ฐานข้อมูล เรื่อง บายศรีเอกลักษณ์งานศิลป์ ถิ่นกำแพงเพชร

จาก KPPStudies
ไบยังการนำทาง ไปยังการค้นหา
         บายศรี เป็นของสูงเป็นสิ่งที่มีค่าของคนไทย ตั้งแต่โบราณมาจนถึงปัจจุบันนับตั้งแต่เกิดจะจัดพิธีสังเวยและทำขวัญในวาระต่างๆ ซึ่งจะต้อง มีบายศรีเป็นสิ่งสำคัญในพิธีนั้นๆ ซึ่งเป็นศาสนพิธีของพราหมณ์คำว่า บาย ภาษาเขมร แปลว่า ข้าวสุกบาย ภาษาถิ่นอีสาน แปลว่า จับต้อง สัมผัส ศรี เป็นคำมาจากภาษาสันสกฤตตรงกับ ภาษาบาลี ว่า สิริ แปลว่า มิ่งขวัญคำว่า “บายศรี” แปลว่า ข้าวขวัญ หรือ สิ่งที่ น่าสัมผัสกับความดีงาม (ความหมายของชาวอีสาน) บายศรี ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน แปลว่า ข้าวอันเป็น สิริ ขวัญข้าว หรือภาชนะใส่เครื่องสังเวยในโบราณมีการเรียกพิธีสู่ขวัญ ว่า บาศรี เหตุที่เรียกว่า บาศรี เนื่องมาจากเป็นพิธีสำหรับ บุคคลชั้นเจ้านายผู้ใหญ่ทำกัน จึงมีคำว่า บา อยู่ด้วย “บา” ในภาษาโบราณอีสานใช้เป็นคำนำหน้าเรียกเจ้านาย เช่น บาท้าว บาบ่าว บาคราญ เป็นต้น ส่วนคำว่า ศรี หมายถึงผู้หญิงและสิ่งที่เป็นสิริมงคล บายศรี จึงหมายถึง การทำพิธีที่เป็นสิริมงคลแต่ปัจจุบันนี้ คำว่า บาศรี ไม่ค่อยนิยมเรียกกันแล้ว มักนิยมเรียกว่า บายศรี เป็นส่วนมาก 

ข้อมูลทั่วไป[แก้ไข]

ชื่อภูมิปัญญา[แก้ไข]

         บายศรีสู่ขวัญ

ชื่อเรียกอื่น ๆ[แก้ไข]

         ในภาคเหนือจะเรียกบายศรีว่า "ใบสี", "ใบสรี" หรือ "ใบสีนมแมว" และจะเรียกพานบายศรีว่า ขันใบสี เพราะชาวล้านนาจะเรียกพานว่า ขัน แล้วเรียกขันว่า สลุง บายศรีแยกเป็น 4 ประเภท คือ
             1. บายศรีหลวง
             2. บายศรีนมแมว
             3. บายศรีปากชาม
             4. บายศรีกล้วย
         ส่วนในภาคอีสานจะเรียกบายศรีว่า "พาบายศรี", "พาขวัญ" หรือบางท้องถิ่นเรียกว่า "ขันบายศรี" ในภาคอีสานจะแยกบายศรีออกเป็น 3 ประเภท คือ
             1. พาขวัญ
             2. พาบายศรี
             3. หมากเบ็ง
         ในส่วนภาคอีสานที่มีเชื้อสายของเขมรจะมีการเรียกบายศรีว่า "บายแสร็ย" ซึ่งแบ่งออกเป็น 3 ประเภท คือ
             1. บายแสร็ยเดิม (บายศรีต้น) 
             2. บายแสร็ยเถียะ (บายศรีถาด) 
             3. บายแสร็ตจาน (บายศรีปากชาม)

ความเป็นมาของภูมิปัญญา[แก้ไข]

