ฐานข้อมูล เรื่อง แกงหน่อไม้กับความหลากหลายด้านถิ่นกำเนิด
แกงหน่อไม้บางคนก็เรียก แกงลาว บางคนก็เรียก แกงเปรอะ ลักษณะก็คล้ายกัน คือ ต้องมีใบย่านางเป็นส่วนประกอบหลัก ใบย่านางจะช่วยเรื่องแก้ความขื่นและขมของหน่อไม้ได้เป็นอย่างดี เป็นภูมิปัญญาชาวบ้านที่เอาทั้ง 2 อย่างมารวมกัน ใบย่านางเป็นพืชหาง่าย คุณสมบัติเป็นสมุนไพร นิยมคั้นเอาน้ำจากใบมาทำเป็นอาหาร มากกว่ารับประทานใบสด สำหรับแกงหน่อไม้ เป็นอาหารอีสานที่มีส่วนประกอบในการทำไม่ยุ่งยาก ประกอบด้วย หน่อไม้สด หั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ แล้วลวกหรือต้ม เพื่อล้างความขม และสารบางอย่างในหน่อไม้ออกไปเสียก่อน ส่วนประกอบอื่นก็มี พริก หอม ตะไคร้ ใบย่านาง ข้าวเบือ น้ำตาลทราย น้ำปลาร้า แล้วก็น้ำสะอาด สำหรับทำน้ำแกง ในส่วนของผักก็แล้วแต่ชอบ เช่น ผักขะแยง ใบแมงลัก ฝักทอง ยอดฝักทอง สำหรับแกงหน่อไม้ของคนอีสานในจังหวัดกำแพงเพชรจะใส่ปลาย่างเพื่อเพิ่มความหอมให้กับแกงซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะท้องถิ่น รายงานเล่มนี้แสดงถึงความแตกต่างระหว่างแกงหน่อไม้ของภาคอีสานกับภาคกลางว่ามีความแตกต่างกันอย่างไร
เนื้อหา
ข้อมูลทั่วไป
ชื่ออาหาร
แกงหน่อไม้
ชื่อเรียกอื่น ๆ
แกงหน่อ แกงลาว ใช้เรียกสำหรับภาคอีสาน แกงเปรอะ ใช้เรียกสำหรับภาคกลางเรียก
ถิ่นอาหาร
แกงหน่อไม้เป็นที่นิยมของชุมชนบ้านหนองกองพัฒนา ตำบลนาบ่อคำ อำเภอเมือง จังหวัดกำแพงเพชร เนื่องจากหมู่บ้านมีการปลูกหน่อไม้เลี้ยงค่อนข้างมากแกงหน่อไม้จึงเป็นที่นิยมเพราะหากินได้ง่ายมาก
ประเภทอาหาร
อาหารคาว
ผู้ให้ข้อมูล
นางรอ นันทะโชติ ชาวบ้านในชุมชนบ้านหนองกองพัฒนา บ้านเลขที่ 46 หมู่ 23 ตำบลนาบ่อคำ อำเภอเมือง จังหวัดกำแพงเพชร เบอร์โทร 097-2298417
ข้อมูลจำเพาะ
ประวัติความเป็นมาของหน่อไม้
แกงหน่อไม้ หรือแกงหน่อ ใช้หน่อไม้สดในการปรุง ใส่เนื้อสัตว์ได้ตามต้องการ ไม่ว่าจะเป็น กระดูกหมู หรือปลาดุก ปลาช่อน ซึ่งวัตถุดิบก็เอาจากในพื้นที่เทือกสวนไร่ซึ่งหาได้ง่ายน่าจะเห็นเมนูแกงหน่อไม้ทุกครัวเรือน แกงหน่อไม้มีหลายแบบแล้วแต่ละท้องที่และการทำแตกต่างกันนิดหน่อย อยู่ที่การปรุง คือสามารถแกงใส่อะไรก็ได้ที่เป็นส่วนประกอบ ส่วนเครื่องปรุงที่ขาดไม่ได้คือ ปลาร้า การทำแกงหน่อไม้ว่ายากก็ไม่ใช่ว่าง่ายก็ไม่เชิง ขึ้นอยู่กับประสบการณ์ของผู้ทำ หน่อไม้มีหลายฤดูการและหลายชนิด มีหน่อไม้ไร่ หน่อไม้บง หน่อไม้ไผ่บ้าน หน่อไม้ฮวก ฯลฯ ซึ่งมีรสชาติแตกต่างกัน
