ฐานข้อมูล เรื่อง ผลิตภัณฑ์เฉาก๊วยชากังราว ของชาวจังหวัดกำแพงเพชร

จาก KPPStudies
ไบยังการนำทาง ไปยังการค้นหา
         ดร.เสริมวุฒิ สุวรรณโรจน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เฉาก๊วยชากังราว จำกัด ซึ่งเป็นผู้ปั้นแบรนด์ เฉาก๊วย “ชากังราว” และผลิตเฉาก๊วยแปรรูปจนประสบความสำเร็จ แต่เดิม ดร.เสริมวุฒิ สุวรรณโรจน์ เป็นคนจังหวัดอุบลราชธานี มีภรรยา ชื่อ คุณอมรรัตน์ สุวรรณโรจน์ มีบุตร 2 คน ดร.เสริมวุฒิ สุวรรณโรจน์ เล่าถึงความเป็นมา ของเฉาก๊วยชากังราว ด้วยนํ้าเสียงแห่งความภาคภูมิใจว่า เฉาก๊วย “ชากังราว” ประสบความสำเร็จได้อย่างทุกวันนี้ ต้องขอขอบคุณ “เฉาก๊วย ดอนเมือง” ที่เป็นแหล่งให้ความรู้เป็นที่แรก เพราะลูกชายของ ดร.เสริมวุฒิ สุวรรณโรจน์ ได้จบการศึกษาปวส. เมื่อปี พ.ศ. 2539 และได้เข้าไปทำงานที่โรงงานเฉาก๊วยดอนเมืองและได้แรงบันดาลใจ จนทำให้เกิดจุดประกายความคิดว่าอยากให้คนกำแพงเพชรได้มีผลิตภัณฑ์ที่ขึ้นชื่อ ทำให้มี “เฉาก๊วย ชากังราว” เกิดขึ้นและพัฒนาอย่างทุกวันนี้ เพราะมีการพัฒนาสูตรเฉาก๊วยชากังราวมาจากเฉาก๊วยดอนเมือง สืบเมื่องมาจากการที่ลูกชายได้ไปทำงานที่โรงงานเฉาก๊วยดอนเมืองตั้งแต่สมัยที่ลูกชายเพิ่งจบการศึกษา ขณะนั้น ดร.เสริมวุฒิ สุวรรณโรจน์ ทำงานอยู่ศูนย์การศึกษานอกโรงเรียน ลูกของ ดร.เสริมวุฒิ สุวรรณโรจน์ จบ ปวส. ใหม่ ๆ วันหนึ่งลูกชายของ ดร.เสริมวุฒิ สุวรรณโรจน์ ที่เพิ่งจบการศึกษาก็มาบอกกับผู้เป็นพ่อว่าจะไปทำงานกับเพื่อนคนหนึ่งซึ่งดำเนินธุรกิจทำเฉาก๊วยด้วยความที่ ดร.เสริมวุฒิ สุวรรณโรจน์ เห็นว่าเป็นเรื่องที่ดี จึงให้ลูกชายได้เข้าไปทำงานในบริษัท “เฉาก๊วยดอนเมือง” เพราะทุกงานล้วนเป็นอาชีพที่สามารถหารายได้และก็จะสามารถนำมาสร้างธุรกิจเองได้ในอนาคต จนเวลาผ่านไปสองเดือนพ่อลูกครอบครัวสุวรรณโรจน์จึงไปซื้อเฉาก๊วยมาลองทำกันดู ผลปรากฏว่า ก็สามารถทำขายได้แต่รสชาติไม่แตกต่างกับท้องตลาดมากนัก จึงมีการพัฒนาสูตรและรสชาติเรื่อยมา จนกระทั่งใน ปี พ.ศ. 2545 ได้มีการจดทะเบียนเป็นชื่อ “ผลิตภัณฑ์เฉาก๊วยชากังราว” จนถึงทุกวันนี้ 

ข้อมูลทั่วไป[แก้ไข]

ชื่อเรียก[แก้ไข]

         เฉาก๊วยชากังราว

ชื่อเรียกอื่น[แก้ไข]

         ถั๊ต แดน (Thachden) และ เฉาถ้วย ขนมที่ทำมาจากย่า เป็นคำจากภาษาจีน

คำอธิบาย[แก้ไข]