         ของพิธีบายศรีสู่ขวัญกล่าวกันว่าพิธีบายศรีสู่ขวัญมาพร้อมกับพราหมณ์ทมิฬชานอินเดียที่อพยพมาสู่สุวรรณภูมิ หนังสือเก่าที่พบซึ่งออกในสมัยพระเจ้าอู่ทองกล่าวไว้ว่า บายเป็นภาษาเขมรแปลว่าข้าว ข้าวอันเป็นสิริมงคล ข้าวขวัญ กล่าวคือข้าวที่หุงปรุงรสโอชาอย่างดีเหมาะสมที่จะเป็นเครื่องสังเวยให้เทวดาโปรด พิธีใดเป็นพิธีเทวดาโดยตรง หรือต้องการที่จะอัญเชิญเทวดามาเป็นประธาน ต้องหาของสังเวยที่ดีและมีสีสะดุดตา ชาวทมิฬจึงมีเคล็ดลับความเชื่อในข้าวที่ย้อมสีตามสีประจำองค์เทวดา รวมถึงใช้สีล่อเทวดาฝ่ายร้ายให้ไปรวมต่างหากไม่ให้มาทำอัปมงคลให้โทษแก่มณฑลพิธีและบุคคล ซึ่งขนบธรรมเนียมประเพณีของไทยกับทมิฬได้มีความเป็นมาอย่างเดียวกัน เนื่องจากได้มีการถ่ายทอดวัฒนธรรมต่าง ๆแก่กัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งพิธีบวงสรวงเทวดา มีขนมต้มขาว มะพร้าวอ่อน กล้วย ข้าวย้อมสี เช่นข้าวเหนียวดำ ข้าวเหนียวแดง ก็นำมาใช้ในพิธีไทยอย่างชัดเจน นอกจากนี้ภาชนะบายศรีตองเป็นกระทงที่สำหรับบรรจุอาหาร ภายหลังเอาพานซ้อนกันขึ้นไปแล้วเอาของตั้งบนปากพาน เมื่อมีการถ่ายทอดมาที่ประเทศไทย ซึ่งมีศิลปศาสตร์ที่เจริญขึ้น กระทงใบตองก็ถูกประดิดประดอยให้สวยงามเป็นกระทงเจิม ซึ่งประดับประดาตกแต่งที่ปากกระทงให้มีความงดงามมีกระจัง มียอดแหลมตามศิลปะแบบไทย ๆพิธีบายศรีสู่ขวัญหรือหลายท้องถิ่นในภาคอีสานจะเรียกว่าสู่ขวัญหรือสูดขวัญ ตามความเชื่อของคนไทยเชื่อกันว่าคนที่เกิดมามีขวัญประจำกายมีหน้าที่ในการพิทักษ์รักษา ขวัญเป็นเหมือนพี่เลี้ยงที่คอยดูแลประคับประคองชีวิต คอยเลี้ยงดู และติดตามไปทุกหนทุกแห่ง เป็นสิ่งไม่มีตัวตนคล้ายจิตหรือวิญญาณแฝงอยู่ในตัวคนและสัตว์ ซึ่งขวัญตามความเชื่อทางพระพุทธศาสนาเชื่อว่าในร่างกายเรามี 2 สิ่งรวมกัน คือร่างกายและจิตใจหรือขวัญขวัญ คือความรู้สึก ถ้าขวัญของผู้ใดอยู่กับตัว ผู้นั้นจะมีความสุขกายสบายใจเป็นปกติ แต่ถ้าขวัญของผู้ใดหลบลี้หนีหายผู้นั้นจะมีลักษณะอาการตรงกันข้ามคนไทยจึงเชื่อว่าพิธีสู่ขวัญเป็นพิธีหนึ่งที่จะช่วยส่งเสริมเพิ่มพลังใจให้เข้มแข็ง เมื่อมีขวัญที่มั่นคง พลังใจที่เข้มแข็งดีแล้ว ย่อมส่งผลให้การประกอบภารกิจหน้าที่นั้น ๆ บรรลุผลสำเร็จได้ตามความมุ่งหมาย ซึ่งให้กำลังใจกันเมื่อมีความทุกข์ใจ หรือเสริมให้มีความสุขยิ่ง ๆขึ้นไปเมื่อมีความสุขความพอใจอยู่แล้วก็สามารถทำได้ การทำพิธีสู่ขวัญอาจทำได้ทั้งพิธีทางพระพุทธศาสนาและพิธีทางศาสนาพราหมณ์ ซึ่งปัจจุบันก็ยังคงยึดถือปฏิบัติสืบต่อกันมา