ข้อมูลการประกอบอาหาร
การเตรียมเครื่องปรุงแกงหน่อไม้ของภาคอีสานและภาคกลางโดยส่วนใหญ่ภาคอีสานจะเน้นน้ำปลาร้าและน้ำใบย่านางเป็นหลักแต่ภาคกลางจะเน้นน้ำกะทิเป็นหลักโดยมีส่วนประกอบดังต่อไปนี้
เครื่องปรุง
รายการ | อัตราส่วน |
---|---|
แกงหน่อไม้ภาคอีสาน | |
หน่อไม้สด | 1 ถ้วย (ที่หั่นแล้ว) |
พริกสด | 1 ถ้วยตวง |
ปลาร้า | 1 ถ้วยตวง |
ตะไคร้ | 2 ต้น |
ใบย่านาง | 1 ถ้วย |
ปลาย่าง | 2 ตัว |
เครื่องพริกแกง | |
หอม | ครึ่งขีด |
กระเทียม | ครึ่งขีด |
กระชาย | 1 ถ้วยตวง |
ภาพที่ 1 แสดงเครื่องปรุงที่ใช้ในการทำแกงหน่อไม้สด ภาคอีสาน
รายการ | อัตราส่วน |
---|---|
แกงหน่อไม้ภาคกลาง | |
หน่อไม้ดอง | 1 ถ้วย (ที่หั่นแล้ว) |
ไก่ | ครึ่งกิโลกรัม |
พริกแกง | 3 ช้อนโต๊ะ |
พริกหยวก | 1 ถ้วยตวง |
โหระพา | 1 ถ้วยตวง |
กะทิ | 1 ถ้วยตวง |
เครื่องพริกแกง | |
หอม | ครึ่งขีด |
กระเทียม | ครึ่งขีด |
กระชาย | ครึ่งขีด |
ตะไคร้ | ครึ่งขีด |
พริก | 1 ขีด |
ผิวมะกรูด | ครึ่งขีด |
ข่า | ครึ่งขีด |
ภาพที่ 2 แสดงเครื่องปรุงที่ใช้ในการทำแกงหน่อไม้ดอง ภาคกลาง
สรรพคุณ
หน่อไม้
ภาพที่ 3 แสดงหน่อไม้
สรรพคุณของหน่อไม้ช่วยลดการเกิดมะเร็งลำไส้ใหญ่ ป้องกันอาการท้องผูก ช่วยย่อยอาหาร เพราะหน่อไม้เป็นอาหารที่ให้เส้นใยสูง จึงช่วยกระตุ้นการบีบตัวของลำไส้ เมื่อหน่อไม้ผ่านการย่อยร่างกายจะดูดซึมสารอาหารเข้าสู่กระแสเลือด ส่วนกากอาหารที่เหลือหรือสารพิษต่างๆ เช่น ยาฆ่าแมลงหรือโลหะหนักจะไปรวมกันที่ลำไส้ใหญ่
ไก่
ภาพที่ 4 แสดงวัตถุดิบหลักที่ใช้ในไก่
สรรพคุณของไก่ทางแพทย์แผนจีนเนื้อกล่าวไว้ว่า เนื้อไก่มีคุณสมบัติร้อน (จัดเป็นหยาง) รสหวาน ใช้บำรุงร่างกาย ทำให้กระดูกและเอ็นแข็งแรง ทำให้ประจำเดือนปกติ รักษาอาการระดูขาวมากกว่าปกติ ชาวจีนเชื่อว่า เนื้อไก่ตัวผู้ มีคุณสมบัติค่อนไปทางร้อน (หยาง) ใช้บำรุงร่างกาย ส่วนเนื้อไก่ตัวเมียมีคุณ สมบัติเย็น (ยิน) ใช้บำรุงร่างกายเช่นกัน เหมาะสำหรับเป็นอาหารของคนชรา สตรีหลังคลอดบุตร และผู้ป่วยที่ป่วยเวลานาน
พริกหยวก
ภาพที่ 5 แสดงพริกหยวก