         แหล่งที่มาของเฉาก๊วยชากังราว
         เฉาก๊วย คือ ของหวานสีดำ ๆ เด้งดึงที่เคี้ยวหนึบหนับ และมีรสหวานจากนํ้าเชื่อม รวมถึงความเย็นฉ่ำจากนํ้าแข็งที่ใส่ผสมลงไป ทำให้“เฉาก๊วย’, นั้น กลายเป็นหนึ่งในของหวานยอดฮิตในช่วงหน้าร้อน แต่นอกจากความหวานเย็นที่กินแล้วสดชื่นขึ้นมาในทันใด เฉาก๊วยก็ยังมีสรรพคุณอื่น ๆ ที่ช่วยบำรุงร่างกาย อาทิ ช่วยลดความดันโลหิตสูง ช่วยลดนํ้าตาลในเลือด อาการไข้ อาการอักเสบของกล้ามเนื้อ ตับ และร้อนใน กระหายนํ้า ฯลฯ ต้นเฉาก๊วยที่นำมาทำเฉาก๊วยมีทั้งหมด 3 สายพันธุ์ คือต้นเฉาก๊วยจากประเทศจีน ประเทศอินโดนีเซีย และประเทศเวียดนาม เมื่อกล่าวถึงความแตกต่างทางรสชาติของเฉาก๊วยแต่ละสายพันธุ์ พบว่า เฉาก๊วยประเทศเวียดนามมีความหวานมากกว่าเฉาก๊วยประเทศจีนและประเทศอินโดนีเซีย  แต่ถ้าพูดถึงความเหนียวนุ่ม เฉาก๊วยประเทศอินโดนีเซียจะเหนียวนุ่มมากกว่าเฉาก๊วยประเทศเวียดนามและประเทศจีน ส่วนเฉาก๊วยประเทศจีนจะมีรสชาติที่กลมกล่อมมากกว่าเฉาก๊วยประเทศเวียดนามและเฉาก๊วยประเทศอินโดนีเซีย เหตุเพราะมีความแตกต่างกันทางคุณลักษณะของเฉาก๊วยเวียดนาม คือ เฉาก๊วยเวียดนามจะมีความหวานมากกว่า และคนเวียดนามจะเรียกเฉาก๊วยว่าถั๊ตแดน (Thachden) ในประเทศเวียดนามแหล่งปลูกเฉาก๊วยที่ใหญ่อยู่ที่เมืองท้าบเค ซึ่งเป็นหนึ่งในจังหวัดหลั่งเซิน ตั้งอยู่ทางตอนเหนือสุดของประเทศเวียดนาม มีชายแดนติดกับประเทศจีน และไร่เฉาก๊วยที่ปลูกมักจะอยู่บนหุบเขาสูง ลักษณะของต้นเฉาก๊วย คือ เฉาก๊วยเป็นพืชตะกูลเดียวกันกับสะระแหน่ กระเพรา โหรพา และแมงลัก เป็นพืชล้มลุกคลุมดินมีความสูงราว 15-100 ซม. โดยเฉพาะสายพันธุ์จากประเทศจีนและประเทศเวียดนามที่มีภูมิประเทศที่เหมาะสม อากาศเย็น ต้นเฉาก๊วยจึงสูงได้ถึง 1 เมตร แต่ที่ประเทศเวียดนาม จะปลูกกันบนยอดเขา อากาศเย็น ต้นจะไม่สูงมากแต่ก็มีใบเยอะ ใบมีลักษณะเป็นแฉก ๆ คล้ายใบสะระแหน่ มีขนตามใบ เราสามารถใช้ทุกส่วนมาทำเฉาก๊วย ยกเว้นราก ส่วนที่มียางเหนียว ๆ มากที่สุดคือใบ สิ่งต้นเฉาก๊วยแตกต่างจากพืชในตระกูลเดียวกันก็คือ มีปริมาณนํ้ามันหอมระเหย และสารออกฤทธิ์อยู่ในระดับที่ต่ำกว่า จึงทำให้ไม่มีกลิ่นฉุน แต่ทำให้มีความหอมหวานแทน 
1 เฉาก๊วยเวียดนาม.jpg

ภาพที่ 1 ต้นเฉาก๊วยเวียดนาม

2 เฉาก๊วยประเทศอินโดนีเซีย.jpg

ภาพที่ 2 ต้นเฉาก๊วยประเทศอินโดนีเซีย

         เฉาก๊วยประเทศอินโดนีเซีย คือ จะให้ความเหนียวนุ่ม เฉาก๊วยอินโดนีเซีย เฉาก๊วยทำมาจากใบที่ต้องผ่านการตากแห้ง นานกว่า 5 เดือน ถึงจะสามารถนำมาต้มเป็นเฉาก๊วยได้และเฉาก๊วยที่มีคุณภาพจะต้องปลูกอยู่บนพื้นที่สูงและชื้น เช่นเกาะสุมาตรา ประเทศอินโดนีเซียจึงเป็นพื้นที่ที่เหมาะสมในการปลูกต้นเฉาก๊วย เพราะเป็นดินภูเขาไฟซึ่งมีแร่ธาตุสูง จึงทำให้ได้น้ำยางเฉาก๊วยที่มีคุณภาพดี คุณลักษณะ ของเฉาก๊วยประเทศจีน คือ ใช้สำหรับผสมเพื่อให้รสกลมกล่อม เฉาก๊วย หรือ หญ้าเฉาก๊วย เป็นในตระกูลเดียวกับมินต์ (พืชจำพวกสะระแหน่) มักพบในภูมิภาคเอเชียตะวันออก เช่น ทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศจีน ไต้หวัน ชอบขึ้นในหุบเขาที่ดินทรายแห้งมีหญ้าขึ้น มีความสูงราว 15-100 ซม. สำต้นและใบมีขนปกคลุม ใบมีรูปหยาดนํ้าตาและขอบหยักคล้ายใบเลื่อย นิยมปลูกเพื่อใช้ทำเฉาก๊วยรับประทานเป็นอาหารว่าง การปลูกและการแปรรูป ต้นเฉาก๊วยปลูกบนพื้นที่ราบหรือพื้นที่ลาดเอียงเล็กน้อย ในไต้หวัน พืชชนิดนี้มักปลูกใต้ต้นผลไม้ ในสวนผลไม้เพื่อเป็นรายได้เสริม สำหรับขั้นตอนการทำเฉาก๊วยนั้น เริ่มต้นจากการเก็บเกี่ยวส่วนที่อยู่เหนือดิน ทั้งหมดของต้นเฉาก๊วย จากนั้นนำมาทำให้แห้งบางส่วนและสุมขึ้นเพื่อให้มันรวมตัวกับก๊าซออกซิเจนจนกระทั่งกลายเป็นสีดำ หลังจากรวมตัวกับก๊าซออกซิเจนแล้ว ผลที่ได้จะลูกนำมาทำให้แห้งโดยตลอดและพร้อมที่จะขาย ต้นเฉาก๊วยสายพันธุ์ของประเทศจีน เป็นสายพันธุแรกที่ ดร.เสริมวุฒิ สุวรรณโรจน์ นำมาผลิตเป็นเฉาก๊วยชากังราว ก่อนที่จะนำสายพันธุ์ของประเทศเวียดนาม และสายพันธุ์ของประเทศอินโดนีเซีย จึงได้ทราบว่ารสชาติของเฉาก๊วย ทั้ง 3 สายพันธุ์ มีรสชาติที่แตกต่างกัน 
3 เฉาก๊วยของประเทศจีน.jpg

