล่า (จริง + ไหม + เล่า)
เช่น : ใช่ไหม
• ไปชัวะ ไป + ชัวะ
ที่มา : ไปชิวะ (ไป + ชิ + วะ)
เช่น : ไปสิ (ยืนยันว่าไปแน่นอน)
10. กลุ่มคำที่เรียกตามลักษณะเฉพาะ
• ขนมคู่ ขนม (ของหวาน) + คู่ (สองอย่างควบคู๋กัน)
มาจาก : ปลาท่องโก๋
ที่มา : ลักษณะของขนมที่ติดกกันเป็นคู่
• ดั้งกางเกง ดั้ง (สันจมูก) + กางเกง (เครื่องนุ่ง มี 2 ขา)
ที่มา : เป้ากางเกง
มาจาก : ลักษณะส่วนตรงเป้ากางเกงที่มีลักษณะคล้ายกับคั้งหรือสันจมูก
• ปลาหง ปลา (สัตว์ที่อาสัยอยู่ใต้น้ำ มีครีบ มีหาง) + หง (แดง)
มาจาก : ปลาดุกตัวเล็กมีผังแดงๆ
ที่มา : ลักษณะสีของลูกปลาที่มีผังสีแดงที่ลำตัว
11. กลุ่มคำที่ใช้เหมือนกับภาษาไทยกลาง
คำศัพท์ภาษาถิ่น |
ความหมาย |
คำศัพท์ไทยกลาง |
ความหมาย
|
กระเจิง |
กระจาย |
กระเจิง |
แตกหมู่ไป
|
จริงจัง |
มากมาย |
จริงจัง |
แน่แท้, หนักแน่น, มาก
|
ทด |
ทำนบกั้นน้ำ |
ทด |
ที่กั้นน้ำ
|
ตะไก |
กรรไกร |
ตะไก |
เครื่องมือสำหลับตัดโคยใช้หนิบ
|
โน้น |
ไกลริบ |
โน้น |
ใช้ประกอบนามที่อยู่ไกล
|
12. กลุ่มคำที่สร้างขึ้นมาใหม่
• ก๊วยติ๊งนง ก๊วย (ไม่มีความหมาย) + ติ๊ง (ไม่มีความหมาย) + นง (ไม่มีความหมาย)
การสร้างความหมายคำใหม่ : ไขว่ห้าง
• คุย คุย (พูดสนทนากัน)
การสร้างความหมายคำใหม่ : ป่าสูง
• เงิง เงิง (ไม่มีความหมาย)
การสร้างความหมายคำใหม่ : (ปิด) ไม่สนิด
13. กลุ่มคำที่มีบางส่วนของคำถูกตัดและเพิ่ม
• อีซิว อี + ซิว
ที่มา : (อี) + ปลา + กระ + ซิว
คำที่ใช้เติมเข้าข้างหน้าคำอื่นแล้วทำให้คำคำนั้นมีความหมายผิดไปจากเดิม : อี
การตัดคำ : ปลา / กระ
เช่น : ปลากระซิว
• อีข้อง อี + ข้อง
ที่มา : (อี) + ตะ + ข้อง
คำที่ใช้เติมเข้าข้างหน้าคำอื่นแล้วทำให้คำคำนั้นมีความหมายผิดไปจากเดิม : อี
การตัดคำ : ตะ
เช่น : ตะข้องใส่ปลา
• ไอ้โต้ง ไอ้ + โต้ง
ที่มา : (ไอ้) + ไก่ + โต้ง
คำที่ใช้เติมเข้าข้างหน้าคำอื่นแล้วทำให้คำคำนั้นมีความหมายผิดไปปจากเดิม : ไอ้
การตัดคำ : ไก่
เช่น : ไก่โต้ง
14. กลุ่มคำที่เพิ่มคำอุปสรรค
• อีโหง (อี) คำที่ใช้เติมเข้าข้างหน้าคำอื่นแล้วทำให้คำคำนั้นมีความหมายผิดไปจากเดิม + โหง
ที่มา : โหง
เช่น : เครื่องซ้องปลา
• อีบุ้ง (อี) คำที่ใช้เติมเข้าข้างหน้าคำอื่นแล้วทำให้คำคำนั้นมีความหมายผิดไปจากเดิม + บุ้ง
ที่มา : บุ้ง
เช่น : หนอนผีเสื้อ
• อีอ้อ (อี) คำที่ใช้เติมเข้าข้างหน้าคำอื่นแล้วทำให้คำคำนั้นมีความหมายผิดไปจากเดิม + อ้อ
ที่มา : อ้อ
เช่น : มันสมอง
15. กลุ่มคำที่สระเปลี่ยน
• กะต๋อนกระแต๋น กระท่อนกระแท่น
เช่น : ไม่เป็นชิ้นเป็นอัน, ไม่สืบเนื่อง
• ซวดเลย ซวดเลย
เช่น : อด, ไม่ได้, ผิดหวัง
• งัว วัว
เช่น : วัว ; สัตว์ 4 ขาเลี้ยงลูกด้วยนม
16. กลุ่มคำที่ตัวควบกล้ำหายไป
• ไขห้าง ไขว์ห้าง
เช่น : ไขว์ห้าง ; เอาขาข้างหนึ่งพาดบนอีกข้างหนึ่ง
• เพี้ยงทำ เพลี้ยงท่า
เช่น : เสียท่า, พลาดท่า
ข้อมูลประชากรศาสตร์
ประชากร : 70,749 คน (พ.ศ.2557)
ความหนาแน่น : 65.39 คน / ตารางกิโลเมตร
ข้อมูลเชิงภูมิศาสตร์
พื้นที่ : 1,081.791 ตารางกิโลเมตร
การปกครองส่วนภูมิภาค : อำเภอพรานกระต่าย แบ่งพื้นที่การปกครองตามพระราชบัญญัติ ลักษณะปกครองท้องที่ออกเป็น 10 ตำบล 116 หมู่บ้าน
ลักษณะอากาศ : ภูมิอากาศโดยทั่วไป เป็นแบบมรสุม มี 3 ฤดู
วิถีชีวิต
อาชีพ
เกษตรกรรม ข้าว พืชไร่และค้าขาย
ครอบครัว
-
การแต่งกาย
-
ที่อยู่อาศัย/ความเป็นอยู่
-
ประเพณี
ความเชื่อ
-
ศาสนา
นับถือศาสนาพุทธ คริสต์
ประเพณีอื่น ๆ
ประเพณีทำบุญศาลเจ้าพ่อถ้ำกระต่ายทอง
ประเพณีทำบุญศาลเจ้าพ่อปุงเถ้ากง
ศิลปะการแสดง
-
ข้อมูลอื่น ๆ
สถานการณ์ปัจจุบันของชาติพันธุ์
-
ข้อมูลอื่น ๆ
-
ข้อมูลการสำรวจ
วันเดือนปีที่สำรวจ
20 เมษายน 2561
วันปรับปรุงข้อมูล
-
ผู้สำรวจข้อมูล
วนัสนันท์ นุชนารถ
คำสำคัญ (tag)
พรานกระต่าย,