สรรพคุณของพริกหยวกมีสารแคปไซซิน ซึ่งมีประโยชน์ต่อคนป่วยเป็นโรคเบาหวาน เพราะช่วยบำบัดอาการของโรค ช่วยทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดลดลงและมีประโยชน์ด้านอื่น ๆ ดังต่อไปนี้ 1. พริกหยวกยังส่งผลให้ระดับของคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดีและไตรกลีเซอไรด์ในเลือดลดลงด้วย โดยการเพิ่มคอเลสเตอรอลชนิดดี ทำให้ระดับไขมันแต่ละชนิดมีความสมดุลกัน 2. พริกหยวกมีคุณสมบัติที่ช่วยขยายหลอดเลือด ทำให้เกิดการอุดตันของเส้นเลือดน้อย และเลือดสามารถไหลเวียนไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกายได้มากและดีขึ้น ป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือด 3. สรรพคุณของพริกหยวกอุดมด้วยเบต้าแคโรทีน วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 วิตามินซี ซึ่งมีฤทธิ์เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่จะป้องกันความเสื่อมของเซลล์ ลดโอกาสเกิดโรคมะเร็งได้หลายชนิด 4. พริกหยวกมีสรรพคุณช่วยลดความดันโลหิตสูงได้ จากสารแคปไซซินที่มีสรรพคุณช่วยให้หลอดเลือดอ่อนตัว ซึ่งจะส่งผลทำให้สลายลิ่มเลือดได้เร็ว และเสริมสร้างผนังหลอดเลือดให้แข็งแรง มีความยืดหยุ่นรับแรงดันในระดับต่างๆ ได้ดี 5. พริกหยวกช่วยบำรุงร่างกายให้แข็งแรง ไม่เจ็บป่วยง่าย ช่วยให้เซลล์ต่างๆ ในร่างกายทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ เพิ่มภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกาย 6. ประโยชน์ของพริกหยวกทำให้รู้สึกอารมณ์ดี สดชื่น แจ่มใส โดยจะช่วยกระตุ้นการหลั่งสารเอนดอร์ฟินซึ่งมีฤทธิ์ทำให้เกิดความผ่อนคลายและรู้สึกมีความสุข 7. พริกหยวกมีสรรพคุณช่วยลดอาการเจ็บปวด เช่น ปวดฟัน เจ็บคอ ผิวหนังอักเสบ ฯลฯ เพราะสารแคปไซซินจะมีผลช่วยชะลอความรู้สึกเจ็บปวดที่ปลายประสาทของสมองส่วนกลางให้ช้าลง 8. พริกหยวกช่วยกระตุ้นความรู้สึกอยากกินอาหาร ทำให้เจริญอาหาร และยังมีประโยชน์ต่อระบบการย่อย ช่วยกระตุ้นน้ำย่อยทำให้สามารถย่อยอาหารได้ดีขึ้น 9. สรรพคุณพริกหยวกมีฤทธิ์ช่วยขับเหงื่อ แก้อาเจียน บรรเทาอาการไอ ขับเสมหะ และแก้หวัด โดยสารแคปไซซินจะช่วยลดน้ำมูกทำให้การหายใจสะดวกขึ้น ช่วยบำบัดอาการภูมิแพ้ต่างๆ ได้ 10. พริกหยวกมีสรรพคุณที่สามารถนำไปผสมกับขี้ผึ้งใช้เป็นยาทาภายนอก เพื่อรักษาอาการปวดเมื่อยที่มีสาเหตุจากไขข้ออักเสบ ทำให้เลือดลมไหลเวียนดีขึ้น 11. พริกหยวกมีประโยชน์ช่วยขับลมซึ่งจะช่วยลดอาการท้องอืดท้องเฟ้อ