ภาพที่ 3 ต้นเฉาก๊วยของประเทศจีน

         สรุปได้ว่า ต้นเฉาก๊วยทั้ง 3 สายพันธุ์ให้ รสชาติและคุณสมบัติที่แตกต่างกัน เฉาก๊วยของประเทศเวียดนาม คุณลักษณะ คือ จะมีความหวานมากกว่า เฉาก๊วยของประเทศอินโดนีเซีย คุณลักษณะคือจะให้ความเหนียวนุ่ม  เฉาก๊วยของประเทศจีน คุณลักษณะ คือ ใช้สำหรับผสมเพื่อให้รสกลมกล่อม เฉาก๊วยชากังราว ปัจจุบันเฉาก๊วยที่นำเข้ามาทำการผลิตจะนำมาจากประเทศอินโดนีเซียประเทศเดียวเพราะ ต้นเฉาก๊วยของประเทศอินโดนีเซีย ได้มาตรฐานกว่าและ จะให้ความเหนียวนุ่ม และมาเพิ่มความหวานด้วยน้ำเชื่อม และ ใบเตย เป็นส่วนประกอบหลัก ความพิเศษของเฉาก๊วยชากังราว กว่าจะได้ออกมาเป็นอาหารดับร้อน ยอดฮิตในเมืองไทย ได้นำความพิเศษของเฉาก๊วยประเทศอินโดนีเซียที่มีความเหนียวนุ่มไม่เหมือนใคร ต้นเฉาก๊วยที่ใช้ก็ต้องนำเข้าเพราะไม่สามารถปลูกในเมืองไทยได้ แต่ ปัจจุบันทางบริษัท เฉาก๊วยชากังราวของ ดร.เสริมวุฒิ สุวรรณโรจน์ ก็ได้มีการทดลองปลูกต้นเฉาก๊วย จะทำคล้าย ๆ การปลูกแปลงผัก เด็ดและเอาไปจิ้มลงดินก็ขึ้นออกมาง่ายมาก แต่ต้องอาศัย อุณหภูมิเพราะการปลูกต้นเฉาก๊วย ต้องอาศัยอุณหภูมิที่มีความเย็น จึงจะสามารถทำให้ต้นเฉาก๊วยนั้น อยู่รอดได้ และปี พ.ศ 2563 ได้มีการระบาดของ ไวรัส โควิด -19 จึงทำให้มีผลกระทบต่อการผลิต และการขนส่ง จึงทำให้มีต้นทุนการการผลิต และการขนส่งเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว จากราคารับซื้อตันละ 250,000 เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว 
4 เฉาก๊วยของอินโดนีเซีย.jpg