         พิธีบายศรีสู่ขวัญ เป็นพิธีที่สำคัญของชาวอีสาน เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับขวัญและจิตใจ เพื่อให้เกิดขวัญและกำลังใจที่ดีขึ้น การดำเนินชีวิตของชาวอีสานแทบทุกอย่าง จึงมีการบายศรีสู่ขวัญควบคู่กันไปเสมอ เป็นการเรียกร้องพลังทางจิต ช่วยให้มีพลังใจที่เข้มแข็ง สามารถฟันฝ่าภัยพิบัติต่างๆได้ การสู่ขวัญช่วยทำให้เกิดมงคล ทำให้ดำรงอยู่ด้วยความสุขราบรื่น มีโชคลาภมากขึ้น และอาจดลปรารถนาให้ผู้ที่เคราะห์ร้ายพ้นจากสรรพเคราะห์ทั้งปวง ด้วยมูลเหตุแห่งการสู่ขวัญ การประกอบพิธีบายศรีสู่ขวัญของชาวอีสาน เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับขวัญและจิตใจ ช่วยก่อให้เกิดขวัญและกำลังใจที่ดีขึ้น ซึ่งชาวอีสานเห็นความสำคัญทางจิตใจเป็นอย่างมาก ดังนั้นวิถีการดำเนินชีวิตแทบทุกอย่างจึงมักจะมีการสู่ขวัญควบคู่กันไปเสมอ การสู่ขวัญจะช่วยให้เกิดสิริมงคลชีวิตอยู่ด้วยความราบรื่น จิตใจเข้มแข็ง โชคดียิ่งขึ้น ปัดเป่าสิ่งที่ไม่ดี หายจากสรรพเคราะห์ทั้งปวง ทั้งพิธีบายศรีสู่ขวัญมีหลายรูปแบบ แล้วแต่ว่าจะจัดพิธีสู่ขวัญในเรื่องใด เช่นการสู่ขวัญเด็ก การสู่ขวัญนาค การสู่ขวัญบ่าวสาว หรือจะเป็นการสื่อขวัญในเหตุที่ทำให้เกิดการเสียขวัญ จิตใจไม่ดี เพื่อเรียกให้ขวัญมาอยู่กับเนื้อกับตัว สิ่งไม่ดีให้ผ่านพ้นไป มีพลังใจที่ดี รวมทั้งการสู่ขวัญสัตว์ และสิ่งต่างๆก็อาจทำได้ แต่การปฏิบัตินอกจากจะมีเครื่องขวัญที่ใช้ในพิธีแล้ว พิธีการต่างๆก็จะแตกต่างกันไปเป็นปลีกย่อย แล้วแต่ลักษณะพิธีซึ่งประเพณีบายศรีสู่ขวัญในภาคอีสาน เป็นประเพณีที่ประชาชนส่วนมาก ยังนิยมปฏิบัติกันอยู่ทั่วไป เพราะถือว่าเป็นพิธีที่เป็นสิริมงคล เป็นการมอบความปรารถนาดีและดลบันดาลให้ ผู้รับการทำพิธีตลอดจนผู้เกี่ยวข้องมีความสุขความเจริญ และจิตใจสงบสุขและส่งเสริมให้ประชาชนมีความรักใคร่กันเป็นอย่างดี นับเป็นวัฒนธรรมที่ดี ควรแก่การอนุรักษ์ให้อยู่สืบไปการบายศรีสู่ขวัญ เป็นวัฒนธรรมอันดีของชาวอีสานและชาวเหนือจัดขึ้นเพื่อเป็นการรับขวัญ และเรียกขวัญของผู้ที่จากบ้านไปไกลด้วยเวลาอันยาวนาน หรือผู้ที่เพิ่งหายป่วยไข้ ตลอดจนเป็นการแสดงความยินดีกับผู้ที่ได้รับการเลื่อนตำแหน่งในทางราชการ และเป็นการต้อนรับอาคันตุกะผู้มาเยือน ซึ่งในภาคอีสานนั้น เมื่อมีการจัดงานอะไรก็ตาม ก็จะมีพิธีบายศรีสู่ขวัญควบคู่ไปด้วย การจัดพิธีบายศรีสู่ขวัญก็เพื่อต้อนรับแขกนั้น มักจะทำกันอย่างสวยงาม ใหญ่โต