โหระพา
ภาพที่ 6 แสดงโหระพาหน่อไม้
สรรพคุณของโหระพาเสริมภูมิคุ้มกันให้ร่างกายโหระพามีส่วนช่วยในการเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน พร้อมส่งเสริมการทำงานของร่างกายให้เป็นปกติ เมื่อรับประทานโหระพาเป็นประจำ จึงทำให้มีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง ไม่เจ็บป่วยได้ง่าย แถมยังลดความเสี่ยงการป่วยด้วยโรคร้ายต่างๆ ได้ดีอีกด้วยและมีประโยชน์ด้านอื่นๆดังต่อไปนี้ 1. แก้อาการท้องอืดใบโหระพามีสรรพคุณลดการบีบตัวของลำไส้ ช่วยรักษาแผลในกระเพาะ กระตุ้นระบบการย่อยอาหารให้มีประสิทธิภาพ จึงสามารถแก้อาการท้องอืด แน่นท้อง ได้เป็นอย่างดี ใครที่มีอาการท้องอืดบ่อยๆ ต้องทานใบโหระพากันเลย 2. สร้างความผ่อนคลาย ลดเครียดน้ำมันหอมระเหยในใบโหระพา จะทำให้กล้ามเนื้อเกิดการผ่อนคลาย ลดการเกร็งของกล้ามเนื้อ ลดความวิตกกังวล คลายเครียด และลดอาการซึมเศร้าได้เป็นอย่างดี แถมยังช่วยให้เกิดสมาธิมากกว่าเดิมอีกด้วย 3. ลดคอเลสเตอรอลในเลือดใบ โหระพามีส่วนช่วยในการลดคอเลสเตอรอลในเลือดได้ ซึ่งก็จะช่วยลดความเสี่ยงโรคร้ายจากภาวะคอเลสเตอรอลในเลือดสูงได้อีกหลายโรคเลยทีเดียว ดังนั้นคนที่มีภาวะคอเลสเตอรอลในเลือดสูง ควรทานใบโหระพาเป็นประจำ โดยเฉพาะการทานใบสดๆ จะได้รับคุณประโยชน์อย่างเต็มที่ 4. บรรเทาอาการคลื่นไส้อาเจียน การทานใบโหระพาจะช่วยบรรเทาอาการคลื่นไส้ อาเจียนได้ โดยจะช่วยให้อาการดีขึ้น และรู้สึกผ่อนคลาย สดชื่น สบายตัวมากกว่าเดิม เพราะใบโหระพามีสรรพคุณในการลดอาการคลื่นไส้ และด้วยกลิ่นหอมอ่อนๆ ของใบโหระพา ก็จะช่วยให้เกิดความผ่อนคลาย จึงหยุดยั้งอาการคลื่นไส้อาเจียนได้เหมือนกัน 5. แก้อาการประจำเดือนมาไม่ปกติ ผู้หญิงมักจะเจอกับปัญหาประจำเดือนมาไม่ปกติ ไม่ว่าจะมามาก มาน้อย มาสองครั้งในเดือนเดียว มาแบบกะปริบกะปรอย หรือมาบ้างไม่มาบ้าง
เมื่อทานใบโหระพาเป็นประจำ จะช่วยแก้ปัญหานี้ได้ เพราะใบโหระพาจะช่วยกระตุ้นให้ฮอร์โมนเพศทำงานปกติและเกิดความสมดุล จึงทำให้ประจำเดือนมาสม่ำเสมอนั่นเอง
6. ช่วยให้เจริญอาหาร สำหรับคนที่มีอาการเบื่ออาหาร รับประทานอาหารได้น้อย ลองใส่ใบโหระพาลงในเมนูอาหารกันดู หรืออาจนำมาทานใบสดๆ พร้อมกับอาหาร จะช่วยให้เจริญอาหารได้ดีมาก จากที่เคยตัวเล็กน้ำหนักน้อย ดูเหมือนคนขาดสารอาหาร น้ำหนักก็จะเพิ่มขึ้นมาอย่างเหมาะสมตามเกณฑ์มาตรฐาน
