อัตลักษณ์การแต่งกายของชาวไทยทรงดำ บ้านโป่งน้ำร้อน อำเภอคลองลาน จังหวัดกำแพงเพชร

จาก KPPStudies
รุ่นแก้ไขเมื่อ 10:35, 4 มกราคม 2564 โดย Admin (คุย | มีส่วนร่วม) (สร้างหน้าด้วย "== บทนำ == ผู้ไทดำหรือไทยทรงดำเป็นกลุ่มชาติพันธุ์ไทย...")
(ต่าง) ←รุ่นแก้ไขก่อนหน้า | รุ่นแก้ไขล่าสุด (ต่าง) | รุ่นแก้ไขถัดไป→ (ต่าง)
ไบยังการนำทาง ไปยังการค้นหา

บทนำ

         ผู้ไทดำหรือไทยทรงดำเป็นกลุ่มชาติพันธุ์ไทยที่มีถิ่นฐานเดิมอยู่ในแคว้นสิบสองจุไทหรือเมืองแถนหรือเดียนเบียนฟู ประเทศเวียดนาม ในปัจจุบัน ซึ่งมีที่ตั้งอยู่ในแถบแม่น้ำดำและแม่น้ำแดง ปัจจุบันอยู่ในเขตเวียดนามเหนือตอนเชื่อมต่อกับลาวและจีนตอนใต้ ผู้ไทดำหรือไทยทรงดำมีชื่อเดิมเรียกกันว่าไทดำ (Black Tai) หรือ ผู่ไต๋ดำ เพราะนิยมใส่เสื้อดำล้วน  ไทดำกลุ่มนี้ได้ถูกกวาดต้อนเข้ามาในประเทศไทย ตั้งแต่สมัยกรุงธนบุรีและรัตนโกสินทร์ตอนต้น  คนไทยภาคกลางเรียกกันว่า “ลาวทรงดำ” เพราะเข้าใจว่าเป็นพวกเดียวกับลาวและอพยพมาพร้อมกับลาวกลุ่มอื่น ๆ ต่อมาชื่อเดิมได้หดหายลง คำว่า “ดำ” หายไปนิยมเรียกกันในปัจจุบันว่า  “ลาวทรง” หรือ “ลาวโซ่ง” ซึ่งไม่ใช่คำเรียกที่ถูกต้อง ที่ถูกต้องคือเรียกชนกลุ่มนี้ว่าผู้ไทดำนั่นเอง ชาวไทดำหรือ ไทยทรงดำถือตนเองว่าเป็นชนชาติไท จึงนิยมเรียกตนเองว่า “ไทดำ” หรือ “ผู้ไต๋ดำ” (ทวีโรจน์  กล่ำกล่อมจิตต์ 2549:16-35)
         จากสงครามสมัยพระเจ้ากรุงธนบุรี (สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช) สมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก (รัชกาลที่ 1) มาจนถึงสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 3) ทำให้ไทดำ หรือไทยทรงดำถูกกวาดครัว มาอยู่เพชรบุรี ระยะแรกไทดำตั้งถิ่นฐานอยู่ที่ตำบลหนองปรง อำเภอเขาย้อย (สมัยพระเจ้าตากสิน และรัชกาลที่ 1) ระยะที่สอง (สมัยรัชกาลที่ 3) โปรดฯ ให้มาตั้งบ้านเรือนอยู่ที่ตำบลท่าแร้ง อำเภอบ้านแหลม ไทดำหรือไทยทรงดำ จึงมาตั้งถิ่นฐานที่ท่าแร้ง เมื่อปี พ.ศ. 2378 - 2381 เนื่องด้วยเหตุผล ทางสงครามเช่นกันสงครามครั้งนั้น พวกลาวพวน พวกลาวเวียง ซึ่งเป็นชนชาติไทยด้วยสาขาหนึ่งได้ถูกกวาดครัวมาด้วยกัน เมืองเพชรจึงประกอบด้วยชนกลุ่มน้อยที่เรียกว่า “สามลาว” อันได้แก่ ไทดำ ลาวพวน และ ลาวเวียง ธรรมชาติของผู้ไทดำ หรือไทยทรงดำ ชอบอยู่ที่ดอนน้ำท่วมไม่ถึง                               ชอบภูมิประเทศที่เป็นป่าเขา เสมือนถิ่นดั้งเดิมของตน ลาวโซ่งกลุ่มนี้ มิชอบภูมิประเทศที่ท่าแร้ง เพราะโล่งเกินไป จึงได้อพยพย้ายถิ่นฐานบ้านเรือนไปเรื่อย ๆ ส่วนใหญ่เคลื่อนย้ายมาตั้งถิ่นฐานอยู่ที่สะพานยี่หนทุ่งเฟื้อ วังตะโก บ้านสามเรือน เวียงคอย เขาย้อย ตามลำดับ
