ฐานข้อมูล เรื่อง พระมหาอภิชาติ กิตฺติวรญฺญู

จาก KPPStudies
ไบยังการนำทาง ไปยังการค้นหา

ข้อมูลทั่วไป[แก้ไข]

ชื่อบุคคล[แก้ไข]

         พระมหาอภิชาติ กิตฺติวรญฺญู

ตำแหน่ง[แก้ไข]

         เจ้าอาวาสวัดทุ่งสนุ่นรัตนาราม
         เจ้าคณะตําบลระหาน-เทพนิมิต เขต 1
         ประธานสภาวัฒนธรรมอําเภอบึงสามัคคี
         ประธานหน่วยอบรมประชาชนประจําตําบล
         ผู้อํานวยการสถานีวิทยุคนมีบุญ fm 105.25mh.z
          พระอุปัชฌาย

วัน/เดือน/ปีเกิด[แก้ไข]

         วันที่ 7 มกราคม 2526

ภูมิลำเนา[แก้ไข]

         เกิดที่บ้านท่ามะเดื่อ ต.ท่ากระเสริม อ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น

อาชีพ[แก้ไข]

         เจ้าอาวาสวัดทุ่งสนุ่นรัตนาราม
         เจ้าคณะตําบลระหาน-เทพนิมิต เขต 1
         ประธานสภาวัฒนธรรมอําเภอบึงสามัคคี
         ประธานหน่วยอบรมประชาชนประจําตําบล
         ผู้อํานวยการสถานีวิทยุคนมีบุญ fm 105.25mh.z
         พระอุปัชฌาย

ที่อยู่[แก้ไข]

         ต.ระหาน อ.บึงสามัคคี จ.กำแพงเพชร

ข้อมูลเชิดชูเกียรติ[แก้ไข]

ชีวประวัติ/ความเป็นมา[แก้ไข]

         ชื่อเดิมคือ อภิชาติ นามสกุล ลาดพันนา ท่านเกิดเมื่อวันที่ 7 มกราคม 2564 ที่ บ้านท่ามะเดื่อ ต.ท่ากระเสริม อ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น  ในวัยเด็กเป็นผู้มีความศรัทธาในพระพุทธศาสนามาก คือปรารถนาจะบวชมาโดยตลอด มีความพิเศษกว่าเด็กรุ่นราวคราวเดียวกัน คือ สนใจพระพุทธศาสนามาก ชอบวาดรูปพระพุทธเจ้า ชอบปั้นพระพุทธรูปดินเหนียวเมื่อเวลาไปเลี้ยงควายตามท้องนาบ้าง สวดมนต์ทำวัตรเช้า-เย็น แปลได้ตั้งแต่อายุ 9 ขวบ เมื่อจบชั้น ป.6 แล้ว เลยบวชสามเณรภาคฤดูร้อน ณ วัดอุทุมพร บ้านท่ามะเดื่อ ภายหลังเมื่อทราบผลสอบว่า ท่านสอบติดโรงเรียนมัธยมประจำจังหวัด โยมแม่จึงจะให้ลาสิกขา แต่ท่านก็ยังไม่ยอมลาสิกขา ด้วยปณิธานอันแน่วแน่ที่จะบวชเรียน โยมพ่อก็เลยพาไปฝากเรียนที่ วัดตาลเรียง บ้านผือ ต.พระลับ อ.เมือง จ.ขอนแก่น บวชเณรได้ 2 ปี ก็สอบเป็น “มหา”ได้ตั้งแต่อายุ 14 ปี เมื่ออายุได้ 17 ปี จึงย้ายสำนักเรียนไปศึกษาต่อที่ จ.แพร่ ในสังกัดวัดทุ่งกวาว เป็นระยะเวลา 4 ปี เมื่อมีอายุครบ 21 ปีจึงกลับมาอุปสมบทเป็นพระภิกษุที่ จ.ขอนแก่น บ้านเกิดของท่าน
         อุปสมบทเมื่อวันที่ 1 เมษายน 2543 ขณะมีอายุได้ 21 ปี ณ วัดบ้านหนองกุง อ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น มีพระราชปริยัติโสภณ (ถนอม ชินวํโส ป.ธ.6) รองเจ้าคณะจังหวัดขอนแก่น (ในขณะนั้น) เป็นพระอุปัชฌาย์ ปัจจุบันท่านเลื่อนสมณศักดิ์เป็น พระเทพวิสุทธิคุณ เจ้าคณะจังหวัดขอนแก่น ภายหลังจากอุปสมบทแล้วก็กลับไปศึกษาต่อที่ จ.แพร่ จบการศึกษาระดับปริญญาตรีจาก มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย สาขารัฐศาสตร์(การเมืองการปกครอง) และระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพครู จากสถาบันเดียวกัน (พระมหาอภิชาติ กิตฺติวรญฺญู, การสัมภาษณ์, 23 สิงหาคม 2564)
         เมื่อ พ.ศ.2547 ท่านเดินทางมาศึกษาต่อในระดับปริญญาโท ที่มหาวิทยาลัยนเรศวร จ.พิษณุโลก ญาติโยมที่เป็นเครือญาติของท่าน ที่อพยพมาอยู่บ้านทุ่งสนุ่น กำแพงเพชร เมื่อหลายสิบปีมาแล้ว ได้ทราบข่าวว่าท่านมีความลำบากในการเดินทางไปกลับระหว่าง แพร่-พิษณุโลก ประกอบกับเจ้าอาวาสวัดทุ่งสนุ่นรัตนารามขณะนั้น อาพาธด้วยโรคประจำตัว ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่เจ้าอาวาสได้เต็มที่ จึงพร้อมใจกันไปนิมนต์ท่านมาพักจำพรรษาที่วัดทุ่งสนุ่นรัตนาราม พร้อมกับเรียน ปริญญาโท ที่ ม.นเรศวรไปด้วย หลังจากมาอยู่ที่นี่ได้2เดือนกว่าเจ้าอาวาสรูปเดิมซึ่งป่วยมานานแล้ว ก็ถึงแก่มรณภาพ ท่านเลยได้เป็นรักษาการเจ้าอาวาสวัดทุ่งสนุ่นรัตนาราม ตั้งแต่กลางพรรษาปี 2547 และในปี 2548 จึงดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดทุ่งสนุ่นรัตนาราม และนับว่าเป็นสถิติเจ้าอาวาสที่อายุน้อยที่สุด (26ปี) ของจังหวัดกำแพงเพชร  ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา
ประวัติการศึกษา
         พ.ศ.2545    เปรียญธรรม7 ประโยค
         พ.ศ.2545    พุทธศาสตร์บัณฑิต (พธ.บ) สาขา รัฐศาสตร์ (เกียรตินิยม) จาก มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย
         พ.ศ.2546    ประกาศนียบัตรวิชาชีพครู (ปวค.) จาก  มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย
         พ.ศ.2549    ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต (ศศ.ม.) สาขา พัฒนาสังคม จาก มหาวิทยาลัยนเรศวร จ.พิษณุโลก (พระมหาอภิชาติ กิตฺติวรญฺญู, การสัมภาษณ์, 23 สิงหาคม 2564)
ภาพที่ 1 พระมหาอภิชาติ กิตฺติวรญฺญู.jpg