หอมแดง
รูปที่ 7 แสดงหอมแดง (วุฒิชัย ตรุษลักษณ์, นันทนา นันทะโชติพร้อมคณะผู้จัดทำ, 2562)
สรรพคุณของหอมแดงช่วยให้เจริญอาหาร สำหรับผู้ที่รู้สึกทานอาหารได้น้อย ไม่ค่อยรู้สึกหิว หรือเบื่ออาหาร ให้ลองนำหอมแดงมาใช้ในการปรุงอาหาร ไม่ว่าจะเป็นยำวุ้นเส้น ไข่เจียวใส่หอมแดง หรือแม้แต่ซุปหัวหอม กลิ่นหอมแดงจะช่วยกระตุ้นร่างกายให้รู้สึกอยากอาหารมากยิ่งขึ้น รสชาติของหอมแดงยังช่วยทำให้กับข้าวอร่อยมากขึ้นด้วยและมีประโยชน์ด้านอื่นๆดังต่อไปนี้ 1.ป้องกันโรคหัวใจและช่วยลดความดันโลหิต หอมแดงอุดมไปด้วยสารอาหารที่ช่วยบำรุงหัวใจ ช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดหัวใจอุดตัน ทำให้เลือดไหลเวียนดีขึ้น เนื่องจากในหอมแดงมีสารเคอร์ซิติน ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่จะช่วยปกป้องเซลล์ในร่างกาย และช่วยลดการอักเสบได้เป็นอย่างดี 2.บำรุงสมอง ในหอมแดงนั้นเต็มไปด้วยธาตุฟอสฟอรัส การทานหอมแดงบ่อยๆ จะช่วยบำรุงสมอง ทำให้ความจำดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด 3.ป้องกันมะเร็ง เนื่องจากมีผลการวิจัยค้นพบว่า สารเคอร์ซิตินและสารฟลาโวนอยด์ที่มีอยู่ในหอมแดง มีคุณสมบัติในการต้านอนุมูลอิสระที่เป็นสาเหตุในการก่อโรคมะเร็งได้ 4.ช่วยให้ร่างกายอบอุ่น หอมแดงเป็นสมุนไพรอีกหนึ่งชนิดที่มีฤทธิ์เผ็ดร้อน จึงมีคุณสมบัติช่วยเพิ่มอุณหภูมิภายในร่างกาย ใครที่ขี้หนาวเป็นประจำ ทานหอมแดงแล้ว รับรองจะช่วยให้ร่างกายอบอุ่นได้แน่นอน 5.ช่วยไล่แมลงสาบ สำหรับบ้านไหนที่มีปัญหาแมลงสาบมาคอยกวนใจ ให้ลองนำหอมแดงมาหั่นเป็นแผ่น แล้วนำไปวางบริเวณที่แมลงสาบชอบเข้ามา ในหอมแดงนั้นเต็มไปด้วยสารกำมะถัน ที่มีกลิ่นฉุน จึงสามารถช่วยขับไล่แมลงสาบ ไม่ให้มากวนใจได้ (เมดไทย, 2562)
กระเทียม
รูปที่ 8 แสดงกระเทียม (วุฒิชัย ตรุษลักษณ์, นันทนา นันทะโชติพร้อมคณะผู้จัดทำ, 2562 )
สรรพคุณของกระเทียมช่วยบำรุงผิวหนังให้มีสุขภาพดีและแข็งแรงและมีประโยชน์ด้านอื่นๆดังต่อไปนี้ 1.ช่วยเสริมสร้างการเจริญเติบโตของเนื้อเยื่อในร่างกาย 2.ช่วยป้องกันการเกิดโรคมะเร็ง 3.ช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานให้แก่ร่างกาย 4.ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลและน้ำตาลในเลือด 5.ช่วยปรับสมดุลในร่างกาย 6.