ภาพที่ 4 ต้นเฉาก๊วยของประเทศอินโดนีเซียที่ปลูกในประเทศไทย

         หลังจากการสัมภาษณ์ถึงจุดเริ่มต้นเฉาก๊วยชากังราว ที่ไม่ได้โปรยด้วยกลีบกุหลาบ กว่าจะหาสูตรได้ลงตัวต้องใช้เวลาลองผิดลองถูกอยู่นาน จนกระทั่งวันหนึ่งได้ไปอ่านข้อมูลที่ให้ความรู้เกี่ยวกับการทำ เฉาก๊วยให้อร่อย เริ่มแรกคือไปซื้อต้นเฉาก๊วยมาจากที่กรุงเทพ ฯ มาลองทำ พอทำสำเร็จในครั้งแรก ดร.เสริมวุฒิ สุวรรณโรจน์ ก็ได้นำไปแจกให้ลันพนักงานที่ศูนย์การศึกษานอกโรงเวียน และที่นำไปเผยแพร่เป็นที่แรก คือ งานศิลปหัตถกรรม ที่จังหวัดลำพูนให้หลาย ๆ คนได้รู้จักกับผลิตภัณฑ์เฉาก๊วยชากังราวของจังหวัดกำแพงเพชร หลังจากนั้น ก็ได้ตั้งขายหลาย ๆ ที่ในจังหวัดกำแพงเพชร เช่น หน้า ธนาคาร จนเป็นที่รู้จัก และบอกต่อ ๆ กันมาซื้อ หลังจากนั้นมีคนสนใจเริ่มซื้อเยอะขึ้นเรื่อย ๆ จนผลิตไม่ค่อยทัน ดร.เสริมวุฒิ สุวรรณโรจน์ จึงได้เริ่มคิดหาวิธีทำการผลิต หรือหาการพัฒนาในรูปแบบใหม่ เริ่มหาสถานที่ใหญ่ขึ้น สมัยนั้นจึงได้ไปขอใช้สถานที่วัดบ่อสามแสน จังหวัดกำแพงเพชร และได้ขอยืมใช้อุปกรณ์ของวัด เช่น หม้อใหญ่ กะละมัง และหลังจากนั้น อะไร ๆ เริ่มเข้าที่ ดร.เสริมวุฒิ สุวรรณโรจน์ ได้เริ่มซื้ออุปกรณ์ที่ทันสมัยขึ้น และอีกทั้งยังสามารถควบคุมอุณหภูมิได้ เพราะแต่เดิมใช้เตาถ่านในการเคี้ยวเฉาก๊วย จึงไม่สามารถควบคุมอุณหภูมิได้และอีกหนึ่งสิ่งสำคัญ ก็คือชื่อของผลิตภัณฑ์ เฉาก๊วยชากังราว ซึ่งคำว่าชากังราวเป็นหนึ่งในชื่อเมืองกำแพงเพชรในอดีต จึงถูกนำมาตั้งเป็นชื่อบริษัทของ ดร.เสริมวุฒิ สุวรรณโรจน์ เอกลักษณ์ของผลิตกัณฑ์เฉาก๊วยชากังราว คือ เหนียว หนึบ นุ่ม เป็นผลิตภัณฑ์เฉาก๊วยชากังราวที่ไม่เหมือนเจ้าอื่น เพราะได้คัดสรรต้นเฉาก๊วยของประเทศอินโดนีเซีย ที่มีความเหนียวนุ่ม และเพิ่มความหอมหวานด้วยใบเตย และ น้ำเชื่อม ซึ่งเปรียบเทียบกับเจ้าอื่น คือจะไม่มีความไม่เหนียว หนึบ นุ่ม เหมือนของเฉาก๊วยชากังราว เพราะเจ้าอื่นจะมีลักษณะที่แตกต่างกันออกไป จุดเด่น ของผลิตกัณฑ์เฉาก๊วยชากังราวคือ ไม่ใส่สารกันบูด สามารถอยู่ได้ 7-10 วัน โดยใส่ไว้ในตู้เย็น ในอุณหภูมิ 1-2 องศา จะผลิตตามออเดอร์ที่ลูกค้าสั่ง จะไม่ผลิตรอออเดอร์ และในแต่ละล็อตที่ผลิตจะมีการตรวจเช็คคุณภาพ ตามมาตรฐานที่กำหนดไว้เสมอ และมีการเช็คต้นเฉาก๊วยในแต่ละล็อตทุกวัน เพราะต้นเฉาก๊วยในแต่ละล็อตมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ผู้เขียนสรุปได้ว่า เมื่อประมาณ 15 ปีที่แล้ว ผู้ก่อตั้งเฉาก๊วยชากังราวคือ ดร.เสริมวุฒิ สุวรรณโรจน์ แต่เดิมท่านเป็นคนจังหวัดอุบลราชธานี ได้มาทำงานอยู่ศูนย์การศึกษานอกโรงเรียนในจังหวัดกำแพงเพชร อยากมีรายได้พิเศษ จึงเลือกเฉาก๊วยมาทำเป็นขนม เพราะเฉาก๊วยมีประโยชน์ และมีเฉาก๊วยดอนเมืองเป็นแนวทาง ตอนนั้นยังไม่เป็นเฉาก๊วยชากังราว ดร.