ข้อมูลภูมิปัญญา[แก้ไข]

วัตถุประสงค์ของภูมิปัญญา[แก้ไข]

         1. เพื่อศึกษาประวัติความเป็นมาและพิธีการของประเพณีบายศรีสู่ขวัญ
         2. เพื่อเผยแพร่ความรู้และสืบต่อวัฒนธรรมประเพณีบายศรีสู่ขวัญ 
         3. เพื่อให้นักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏกำแพงเพชรเกิดความอบอุ่นและสร้างความผูกพันกัน
         4. บุคคลในชุมชนลำมะโกรก
         5. เพื่อให้นักศึกษาได้พบปะและสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่าง บุคคลในชุมชนและชาวบ้าน
         6. เพื่อเป็นการสืบสานวัฒนธรรมประเพณีอันดีงามให้อยู่คู่กับสังคมไทย
         7. เพื่อเป็นการเผยแพร่ประเพณีบายศรีสู่ขวัญซึ่งเป็นวัฒนธรรมไทยที่เป็นแต่โบราณ
         8. เพื่อได้รับความรู้จากภูมิปัญญาชาวบ้านในสมัยโบราณและได้ปรับเปลี่ยนตามยุคสมัย

กระบวนการทำงานของภูมิปัญญา[แก้ไข]

         อุปกรณ์ที่ใช้ในการทำบายศรี
         การเตรียมวัสดุอุปกรณ์ไว้ให้พร้อม เป็นการเตรียมการที่ดี สามารถดำเนินงานได้ด้วยความเรียบร้อยรวดเร็วซึ่งมีอุปกรณ์ที่ควรจะต้องเตรียมไว้ดังต่อไปนี้
             1. ใบตอง ใช้เป็นส่วนประกอบหลัก เช่น ทำกรวย ควรให้ใบตองกล้วยตานี
รูปที่ 1 แสดงใบตอง.jpg

ภาพที่ 1 แสดงใบตอง

             2. ถ้วยโฟม ใช้เป็นภาชนะสำหรับลองฐานบายศรี
รูปที่ 2 แสดงรองพื้นพานด้วยโฟม.jpg

ภาพที่ 2 แสดงรองพื้นพานด้วยโฟม

             3. กะละมัง เป็นภาชนะที่ใช้แช่ใบตอง
รูปที่ 3 ภาชนะปากกว้างสำหรับใส่น้ำแช่ใบตอง 2 ใบเช่า กะละมัง.jpg

ภาพที่ 3 ภาชนะปากกว้างสำหรับใส่น้ำแช่ใบตอง 2 ใบเช่า กะละมัง

             4. สารส้ม ใช้สำหรับแช่ลูกบายศรีทำให้สีใบตองสดและเข้ม	
รูปที่ 4 สารส้ม.jpg

ภาพที่ 4 สารส้ม

            5. น้ำมันมะกอก เพิ่มความเงางามให้กับใบตอง
รูปที่ 5 น้ำมันมะกอก ชนิดสีเหลือง หรือขาว.jpg