ช่วยแก้อาการวิงเวียนศีรษะ อาการมึนงง ปวดศีรษะ หูอื้อ 7.ช่วยในเรื่องระบบสืบพันธุ์และระบบทางเดินปัสสาวะ เพราะมีสารที่ช่วยควบคุมฮอร์โมนทั้งหญิงและชาย ช่วยทำให้มดลูกบีบตัว เพิ่มพละกำลังให้มีเรี่ยวแรง 8.ช่วยรักษาโรคความดันโลหิต 9.ช่วยป้องกันการเกิดโรคหัวใจ ลดความเสี่ยงของหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน (เมดไทย,2562)
ตะไคร้
รูปที่ 9 แสดงตะไคร้ (วุฒิชัย ตรุษลักษณ์, นันทนา นันทะโชติพร้อมคณะผู้จัดทำ, 2562)
สรรพคุณของตะไคร้มีส่วนช่วยในการขับเหงื่อและมีประโยชน์ด้านอื่นๆดังต่อไปนี้ 1.เป็นยาบำรุงธาตุไฟให้เจริญ (ต้นตะไคร้) 2.มีสรรพคุณเป็นยาบำรุงธาตุ ช่วยในการเจริญอาหาร 3.ช่วยแก้อาการเบื่ออาหาร (ต้น) 4.สารสกัดจากตะไคร้มีส่วนช่วยในการป้องกันโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ 5.แก้และบรรเทาอาการหวัด อาการไอ 6.ช่วยรักษาอาการไข้ (ใบสด) 7.ใช้เป็นยาแก้ไข้เหนือ (ราก) 8.น้ำมันหอมระเหยของใบตะไคร้สามารถบรรเทาอาการปวดได้ 9.ช่วยแก้อาการปวดศีรษะ (เมดไทย,2562)
กระชาย
รูปที่ 10 แสดงกระชาย (วุฒิชัย ตรุษลักษณ์, นันทนา นันทะโชติพร้อมคณะผู้จัดทำ, 2562)
สรรพคุณของกระชายช่วยบำรุงกระดูก ช่วยทำให้กระดูกไม่เปราะบางและมีประโยชน์ด้านอื่นๆดังต่อไปนี้ 1.ช่วยปรับสมดุลของฮอร์โมนต่าง ๆ ในร่างกาย 2.ช่วยบำรุงกำหนัด แก้อาการกามตายด้าน (เหง้าใต้ดิน) 3.ช่วยบำรุงสมอง เพราะช่วยทำให้เลือดไปเลี้ยงสมองส่วนกลางได้ดีมากขึ้น 4.ช่วยปรับสมดุลของความดันโลหิตในร่างกาย ช่วยลดความดันโลหิตเมื่อความดันโลหิตสูง แต่เมื่อความดันโลหิตต่ำก็จะช่วยทำให้ความดันเพิ่มขึ้นจนเป็นปกติ 5.สรรพคุณกระชายช่วยแก้โลหิตเป็นพิษ (ใบ) 6.กระชายมีสรรพคุณทางยาช่วยแก้โรคในปากและคอ เช่น ปากเปื่อย ปากแห้ง ปากเป็นแผล (ใบ, เหง้า) (เมดไทย,2562)
ใบย่านาง
รูปที่ 11 แสดงใบย่านาง (วุฒิชัย ตรุษลักษณ์, นันทนา นันทะโชติพร้อมคณะผู้จัดทำ, 2562) สรรพคุณของใบย่านาง ในตำราสมุนไพรจัดว่าเป็นยาอายุวัฒนะและมีประโยชน์ด้านอื่นๆดังต่อไปนี้ 1.มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระจำนวนมากจึงช่วยลดและชะลอการเกิดริ้วและความแก่ชราอย่างได้ผล 2.ช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานโรคในร่างกาย 3.ช่วยเพิ่มความสดชื่นให้กับร่างกาย 4.ช่วยในการปรับสมดุลของร่างกาย 5.เป็นสมุนไพรที่ช่วยในการลดความอ้วนได้อย่างเห็นผลและปลอดภัย 6.ช่วยในการเผาผลาญไขมันและนำไปใช้เป็นพลังงาน 7.ช่วยป้องกันและลดอัตราการเกิดโรคมะเร็งชนิดต่าง ๆ (เมดไทย,2562)