เสริมวุฒิ สุวรรณโรจน์ ได้ศึกษาเกี่ยวกับเฉาก๊วยและลองผิดลองลูกเพื่อหาสูตรต่าง ๆ ให้เฉาก๊วยออกมาอร่อย เป็นเวลา 4-5 ปี เริ่มแรก ดร.เสริมวุฒิ สุวรรณโรจน์ ได้ซื้อต้นเฉาก๊วยมาจากกรุงเทพมหานคร และได้ทำแจกชาวบ้าน เพื่อดูว่าการตอบรับของผู้บริโภคบริเวณใกล้เคียง จนเป็นที่รู้จัก และได้นำเฉาก๊วยไปเผยแพร่ที่งานศิลปหัตกรรม จังหวัด ลำพูนเป็นที่แรก หลังจากนั้น ก็ได้ตั้งขายหลาย ๆ ที่ในจังหวัดกำแพงเพชร เช่น หน้า ธนาคาร จนเป็นที่รู้จักและบอกต่อ ๆ กันมาซื้อ หลังจากนั้นมีคนสนใจเริ่มซื้อเยอะขึ้นเรื่อย ๆ จนผลิตไม่ค่อยทัน ดร.เสริมวุฒิ สุวรรณโรจน์ จนกระทั่ง ปี พ.ศ.2544 ได้ลาออกจากศูนย์การศึกษานอกโรงเรียนในจังหวัดกำแพงเพชร จึงได้เริ่มคิดหาวิธีทำการผลิต หรือหาการพัฒนาในรูปแบบใหม่อย่างเต็มตัว เริ่มหาสถานที่ใหญ่ขึ้น สมัยนั้นจึงได้ไปขอใช้สถานที่วัดบ่อสามแสน จังหวัดกำแพงเพชร และได้ขอยืมใช้อุปกรณ์ของวัด เช่น หม้อใหญ่ กะละมัง และ หลังจากนั้น อะไร ๆ เริ่มเข้าที่ ดร.เสริมวุฒิ สุวรรณโรจน์ ได้เริ่มซื้ออุปกรณ์ที่ทันสมัยขึ้น อีกหนึ่งสิ่งสำคัญก็คือ ชื่อของผลิตกัณฑ์เฉาก๊วยชากังราวซึ่ง คำว่า ชากังราว เป็นหนึ่งในชื่อเมืองกำแพงเพชรในอดีต จึงถูกนำมาตั้งเป็นชื่อบริษัทของ ดร.เสริมวุฒิ สุวรรณโรจน์ จนได้มาเป็นชื่อผลิตกัณฑ์เฉาก๊วยชากังราว และเฉาก๊วยที่ ดร.เสริมวุฒิ สุวรรณโรจน์ นำมาผลิตเฉาก๊วย ในปี พ.ศ.2544 มีตั้งหมด 3 สายพันธุ์ ต้นเฉาก๊วยตั้ง3สายพันธุ์ ให้รสชาติและคุณสมบัติที่แตกต่างกัน เฉาก๊วยของเวียดนาม คุณลักษณะ คือ จะมีความหวานมากกว่า เฉาก๊วยของอินโดนีเซีย คุณลักษณะ คือ จะให้ความเหนียวนุ่ม เฉาก๊วยของประเทศจีน คุณลักษณะ คือ ใช้สำหรับผสมเพื่อให้รสกลมกล่อม ต้นเฉาก๊วยสายพันธุ์ของประเทศจีน เป็นสายพันธุ์แรกที่ ดร.เสริมวุฒิ สุวรรณโรจน์ นำมาผลิตเป็นเฉาก๊วยชากังราว ก่อนที่จะนำสายพันธุ์ของประเทศเวียดนาม และ สายพันธุ์ของประเทศอินโดนีเซีย จึงได้ทราบว่ารสชาติของเฉาก๊วย ทั้ง 3 สายพันธุ์ มีรสชาติที่แตกต่างกัน และในต้นปี 2563 ได้มีการระบาดของไวรัส โควิด-19 จึงทำให้มีผลกระทบต่อการผลิต และการขนส่ง จึงทำให้มีต้นทุนการการผลิตและการขนส่งเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว จากราคารับซื้อ ตันละ 250,000 บาท เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว และในปี 2563 ปัจจุบันทางบริษัทเฉาก๊วยชากังราวของ ดร. เสริมวุฒิ สุวรรณโรจน์ ก็ได้มีการทดลองปลูกต้นเฉาก๊วย แต่ยังไม่เป็นผลสำเร็จ เพราะด้วยสภาพอากาศและ สิ่งแวดล้อมในประเทศไทย ที่ยังไม่เอื้ออำนวย การปลูกต้นเฉาก๊วยนั้นจะทำคล้าย ๆ การปลูกแปลงผัก เด็ดและเอาไปจิ้มลงดิน ก็ขึ้นออกมาง่ายมาก แต่ต้องอาศัยอุณหภูมิ เพราะการปลูกต้นเฉาก๊วย ต้องอาศัยอุณหภูมิที่มีความเย็น จึงจะสามารถทำให้ต้นเฉาก๊วยนั้นอยู่รอดได้ และปัจจุบันทางบริษัทเฉาก๊วยชากังราว นำเข้าเฉาก๊วยจากประเทศอินโดนีเซียเป็นหลัก 
5 ภาพผลิตกัณฑ์เฉาก๊วยชากังราว.jpg