ภาพที่ 5 น้ำมันมะกอก ชนิดสีเหลือง หรือขาว

            6. ไม้เสียบลูกชิ้นใช้สำหรับยึดฐานบายศรีให้แน่นและคงทน
รูปที่ 6 ไม้ปลายแหลม (ขนาดไม้เสียบลูกชิ้น) ประมาณ 20-30 อัน.jpg

ภาพที่ 6 ไม้ปลายแหลม (ขนาดไม้เสียบลูกชิ้น) ประมาณ 20-30 อัน

            7. ดอกไม้ ดอกพุด ดอกดาวเรือง ดอกบานไม่รู้โรย ฯลฯ ใช้ตกแต่งบายศรี
รูปที่ 7 ดอกไม้ ดอกพุด ดอกดาวเรือง ดอกบานไม่รู้โรย ฯลฯ.jpg

ภาพที่ 7 ดอกไม้ ดอกพุด ดอกดาวเรือง ดอกบานไม่รู้โรย ฯลฯ

            8. กรรไกร สำหรับตัดใบตอง และลวดเย็บกระดาษ
รูปที่ 8 กรรไกร สำหรับตัดใบตอง และลวดเย็บกระดาษ.jpg

ภาพที่ 8 กรรไกร สำหรับตัดใบตอง และลวดเย็บกระดาษ

การเลือก และ การทำความสะอาดใบตอง
         ใบตองที่นำมาใช้สำหรับทำบายศรี มักนิยมใช้ใบตองจากกล้วยตานี เนื่องจากเป็นใบตองที่มีลักษณะเป็นเงา มันวาว เมื่อโดนน้ำจะยิ่งเกิดประกายสีเขียวเข้มสวยงามยิ่งขึ้น และที่สำคัญ ใบตองจากกล้วยตานี มีความคงทน ไม่แตกง่าย ไม่เหี่ยวง่าย สามารถนำมาพับม้วนเป็นรูปลักษณะต่างๆได้ง่าย และสามารถเก็บไว้ได้นานหลายวัน หรือถ้ารักษาโดยหมั่นพรมน้ำบ่อยๆ ใบตองกล้วยตานี จะสามารถคงทนอยู่ได้นานเป็นสัปดาห์ทีเดียวเมื่อได้ใบตองกล้วยตานีมาแล้ว จะต้องนำมาทำความสะอาดก่อน ด้วยการเช็ด โดยใช้ผ้านุ่มๆ เช็ดฝุ่นละอองและสิ่งสกปรกต่างๆออกจากใบตองเสียก่อน โดยการเช็ด จะต้องใช้ผ้าเช็ดตามรอยของเส้นใบไปในทางเดียว อย่าเช็ดกลับไปกลับมา หรืออย่าเช็ดขวางเส้นใบเป็นอันขาด เพราะจะทำให้ใบตองเสียหาย มีรอยแตก และช้ำ ทำให้ไม่สามารถนำใบตองมาใช้งานได้เต็มที่เมื่อเช็ดสะอาดดีแล้ว ก็ให้พับพอหลวมๆ เรียงซ้อนกันไว้ให้เป็นระเบียบ เพื่อรอนำมาใช้งานในขั้นตอนต่อไป 
การฉีกใบตองเพื่อเตรียมทำกรวยบายศรี
         ใบตองที่ได้ทำความสะอาดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หยิบมาทีละใบ แล้วนำมาฉีกเพื่อเตรียมไว้สำหรับม้วนหรือพับ ทำกรวยบายศรี
การพับหรือฉีกใบตอง แบ่งเป็นสามประเภทคือ
         1. ใบตองสำหรับทำกรวยแม่ ฉีกกว้างประมาณ 2 นิ้วฟุต
         2. ใบตองสำหรับทำกรวยลูก ฉีกกว้างประมาณ 2 นิ้วฟุต
         3. ใบตองสำหรับห่อ ฉีกกว้างประมาณ 1.5 นิ้วฟุต
         ใบตองแต่ละประเภท ควรฉีกเตรียมไว้ให้ได้จำนวนที่ต้องการ กล่าวคือถ้าทำพานบายศรี 3 ชั้น ชั้นละ 4 ทิศ (4 ริ้ว) นั่นก็หมายถึงว่าจะมีริ้วทั้งหมด 12 ริ้ว ในแต่ละริ้ว จะประกอบด้วยกรวยแม่ 1 กรวย และ กรวยลูก 9 กรวย รวมทั้งสิ้น จะมีกรวยแม่ 12 กรวย และ กรวยลูก 108 กรวย นั่นเอง แสดงว่าจะต้องมีใบตองสำหรับทำกรวยแม่ 12 ชิ้น ใบตองสำหรับทำกรวยลูก 108 ชิ้น ใบตองสำหรับห่อ 120 ชิ้น นั่นเอง แต่ใบตองสำหรับห่อ จะต้องเตรียมไว้เพื่อห่อริ้วอีก คือใน 1 ริ้วจะประกอบไปด้วย กรวยแม่ 1 กรวย กรวยลูก 9 กรวย ซึ่งจะต้องมาห่อรวมกัน ดังนั้น จึงต้องเพิ่มใบตองสำหรับห่ออีก 120 ชิ้น รวมเป็นใบตองสำหรับห่อ 240
การพับกรวย และห่อกรวย
ภาพที่ 1 การพับกรวย และห่อกรวย.jpg