3.3 การเตรียมหน่อไม้
รูปที่ 12 แสดงการสับหน่อไม้ (วุฒิชัย ตรุษลักษณ์, นันทนา นันทะโชติพร้อมคณะผู้จัดทำ, 2562)
3.4 ขั้นตอนการปรุง ขั้นตอนการปรุงแกงหน่อไม้ของภาคอีสานและภาคกลางดังต่อไปนี้ 1. แกงหน่อไม้ของคนคนอีสาน
รูปที่ 13 แสดงนำหน่อไม้ที่ได้มาสับ ล้างน้ำให้สะอาดและนำหน่อไม้มาต้ม เพื่อไม่ให้หน่อไม้ขม (วุฒิชัย ตรุษลักษณ์, นันทนา นันทะโชติพร้อมคณะผู้จัดทำ,2562 )
รูปที่ 14 นำหน่อไม้ที่ต้มแล้วมาต้มกับน้ำใบหญ้านางใส่พริกแกงที่เตรียมไว้ใส่น้ำปลาร้า และต้มต่อจนเดือด จนสุกพร้อมรับประทาน (วุฒิชัย ตรุษลักษณ์, นันทนา นันทะโชติพร้อมคณะผู้จัดทำ, 2562)
รูปที่ 15 แสดงตักใส่ถ้วยพร้อมเสิร์ฟ (วุฒิชัย ตรุษลักษณ์, นันทนา นันทะโชติพร้อมคณะผู้จัดทำ, 2562)
แกงหน่อไม้ภาคกลาง
รูปที่ 16 แสดงนำเนื้อไก่ไปผัดกับพริกแกงผัดจนไก่เริ่มจะสุก (วุฒิชัย ตรุษลักษณ์, นันทนา นันทะโชติพร้อมคณะผู้จัดทำ, 2562)
รูปที่ 17 แสดงนำน้ำกะทิใส่รอจนเนื้อไก่เริ่มสุกใส่หน่อไม้ดองและปรุงรสตามที่ต้องการ
(วุฒิชัย ตรุษลักษณ์, นันทนา นันทะโชติพร้อมคณะผู้จัดทำ, 2562)
รูปที่ 18 แสดงเนื้อไก่สุกได้ที่ ใส่พริกหยวกและใบโหระพาเพิ่มความหอม (วุฒิชัย ตรุษลักษณ์, นันทนา นันทะโชติพร้อมคณะผู้จัดทำ, 2562)
รูปที่ 19 แสดงตักใส่ถ้วยพร้อมเสิร์ฟ (วุฒิชัย ตรุษลักษณ์, นันทนา นันทะโชติพร้อมคณะผู้จัดทำ, 2562)
3.4 การเสิร์ฟ/การรับประทานอาหาร ชาวบ้านที่เป็นคนไทยจะรับประทานกับข้าวสวยแต่คนอีสานจะรับประทานกับข้าวเหนียว 3.5 ข้อแนะนำ เมื่อนำหน่อไม้สดมาควรนำมาแกงทันทีเพราะจะทำให้หน่อไม้ไม่มีรสชาติ ถ้าต้มหน่อไม้ไม่ดีก็จะทำให้รสขม 4.ข้อมูลการสำรวจ 4.1 แหล่งอ้างอิง เมดไทย, (2562). สรรพคุณของเครื่องแกง. (ออนไลน์). https://medthai.com. (2562.ตุลาคม 10) รอ นันทะโชติ. (2562, ตุลาคม 7). ผู้รู้เกี่ยวกับแกงหน่อไม้ทั้ง 2 ภาค. สัมภาษณ์. ThaiStreetFood, (2562). ความเป็นมาของแกงหน่อไม้.(ออนไลน์)https://www.thaistreetfood.net. สืบค้นเมื่อ. (2562 ตุลาคม 10 ). ThaiStreetFood, (2562). ประวัติหน่อไม้, (ออนไลน์) https://www.thaistreetfood.net. สืบค้นเมื่อ. (2562 ตุลาคม 10).