         จังหวัดกำแพงเพชร เป็นจังหวัดที่มีสภาพพื้นที่หลากหลายทางภูมิศาสตร์ จึงทำมีประชากรหลากหลายเชื้อชาติ ทั้งคนไทยกลาง ไทยอีสาน ไทยเหนือ และชนเผ่าต่าง ๆ อพยพเข้ามาตั้งถิ่นฐานโดยเฉพาะทางทิศตะวันตกของจังหวัดกำแพงเพชรพื้นที่ส่วนใหญ่จะเป็นภูเขาที่อุดมสมบูรณ์ อีกทั้งมีน้ำตกที่มีชื่อเสียงของจังหวัดกำแพงเพชร นั่นคือ น้ำตกคลองลาน ในเขตอำเภอคลองลาน 
         จิรัฎฐ์  เพ็งแดง และคณะ. (บทนำ : 2560) ชนชาติพันธุ์ไทดำเป็นอีกชนชาติหนึ่งที่ได้อพยพเข้ามาตั้งถิ่นฐานที่ ตำบลโป่งน้ำร้อน อำเภอคลองลาน จังหวัดกำแพงเพชร เป็นชาวไทดำกลุ่มหนึ่งที่ได้อพยพมาจากตำบลห้วยท่าช้าง อำเภอเขาย้อย จังหวัดเพชรบุรี ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2508 เพื่อแสวงหาแหล่งทำกินใหม่จึงมาตั้งถิ่นฐานอยู่ที่ริมคลองสวนหมาก ตำบลโป่งน้ำร้อน อำเภอคลองลาน จังหวัดกำแพงเพชร ชาวไทดำกลุ่มนี้ได้นำเอาประเพณี และศิลปวัฒนธรรมต่าง ๆ ของชาวไทยดำมาด้วย ทั้งยังคงรักษาวัฒนธรรมของตนอย่างเหนียวแน่น และภาคภูมิใจในเชื้อชาติไทยดำ 
         ตามที่คณะผู้วิจัยได้ลงพื้นที่เก็บข้อมูลเกี่ยวกับกลุ่มชาติพันธุ์ไทดำ ตำบลโป่งน้ำร้อน อำเภอคลองลาน จังหวัดกำแพงเพชร (17 ธันวาคม 2559) จากนายเหมือน อินทร์พรหม และนายซ้อน ทองแก้ว ได้ให้ข้อมูลตรงกันว่ากลุ่มชาติพันธุ์ไทดำ ตำบลโป่งน้ำร้อน อำเภอคลองลาน จังหวัดกำแพงเพชร เริ่มต้นจากกลุ่มชาติพันธุ์ไทดำกลุ่มแรกที่อพยพเข้ามาอยู่ในจังหวัดเพชรบุรี ได้ถูกกวาดต้อนให้ไปอยู่ที่ตำบลท่าแร้ง อำเภอบ้านแหลม จังหวัดเพชรบุรี ซึ่งมีภูมิประเทศเป็นที่ราบติดชายทะเลไม่เหมาะแก่การทำอาชีพเพาะปลูกที่เป็นอาชีพดั้งเดิมของชาวไทดำ จึงได้อพยพขึ้นมาอยู่ที่บริเวณ อำเภอเขาย้อย จังหวัดเพชรบุรี ชาวไทดำได้ลงหลักปักฐานกระจายกันอยู่ในตำบลหนองชุมพล ตำบลบางเค็ม ตำบลสระพัง ตำบลเขาย้อย ตำบลทับคาง ตำบลหนองปรง ตำบลหนองปลาไหล ตำบลห้วยโรง และตำบลห้วยท่าช้าง ซึ่งถือได้ว่าอำเภอเขาย้อยเป็นเมืองแม่ของชาติพันธุ์ไทดำเนื่องจากมีประชากรชาวไทดำคิดเป็นร้อยละ 80 ของพื้นที่และได้ ยึดถือประเพณีความเชื่อแบบดั้งเดิมไว้อย่างเคร่งครัด จนในปี พ.ศ.2508 ได้มีชาวไทดำสองครอบครัว คือ 1.ครอบครัว นายจันทร์ ยอดใส 2.ครอบครัว นายมัน  ยอดใส อพยพจากตำบลห้วยท่าช้าง จังหวัดเพชรบุรี มาแสวงหาที่ทำมาหากินใหม่      โดยเดินทางขึ้นมาทางเหนือมาพบแหล่งพื้นที่ทำกินใหม่ ที่ริมคลองสวนหมาก บริเวณตำบลโป่งน้ำร้อน อำเภอคลองลาน จังหวัดกำแพงเพชร ต่อมาไม่นาน ในปี พ.