ภาพที่ 9 การพับกรวยและห่อกรวย

         การพับหรือห่อกรวย หมายถึง การนำใบตองที่ฉีกเตรียมไว้แล้วสำหรับพับกรวย มาพับ โดยการพับกรวยแม่และกรวยลูกจะมีลักษณะวิธีการพับเหมือนกัน คือ การนำใบตองมาพับม้วนให้เป็นกรวยปลายแหลม เพียงแต่กรวยลูกจะมีการนำดอกพุด มาวางเสียบไว้ที่ส่วนยอดปลายแหลมของกรวยด้วย เมื่อพับหรือม้วนใบตองเป็นกรวยเสร็จในแต่ละกรวยแล้ว ให้นำลวดเย็บกระดาษ มาเย็บใบตองไว้เพื่อป้องกันใบตองคลายตัวออกจากกัน แล้วเก็บกรวยแต่ละประเภทไว้จนครบจำนวนที่ต้องการเมื่อได้กรวยแต่ละประเภทครบตามจำนวนที่ต้องการแล้ว ก็นำกรวยที่ได้มาห่อ โดยการนำใบตองที่ฉีกเตรียมไว้สำหรับห่อมาห่อกรวย หรือเรียกอีกอย่างว่า ห่มผ้า หรือ แต่งตัวให้กรวยบายศรี ส่วนวิธีการห่อ ศึกษาได้จากภาพยนตร์ที่แสดงให้ชม 
การห่อริ้วบายศรีและการแช่น้ำ
         การห่อริ้วบายศรี คือการนำกรวยแม่ และ กรวยลูกที่ได้ห่อกรวยไว้เรียบร้อยแล้ว มาห่อมัดรวมเข้าไว้ด้วยกัน ที่นิยมทำกัน ใน 1 ริ้ว จะประกอบด้วย กรวยแม่ 1 กรวย กรวยลูก 9 กรวย
วิธีการห่อริ้ว มีการห่อคล้ายกับการห่อกรวยแม่หรือกรวยลูก
ภาพที่ 2 แสดงวิธีการห่อริ้ว.jpg