ภาพที่ 5 ภาพผลิตกัณฑ์เฉาก๊วยชากังราว

6 ผลิตภัณฑ์เฉาก๊วยชากังราวปัจจุบัน.jpg

ภาพที่ 6 ผลิตภัณฑ์เฉาก๊วยชากังราวปัจจุบัน

         ถั๊ตแดน (Thachden) คือ คนเวียดนามเรียกเฉาก๊วยว่า ถั๊ตแดน (Thachden) หรือ Suong Sao ในประเทศเวียดนาม แหล่งปลูกเฉาก๊วยที่ใหญ่อยู่ที่เมืองท้าวเคซึ่งเป็นแขวง ๆ หนึ่งในจังหวัดหลั่งเซิน ตั้งอยู่ทางตอนเหนือสุดของเวียดนาม มีชายแดนติดกับประเทศจีน ไร่เฉาก๊วยจะอยู่บนหุบเขาสูง เฉาก๊วย ขนมที่ทำมาจากย่า เป็นคำจากภาษาจีน เฉาก๊วย เป็นคำจากภาษาจีนว่า เฉาท้วย แปลว่า ขนมหญ้า เนื่องจากทำจากพืชชนิดหนึ่งอยู่ในตระกูลโหระพา เมื่อแห้งจะมีลักษณะคล้ายหญ้า ขนมเฉาก๊วย ได้จากการนำต้นเฉาก๊วยแห้งมาต้ม จะได้น้ำที่มีลักษณะเป็นเมือกสีดำ กรองแล้วผสมแป้ง เช่น แป้งเท้ายายม่อม แป้งมันสำปะหลัง ตั้งทิ้งไว้จนเย็นจะมีลักษณะคล้ายวุ้น สีดำ มีกลิ่นหอม กินกับน้ำตาลทรายแดง หรือน้ำเชื่อม ใส่น้ำแข็ง มีสรรพคุณทางยา ช่วยขับเสมหะ และคลื่นไส้ เบื่ออาหาร และแก้อาการปวดหลัง เฉาก๊วยทำมาจากต้นเฉาก๊วยพืชในตระกูลเดียวกับสะระแหน่โดยมีต้นกำเนิดจากประเทศจีนและยังพบมากในประเทศจีนอีกด้วย คำว่า เฉาก๊วย คนไทยก็เรียกตามภาษาจีนแต้จิ๋ว เฉาก๊วยคือ การนำต้นเฉาก๊วยแห้งมาใส่ลงไปในน้ำ ต้มจนยางไม้และแพคตินละลายออกมาได้น้ำสีน้ำตาลดำ แล้วจึงนำมากรองเอาแต่น้ำไปผสมแป้ง สมัยก่อนนิยมใช้แป้งท้าวยายม่อมและแป้งมันสำปะหลัง ที่คนไทยนิยมรับประทานเป็นอาหารดับร้อน โดยสถานที่ตั้งบริษัท เฉาก๊วยชากังราว จำกัด คือ 141/3 บ่อสามแสน หมู่ 6 ตำบลหนองปลิง อำเภอเมือง จังหวัดกำแพงเพชร 62000 โทรศัพท์ 055-854-821 มีโรงงานพร้อมรองรับยอดการผลิตได้ถึง 70,000 ถุงต่อวัน และ 2 ล้านกว่าถุงต่อเดือน บนพื้นที่โรงงานทำเฉาก๊วยขนาด ประมาณ 3 ไร่
7 ภาพสถานที่ตั้งบริษัท เฉาก๊วยชากังราว.jpg

ภาพที่ 7 ภาพสถานที่ตั้งบริษัท เฉาก๊วยชากังราว

         แหล่งจัดจำหน่าย
         ช่องทางการจัดจำหน่ายของผลิตภัณฑ์เฉาก๊วยชากังราว ของจัดหวัดกำแพงเพชร มีหลายช่องทางให้สำหรับกลุ่มคนที่สนใจได้เลือกซื้อหา หลากหลายช่องทาง อาทิ ช่องทางเพจ เฟสบุ๊ค: แฟนเพจ  สามารถเข้าไปสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ ตลอด 24 ชั่วโมง ผลิตภัณฑ์เฉาก๊วยชากังราวยังมีช่องทางสำหรับแอพพลิเคชั่นไลน์ให้เลือกซื้อผลิตภัณฑ์เฉาก๊วยชากังราวอีกด้วย และสามารถแอดไลน์ ได้ที่ไลน์ : มะปราง_ริว และอีกหนึ่งช่องทางที่สามารถติดต่อสั่งซื้อ สามารถโทรได้ที่เบอร์โทรศัพท์ ที่หมายเลข 061-8849959 และสามารถติดต่อทางเพจและเบอร์โทรศัพท์ได้ตลอด เพราะทางผลิตภัณฑ์เฉาก๊วยชากังราวเปิดรับยอดตลอด 24 ชั่วโมง แสดงให้เห็นว่า จุดกระจายสินค้าของภาคกลาง จะอยู่ที่จังหวัดกรุงเทพมหานคร ส่วนภาคอีสาน อยู่ที่จังหวัดกาฬสินธุ์ ส่วนภาคเหนือ อยู่ที่จังหวัดน่าน เชียงใหม่ และเชียงราย และภาคใต้อยู่ที่จังหวัดสงขลา สามารถติดต่อสั่งซื้อได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางแอพพลิเคชั่นไลน์ และ ทางเพจเฟสบุ๊ค และ ทางเบอร์โทรศัพท์ ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

วัตถุดิบและผลิตภัณฑ์[แก้ไข]

         วัสดุที่ใช้ไนการผลิตเฉาก๊วยชากังราว
             1. หม้อต้มใหญ่ คือหม้อสำหรับต้มต้นเฉาก๊วยเพื่อให้ได้ยางเฉาก๊วยมา 
             2. กะละมัง คือกะละมังสำหรับล้างต้นเฉาก๊วยเพื่อเอาเศษดินออกจากต้นเฉาก๊วย 
             3. ถาดพักยางเฉาก๊วย คือถาดสำหรับพักยางเฉาก๊วยเพื่อให้ยางเฉาก๊วยเซตตัว 
             4. เครื่องป่นต้นเฉาก๊วย เครื่องป่นต้นเฉาก๊วยเพื่อให้ได้ยางออกมา
8 ภาพวัสดุการทำเฉาก๊วยชากังราว.jpg

ภาพที่ 8 ภาพวัสดุการทำเฉาก๊วยชากังราว

         แพ็คเกจจิ้งผลิตภัณฑ์
             1. ถุงใส่ผลิตภัณฑ์เฉาก๊วยชากังราว คือ ถุงบรรจุเฉาก๊วย
             2. ถุงกระสอบ คือ กระสอบไว้สำหรับบรรจุเฉาก๊วยถุงใหญ่
9 ภาพวัสดุการทำเฉาก๊วยชากังราว.jpg