ศ.2509 นายต้น  เย็นตั้ง ได้อพยพมายังตำบลโป่งน้ำร้อน อำเภอคลองลาน จังหวัดกำแพงเพชร ตามคำแนะนำของนาย จันทร์ ยอดใส และ นายมัน ยอดใส และในปี พ.ศ.2511 ได้มีครอบครัวของนายแพ แตมพันธุ์ นายเลี้ยว ร้อยนาค นายเอก เหี้ยมหาญ นายต้น อินทร์พรหม นายพรม อุ่นเป็นนิจ นายมัน ทองแก้ว และนางสมัย พวงแต้ม ครอบครัวที่ได้กล่าวมานี้ได้มาตั้งอยู่ในชุมชนริมคลองสวนหมาก ตำบลโป่งน้ำร้อน อำเภอคลองลาน จังหวัดกำแพงเพชร ชาวไทดำกลุ่มนี้ได้ยึดถือขนบธรรมเนียมประเพณี การละเล่นและความเชื่อตามแบบอย่างที่เคยปฏิบัติสืบต่อกันมาเมื่อครั้งที่อยู่ตำบลห้วยท่าช้าง อำเภอเขาย้อย จังหวัดเพชรบุรี ไว้อย่างเคร่งครัด
         หากกล่าวถึงไทยดำ หรือ ไทยทรงดำ อัตลักษณ์ที่แสดงออกให้เห็นเด่นชัดว่านี่คือชนชาติไทยดำ คือการแต่งกายด้วยเสื้อผ้าสีดำ จึงเป็นที่มาของชื่อชนเผ่านี้ 
         ธิดา  ชมพูนิช (2539, น.65) เสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่มมีความจำเป็นต่อชีวิตความเป็นอยู่ของชนทุกหมู่  เหล่าชน แต่ละชาติย่อมมีรูปแบบการแต่งกายที่แตกต่างกัน  นับว่าการแต่งกายเป็นเอกลักษณ์ของชนชาตินั้น ๆ ได้ ชาวลาวโซ่งเป็นชนชาติหนึ่งที่มีรูปแบบการแต่งกายที่เป็นเอกลักษณ์ของตนเองที่ชัดเจน ตั้งแต่ครั้งอดีตจนถึงปัจจุบันชาวไทยที่มีเชื้อสายโซ่งอย่างแต่งกายแบบดั้งเดิมอยู่มากกว่ากลุ่มอื่น ๆ ที่มาอาศัยในเมืองไทยด้วยกันรูปแบบการแต่งกายที่เด่นชัดของชาวไทยโซ่งคือ เครื่องแต่งกายทุกชิ้น ไม่ว่าชายหรือหญิงตลอดจนเครื่องที่นอนหมอนมุ้งจะทำด้วยผ้าสีดำทั้งหมด
         ชาวไทยทรงดำที่อพยพเข้ามาตั้งถิ่นฐานที่จังหวัดกำแพงเพชร ยังคงรักษาและหวงแหนอัตลักษณ์ที่แสดงออกให้เห็นถึงความเป็นชนชาติไทยดำ มิได้ปรับเปลี่ยนไปตามกระแสแห่งวัฒนธรรมประดิษฐ์ที่หลั่งไหลเข้ามา เพราะชาวไทยดำจะเห็นว่าวัฒนธรรมการแต่งกายนั้นหากผิดแปลกไปจากดั้งเดิมคือความไม่เคารพซึ่งบรรพบุรุษ 
         เพื่อเป็นการรักษาวัฒนธรรมและอัตลักษณ์ดั้งเดิมที่สั่งสมกันมาของชาวไทยดำในจังหวัดกำแพงเพชร ผู้วิจัยจึงได้มีการศึกษาอัตลักษณ์การแต่งกายของชาวไทยดำเพื่อให้ทราบถึงการแต่งกายของชาวไทยดำที่ถูกต้องตามจารีตและแบบแผนดั้งเดิม 
         การแต่งกายของชาวไทยดำแบ่งออกเป็น 3 ลักษณะคือ 
             1. ชุดลำลองหรือชุดอยู่ที่บ้าน       
             2. ชุดทางการ  
             3. ชุดเพื่อประกอบพิธีกรรม โดยแบ่งออกเป็น 2 ลักษณะคือ เพศชายและเพศหญิง