4.2 วันเดือนปีที่สำรวจ วันที่ 7 ตุลาคม 2562 4.3 วันปรับปรุงข้อมูล วันที่ 10 ตุลาตม 2562 4.4 ผู้สำรวจข้อมูล 1. นายวุฒิชัย ตรุษลักษณ์ 2. นันทนา นันทะโชติ 3. นางสาว ประวีณา บุญเหลือ 4.นางสาว พรณภัส คุ้มพระพาย 5.นางสาว สิริยากร เกตุณรงค์ 6.นางสาว สายรุ้ง แจ่มใส 4.5 ประวัติผู้ให้สัมภาษณ์ นางรอ นันทะโชติ ชาวบ้านชุมชนบ้านหนองกองพัฒนา บ้านเลขที่ 46 หมู่ 23 ตำบลนาบ่อคำ อำเภอเมือง จังหวัดกำแพงเพชร เบอร์โทร 097-2298417
ภาคผนวก
รูปที่ 15 แสดงหลังจากที่ต้มหน่อไม้เพื่อไม่ให้ข่มแล้ว นำหน่อไม้มาต้มกับน้ำใบหญ้านางที่คั่นแล้ว (นันทนา นันทะโชติพร้อมคณะผู้จัดทำ, 2562)
รูปที่ 16 แสดงเมื่อต้มหน่อไม้กับใบหญ้านางแล้วตั้งไฟให้เดือด แล้วนำพริกแกงที่เตรียมไว้มาใส่ (นันทนา นันทะโชติพร้อมคณะผู้จัดทำ, 2562)
รูปที่ 17 แสดงนำใบหญ้านางมาล้างให้สะอาด และนำมาตำเพื่อคั่นน้ำ (นันทนา นันทะโชติพร้อมคณะผู้จัดทำ, 2562)
รูปที่ 18 แสดงนำหน่อไม้ที่สับแล้ว มาต้มกับน้ำเพื่อไม่ให้หน่อไม้มีรสชาติขม (นันทนา นันทะโชติพร้อมคณะผู้จัดทำ,2562 )
รูปที่ 19 แสดงผัดพริกแกงให้เหลืองและเริ่มมีกลิ่นหอม แล้วนำไก่ที่หั่นชิ้นเตรียมไว้ไปผัด (นันทนา นันทะโชติพร้อมคณะผู้จัดทำ, 2562)
รูปที่ 20 แสดงหลังจากเนื้อไก่และหน่อไม้สุกแล้วนำใบโหระพาเพื่อเพิ่มความหอมของแกง (นันทนา นันทะโชติพร้อมคณะผู้จัดทำ, 2562)
รูปที่ 21 แสดงแกงหน่อไม้ของภาคกลาง ตักใส่ถ้วยพร้อมเสริ์ฟ (นันทนา นันทะโชติพร้อมคณะผู้จัดทำ, 2562)
รูปที่ 22 แสดงแกงหน่อไม้ของภาคอีสาน ตักใส่ถ้วยพร้อมเสริ์ฟ (นันทนา นันทะโชติพร้อมคณะผู้จัดทำ, 2562)
บรรณานุกรม
ThaiStreetFood,2562.ความเป็นมาของแกงหน่อไม้.(ออนไลน์)https://www.thaistreetfood.net.2562 ตุลาคม 10
ThaiStreetFood,2562.ประวัติหน่อไม้,สืบค้นเมื่อ(ออนไลน์)https://www.thaistreetfood.net.2562 ตุลาคม 10
เมดไทย,2562.สรรพคุณของเครื่องแกง(ออนไลน์)https://medthai.com.2562.ตุลาคม 10
รอ นันทะโชติ.[สัมภาษณ์]. 7 ตุลาคม 2562