ภาพที่ 1 พระมหาอภิชาติ กิตฺติวรญฺญู (วัดทุ่งสนุ่นรัตนาราม, 2563)

ความชำนาญ/ความสนใจ[แก้ไข]

         เป็นนักพัฒนาในเรื่องของประเพณีวัฒนธรรมของคนอีสานล้างช้าง

ผลงานสำคัญ/ที่สร้างชื่อเสียง[แก้ไข]

         ฟื้นฟูประเพณีบุญผะเหวดจากการจัดรายการวิทยุ จุดเริ่มต้นบุญผะเหวดวัดทุ่งสนุ่น ในตอนแรกวัดมีบุญเดือน3ของวัดมานานแล้วแล้วถูกยกเลิกไปไม่ให้ทำ พอปี พ.ศ. 2552 ได้ตั้งสถานีวิทยุ ได้จัดรายการพูดเป็นภาษาอีสาน เพราะชาวบ้านแถวนั้นเป็นคนลาว แล้วมีคนโทรศัพท์เข้ามา มาว่าตำหนิ ทำไมต้องพูดอีสานทำไมต้องพูดลาวด้วย วัดทุ่งสนุ่นอยู่กำแพงเพชรทำไมต้องพูดภาษาอีสานด้วย พูดภาษาภาคกลางสิครับ และได้เกิดกระแสสังคมขึ้นมา ว่าเขาไม่ฟังก็เรื่องของเขาไม่ต้องสนใจให้จัดรายการภาษาอีสานแบบเดิมดีแล้ว ทางวัดจึงได้ตามหาเบอร์คนที่โทรเข้ามาว่าเด็กคนนี้เป็นใคร จึงโทรไปแต่เป็นแม่ที่รับสายของเด็กคนนั้นแม่ได้พูดภาษาลาวกับพระอาจารย์ จึงเป็นจุดเปลี่ยนที่ว่าลูกหลานบ้านทุ่งสนุ่นลืม วัฒนธรรมหมดแล้ว ก็เลยจุดประกายว่าไม่ได้ละปล่อยให้เป็นตำนานไม่ได้ให้หายไปไม่ได้พวกชนเผาที่อยู่ที่นี้ต้องมีตัวตน พระอาจารย์ต้องสืบหาที่รีวิวที่อยู่บ้านทุ่งสนุ่น ได้เจอประเพณี ประจำปีของเดือน 3 พระอาจารย์ได้ลื้อ บุญทั้ง 12 ที่บ้านทุ่งสนุ่นเคยทำ ทั้ง 12 เดือน เดือน1 ทำอะไรบ้าง เดือนยี่ทำอะไรบ้าง เดือน3-4 มีนาคม เขามีบุญประจำปีของเขาตรงกับ บุญผะเหวด พอดีก็เลยลื้อเฝื่อนขึ้นมาให้หมดทั้ง12 เดือน และได้จัดเป็นงานบุญผะเหวดวัดทุ่งสนุ่นขึ้นมา และวัดทุ่งสนุ่นจะจัดขบวนบุญผะเหวดจะไม่มีตายตัวว่าในขบวนนั้นจะมีอะไรบ้าง จะปรับเปลี่ยนไปทุกปีว่าปีนี้มีเหตุสำคัญอะไรเกิดขึ้น แล้วจะปรับขบวนไปตามปีนั้นๆ จะแตกต่างกับบุญผะเหวดในจังหวัดร้อยเอ็ด บุญผะเหวดที่ร้อยเอ็ดจะเป็นขบวนตามเรื่อง แต่บุญผะเหวดกำแพงเพชรวัดทุ่งสนุ่นจะเป็นไปตามแต่ละปีที่สำคัญ อย่างปีนี้เกี่ยวกับโควิด จะต้องเปลี่ยนรูปขบวนแห่ทั้งหมดให้เป็นปัจจุบันไปด้วยแต่ว่าจะมีกี่ขบวน อย่างปกติจะมีประมาณ 12-13 ขบวน แต่ถ้าเป็นช่วงนี้ก็ขบวนจะน้อยลง (พระมหาอภิชาติ กิตฺติวรญฺญู, การสัมภาษณ์. เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2564)
ภาพที่ 2 งานบุญผะเหวดวัดทุ่งสนุ่นรัตนาราม.jpg