ภาพที่ 9 ภาพวัสดุการทำเฉาก๊วยชากังราว

         วัตถุดิบในการผลิตเฉาก๊วยชากังราว
             1. ต้นเฉาก๊วย ใช้ต้นเฉาก๊วยในการผลิต
             2. นํ้ายางเฉาก๊วย ต้มต้นเฉาก๊วยเพื่อให้ได้น้ำยางเฉาก๊วยมา
             3. แป้งมันในอัตราส่วนยางเฉาก๊วย 8 ส่วนต่อแป้งมัน 2 ส่วน ของการผลิตนํ้ายางเฉาก๊วย
             4. นํ้าเปล่า ผสมนํ้าเปล่าในการผลิตเฉาก๊วย 
             5. นํ้าเชื่อม ผสมนํ้าเชื่อมในการผลิตเฉาก๊วย
             6. ใบเตย ใช้ใบเตยในการผลิตนํ้าเชื่อมเฉาก๊วย
         เฉาก๊วยเป็นพืชตะกูลเดียวกันกับสะระแหน่ กระเพรา โหรพา และแมงลัก เป็นพืชล้มลุกคลุมดินมีความสูงราว 15-100 ซม. ต้นเฉาก๊วย ซื้อจากประเทศอินโดนีเซีย ในราคากิโลกรรม 250 บาท ตันละ 250,000 บาท ทาง โรงงานจะผลิต 1 ตัน ต่อ 3 วัน และจะกักตุนในโรงงานทีละ 3 ตัน และกักตุนไว้ในโกดัง ครั้งละ 100 ตันต่อวัน จะผลิต 50,000 - 70,000 ชิ้นต่อวัน แต่เดิม ตอนที่ ดร.เสริมวุฒิ สุวรรณโรจน์ ได้เริ่มขายเฉาก๊วย เริ่มต้นราคาถุงละ 1-2 บาท เท่านั้น และ ราคาขายแบบแห้ง 1 กิโล 70-80 บาท และปัจจุบัน ราคาขายส่งถุงละ 8 บาท ราคาขาย 1 ถุงใหญ่ 120 บาท มี 10 ถุงเล็กด้านใน 1 ถุงเล็ก ราคา 95 บาท มีถุงเล็กด้านในเป็นเฉาก๊วยที่ใส่ถุงและใส่น้ำเชื่อม เรียกว่าเฉาก๊วยพร้อมทาน หรือ เฉาก๊วยสำเร็จรูป ดังรูปภาพที่ 10
10 ภาพผลิตภัณฑ์เฉาก๊วยชากังราว.jpg

ภาพที่ 10 ภาพผลิตภัณฑ์เฉาก๊วยชากังราว

ประเภทการใช้งาน[แก้ไข]

         - สามารถนำไปเป็นส่วนประกอบของนํ้าแข็งใสได้
         - สารมารถนำไปทำเป็นนํ้าเฉาก๊วยชาเขียว
         - สารมารถนำไปทำเป็นนํ้าเฉาก๊วยนมสด 
         - สารมารถนำไปทำเป็นนํ้าเฉาก๊วยชาไทย
11 ภาพที่นำเฉาก๊วยชากังราวมาเป็นส่วนประกอบ.jpg

ภาพที่ 11 ภาพที่นำเฉาก๊วยชากังราวมาเป็นส่วนประกอบ

สรรพคุณของเฉาก๊วยชากังราว[แก้ไข]

         รับประทานเป็นอาหารว่าง ช่วยลดความดันโลหิตสูง ช่วยลดนํ้าตาลในเลือด อาการไข้อาการอักเสบของกล้ามเนื้อและตับ แก้ร้อนในกระหายนํ้า ฯลฯ ข้ออักเสบ ตับอักเสบและเบาหวาน

กระบวนการผลิตขั้นตอนการใช้งาน[แก้ไข]