ภาพที่ 10 แสดงวิธีการห่อริ้ว มีการห่อคล้ายกับการห่อกรวยแม่หรือกรวยลูก

         แบ่งวิธีตามลักษณะงานห่อบายศรีที่ได้เป็น 2 วิธี คือ
         1. ห่อแบบตรง คือ การห่อโดยเริ่มต้นจากกรวยแม่ แล้ววางกรวยลูกไว้ด้านบนกรวยแม่เป็นชั้นทับกันขึ้นมา หรือหันกรวยลูกเข้าหาตัวผู้ห่อ การห่อแบบนี้ จะได้ริ้วบายศรีค่อนข้างตรง และในช่วงตัวริ้ว จะมีรอยหยักของใบตองห่อเรียกว่า มีเกล็ด
         2. ห่อแบบหวาน คือ การห่อโดยเริ่มต้นจากกรวยแม่ แต่วางกรวยลูกไว้ด้านล่างของกรวยแม่ และวางซ้อนลงด้านล่างลงไปจนครบ หรือหันกรวยแม่เข้าหาตัวผู้ห่อ โดยวางกรวยลูกลงด้านล่างจนครบนั่นเอง การห่อแบบนี้ จะได้ริ้วบายศรีเป็นลักษณะอ่อนช้อย งอน อ่อนหวาน เมื่อห่อริ้วจนเสร็จในแต่ละริ้วแล้ว จึงนำริ้วที่ได้ลงแช่ในน้ำผสมสารส้มที่เตรียมไว้ประมาณ 20 นาที เพื่อให้ใบตองเข้ารูปทรง อยู่ตัวตามที่ได้พับและห่อ จากนั้น จึงนำไปแช่ในน้ำผสมน้ำมันมะกอกต่อไป เพื่อให้ริ้วมีความเป็นมันวาว เน้นสีเขียวเข้มของใบตองมากขึ้น และมีกลิ่นหอมในตัวเอง
วิธีการทำบายศรีสู่ขวัญ
         ขั้นตอนการเตรียมการและการประกอบพานบายศรี
         1. เตรียมใบตองแล้วตัดใบตองออกจากก้านให้เหลือใบตอง
ภาพที่ 3 แสดงใบตองก่อนตัดออกจากก้าน.jpg

ภาพที่ 11 นำใบตองที่ฉีกไว้มาพันเป็นนิ้วนาง พันไปพร้อมกับดอกพุด ทำไปทีละตัวจนได้ตามจำนวนที่ต้องการ

         2. นำใบตองที่ตัดไว้แล้วมาแช่สารส้ม และน้ำมันมะกอกในกะละมังที่เตรียมไว้
ภาพที่ 4 แสดงใบตองก่อนตัดออกจากก้าน.jpg

ภาพที่ 12 แสดงใบตองก่อนตัดออกจากก้าน ทิ้งไว้ประมาณ 5–10 นาที

         3. ฉีกใบตองขนาด 3 นิ้ว รวมจำนวน 36 ชิ้น
ภาพที่ 5 แสดงการฉีกใบตอง.jpg

ภาพที่ 13 ฉีกใบตองขนาด 3 นิ้ว รวมจำนวน 36 ชิ้น

         4. ใบตองนุ่งผ้า ฉีกกว้าง 2 –3 นิ้ว ใช้สำหรับนุ่งผ้าลูกบายศรี
ภาพที่ 6 ใบตองนุ่งผ้า.jpg

ภาพที่ 14 ใบตองนุ่งผ้า ขนาด 2 –3 นิ้ว

ขั้นการผลิต
         1. นำใบตองที่ฉีกไว้มาพันเป็นนิ้วนาง พันไปพร้อมกับดอกพุด ทำไปทีละตัวจนได้ตามจำนวนที่ต้องการ
ภาพที่ 7 นิ้วนางบายศรี.jpg

ภาพที่ 15 นำใบตองที่ฉีกไว้มาพันเป็นนิ้วนาง พันไปพร้อมกับดอกพุด ทำไปทีละตัวจนได้ตามจำนวนที่ต้องการ