         การขยายพันธุ์ก็ทำได้ง่าย ๆ เพียงแค่นำต้นอ่อนของเฉาก๊วยมาปักชำลงในดิน เพียงเท่านี้ก็สามารถ เจริญเติบโตเองได้ตามธรรมชาติ โดยไม่ต้องมีการรดนํ้าพรวนดิน ใช้เวลาเพียงแค่ 4 เดือนก็สามารถเก็บเกี่ยวได้ แล้ว ภายในหนึ่งปีจึงสามารถปลูกและเก็บเกี่ยวต้นเฉาก๊วยได้มากถึง 2-3 ครั้ง แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะปลูกในพื้นที่ไหนก็ได้ แม้กระทั่งในประเทศเวียดนามเองก็ปลูกได้ดีแค่ทางภาคเหนือตอนบนเท่านั้น เพราะเฉาก๊วยเป็นพืชที่ชอบอากาศเย็นทั้งปี โดยเฉพาะที่เชิงเขาที่ดินมีลักษณะเป็นดินปนทราย ด้วยเหตุนี้ ประเทศไทยเราจึงปลูกเฉาก๊วยไม่ได้
         วิธีเก็บเกี่ยว
         เมื่อต้นเฉาก๊วยที่เจริญเติบโตได้ที่ ใบจะแข็งหนา และเริ่มออกดอก วิธีเก็บเกี่ยวจะดึงขึ้นมาทั้งราก จากนั้นนำไปตากให้แห้งสนิท จนต้นเปลี่ยนจากสีเขียวเป็นสีนํ้าตาลเข้ม แล้วตัดส่วนที่เป็นรากทิ้งไป จากนั้นจะถูกอัดเป็นแท่งขนาดใหญ่ 50-60 กิโลกรัม เพื่อความสะดวกในการขนส่ง 50% ของเฉาก๊วยประเทศเวียดนาม จะถูกส่งไปขายที่ประเทศจีน 30% ส่งไปขายที่ประเทศไทย ประเทศพม่า ประเทศกัมพูชา และประเทศลาว มีเพียงแค่ที่ 20% ที่บริโภคกันเองในประเทศ
12 ภาพการเก็บเกี่ยว.jpg
         วิธีทำเฉาก๊วยชากังราว
         ส่วนผสมหลักคือ น้ำเชื่อม และ ใบเตย เป็นส่วนผสม โดยนำต้นที่ตากแห้งมาต้มประมาณ 1-2 ชั่วโมง ให้ยางเฉาก๊วยออกมา แล้วกรองเศษเปลือกออก จากนั้นนำมาเคี่ยวอีก 3 ชั่วโมง แล้วกรองอีกครั้งค่อยผสมน้ำเชื่อมกวนจนเข้ากันดี กรองอีกครั้งก่อนกวนเป็นครั้งสุดท้าย แล้วเทใส่ถาดพักไว้จนแข็งตัว นำไปตัดและใส่บรรจุภัณฑ์ออกวางขาย ทำให้มีลูกค้าจากทั่วทุกสารทิศมานำไปทำเป็นของหวานขายต่ออีกทอดหนึ่ง หรือนำไปเพิ่มน้ำเชื่อม ใส่น้ำตาลทรายแดงกินเองก็อร่อยแล้ว เพราะเฉาก๊วยชากังราวการันตีรสชาตินุ่มเหนียวเคี้ยวเพลิน และยังให้รสชาติที่หวานกลมกล่อมอีกด้วย
13 ภาพการต้มเคี่ยวน้ำเฉาก๊วย.jpg

ภาพที่ 13 ภาพการต้มเคี่ยวน้ำเฉาก๊วย

         1. นำมาล้างให้สะอาดในเครื่องปัน คล้ายเครื่องซักผ้า ล้างเอาเศษดินออกให้หมด 3 รอบ
         2. จากนั้นจะนำไปตัมที่อุณหภูมิ 120 องศาเซลเซียส เคี่ยวไปประมาณ 2 ชั่วโมงเศษเพื่อดึงเอานํ้ายางออกมา ระหว่างที่ต้มก็จะคนไปเรื่อย ๆ เพื่อให้ต้นและใบของเฉาก๊วย นิ่ม เละ
         3. นำมาสกัดแยกนํ้ายางกับกากออกจากกัน นํ้ายางจะไหลไปอีกทางหนึ่ง ส่วนกากจะผ่านเครื่องบีบเอานํ้ายางออกให้หมด นํ้ายางส่วนนี้ต้องเอาไปกรองเอาเศษใบ ต้น สิ่งแปลกปลอมออกให้หมด ตอนนี้ยางเฉาก๊วยจะลื่น ๆ มีสีดำมันเงาตามธรรมชาติ ขั้นตอนนี้ถือว่าสำคัญมาก
         4. นํ้ายางเฉาก๊วยบริสุทธิ์จะถูกนำไปแปรรูปโดยการกวน โดยมีการผสมแป้งมันลงไปเป็นตัวช่วยให้นํ้ายางจับตัวเป็นก้อน ในอัตราส่วน ยางเฉาก๊วย 8 ส่วน ต่อแป้งมัน 2 ส่วน (โดยนํ้าแป้งมันไปละลายในนํ้าก่อน) เพราะยาง เฉาก๊วยจะไม่สามารถรวมตัวกันเป็นเนื้อเฉาก๊วยได้ แป้งมันจึงเป็นตัวช่วยยึดให้นํ้ายางรวมตัวกันกลายเป็นเนื้อ เฉาก๊วย โดยนํ้าแป้งมันไปละลายในนํ้าก่อนแล้วค่อยเติมลงไป ใช้เวลากวนนาน 45 นาที
         5. เมื่อยางเฉาก๊วยกลายเป็นเนื้อหยุ่น ๆ ก็จะถูกนำมาเทใส่ถาดขนาดใหญ่ ทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที พอเริ่มเย็นตัวลง ก็จะเซ็ตตัว จากนั้นนำไปใส่ในเครื่องตัดเป็นลูกเต๋าชิ้นเล็ก ๆ แล้วนำบรรจุในถุงพร้อมกับนํ้าเชื่อม เพียงเท่านี้ก็พร้อมที่จะส่งจำหน่ายไปทั่วประเทศ
14 ภาพภายในโรงงานการผลิตเฉาก๊วยชากังราว.jpg

ภาพที่ 14 ภาพภายในโรงงานการผลิตเฉาก๊วยชากังราว

ข้อมูลการสำรวจ[แก้ไข]

วันเดือน'ปีที่สำรวจ[แก้ไข]

         26 สิงหาคม 2563

วันปรับปรุงข้อมูล[แก้ไข]

         1 ตุลาคม 2563

ผู้สำรวจข้อมูล[แก้ไข]

         นายจักรพงศ์  พลกล้า
         นางสาวอรพรรณ ศรวิลัย 
         นายสหรัฐ บุญยืด 

คำสำคัญ[แก้ไข]

         เฉาก๊วย, กำแพงเพชร, เฉาก๊วยชากังราว