         2. นำนิ้วนางมาประกอบ (นุ่งผ้า) ใช้นิ้วนางมานุ่งผ้าที่ละ 1 ตัว โดยใช้ใบตองที่ฉีกไว้มาพับเข้าหากันให้เป็นรูปนม นุ่งที่ละตัวจนครบ 9 ตัว
ภาพที่ 16 นำนิ้วนางมาประกอบ.jpg

ภาพที่ 16 นำนิ้วนางมาประกอบ (นุ่งผ้า) ใช้นิ้วนางมานุ่งผ้าที่ละ 1 ตัว โดยใช้ใบตองที่ฉีกไว้มาพับเข้าหากันให้เป็นรูปนม นุ่งที่ละตัวจนครบ 9 ตัว

         3. นำริบบิ้นมาพับเป็นยอดของนิ้วนาง
ภาพ 7 นำริบบิ้นมาพับเป็นยอดของนิ้วนาง.jpg

ภาพที่ 17 นำริบบิ้นมาพับเป็นยอดของนิ้วนาง

         4. นำนิ้วนางที่พันไว้มาประกอบกัน
ภาพที่ 10 บายศรีที่เสร็จสมบูรณ์.jpg

ภาพที่ 18 นำนิ้วนางที่พันไว้มาประกอบกัน

         5. เมื่อทำนิ้วนางเสร็จแล้ว ก็ประกอบเป็นบายศรีปากชาม
รูปที่ 19 เมื่อทำนิ้วนางเสร็จแล้ว ก็ประกอบเป็นบายศรีปากชาม.jpg

ภาพที่ 19 เมื่อทำนิ้วนางเสร็จแล้ว ก็ประกอบเป็นบายศรีปากชาม

         6. ประกอบบายศรีปากชามจนเสร็จแล้วนำไปประกอบพิธีบายศรีสู่ขวัญ
ภาพที่ 8 การประกอบนิ้วนางบายศรีเป็น 1 ช่อ.jpg

ภาพที่ 20 ประกอบบายศรีปากชามจนเสร็จแล้วนำไปประกอบพิธีบายศรีสู่ขวัญ

ผู้ที่ให้ความรู้จากภูมิปัญญา[แก้ไข]

         นางสาวฐิตินันท์  กันอุไร 

ข้อมูลการสำรวจ[แก้ไข]

วันเดือนปีที่สำรวจ[แก้ไข]

         วันศุกร์ ที่ 10 ตุลาคม 2562  ณ หมู่บ้านลำมะโกรก ตำบลสระแก้ว อำเภอเมือง จังหวัดกำแพงเพชร

วันปรับปรุงข้อมูล[แก้ไข]

         วันศุกร์ที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ.2562

ผู้สำรวจข้อมูล[แก้ไข]

         1. นายณัฐพล  วรรณ์สุทธะ
         2. นางสาวยุพารัตน์  ผลเจริญ		
         3. นางสาวนทีกานต์  ทองยอด	
         4. นางสาวปภาวรินทร์  เทศน์ธรรม	
         5. นางสาวกัญญารัตน์  สุดใจ		
         6. นางสาวสุพัฒตรา  สว่างศรี	

คำสำคัญ (tag)[แก้ไข]

         บายศรี, ใบตอง, ดาวเรือง, จังหวัดกำแพงเพชร

ประวัติผู้ให้สัมภาษณ์[แก้ไข]

ประวัติผู้ให้สัมภาษณ์.jpg

ชื่อ – นามสกุล : นางสาว ฐิตินันท์ กันอุไร
ที่อยู่ : 78/4 หมู่ที่ 6 ตำบลสระแก้ว อำเภอเมือง จังหวัดกำแพงเพชร 62000
เบอร์โทร : 089-5685906
อาชีพ : ทำบายศรีส่งตลาด และทำส่งตามเทศกาลต่าง ๆ