ภาพที่ 2 งานบุญผะเหวดวัดทุ่งสนุ่นรัตนาราม (วัดทุ่งสนุ่นรัตนาราม, 2563)

         หลายคนคงจะสงสัยอยู่ว่าคำว่า "ผะเหวด" มีความหมายอย่างไร คำว่า "ผะเหวด" นั้นเป็นการออกเสียงตามสำเนียงอีสาน มาจากคำว่า "พระเวส" หมายถึงพระเวสสันดร งานบุญผะเหวดเป็น 1 ในประเพณี 12 เดือน หรือ ฮีตสิบสอง ของชาวอีสาน (การทำบุญประเพณี 12 เดือน) โดยพระเพณีนี้จะจัดขึ้นในเดือนที่ 4 ของไทยหรือเดือนมีนาคม โดยกำหนดจัดงานในวันเสาร์และอาทิตย์แรกของเดือนมีนาคมทุกปี ประเพณีบุญผะเหวดหรือบุญเดือนสี่นั้น สะท้อนให้เห็นถึง ความศรัทธาอันแรงกล้าในพระพุทธศาสนา ซึ่งชาวอีสานยึดถือและปฏิบัติกันมาช้านานและอย่างเคร่งครัด เพราะถือว่าเป็นงานบุญใหญ่ที่สุดก็ว่าได้ การจัดงานบุญผะเหวดนั้นอยู่ที่การเทศน์เรื่องพระเวสสันดรชาดกหรือเทศน์มหาชาติ มีจำนวนทั้งหมด 13 กัณฑ์ 
ภาพที่ 3 ชูชก กัณหา ชาลี.jpg

ภาพที่ 3 ชูชก กัณหา ชาลี (วัดทุ่งสนุ่นรัตนาราม, 2563)

         โดยชาวอีสานมีความเชื่อว่าถ้าหากว่าฟังเทศน์ครบทั้งหมดวันเดียว และจัดเตรียมเครื่องคาย (บูชา) ได้ถูกต้อง ก็จะได้เกิดในศาสนาพระอริยเมตไตรย แต่ถ้าหากตั้งเครื่องคาย (บูชา) ไม่ถูกต้อง จะทำให้เกิดอาเพศและสิ่งไม่ดีต่างๆ ตามมา จึงทำให้ทุกคนในหมู่บ้าน ให้ความสำคัญกับงานนี้อย่างมาก โดยจะมาทำพิธีร่วมกันอีกประการหนึ่ง คือ เพื่อระลึกถึงพระเวสสันดร พระโพธิสัตว์ผู้บำเพ็ญเพียรบารมีชาติสุดท้ายของพระองค์ก่อนจะเสวยชาติ และตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าในภายหลัง นอกจากการฟังเทศน์มหาชาติแล้ว ประเพณีนี้ยังได้แฝงความเชื่อหลายประการไว้ด้วย คือ ความเชื่อในเรื่องพระอุปคุต อันเป็นพระผู้รักษาพิธีต่างๆ ให้ดำเนินไปอย่างราบรื่นตังแต่ต้นจนจบ โดยเชื่อกันว่าในการทำบุญแต่ละครั้งจะมีมารเข้ามาขัดขวางทำลายพิธี ชาวพุทธจึงต้องนิมนต์พระอุปคุตมาร่วมพิธีด้วย เพื่อช่วยขจัดอันตรายต่างๆ และเกิดความสวัสดิมงคลอีกด้วย การนิมนต์พระอุปคุตจะเริ่มทำก่อนวันเทศน์มหาชาติหนึ่งวัน เรียกว่า "มื้อโฮม (วันสุกดิบ)" ในตอนบ่ายจะทำพิธีแห่พระเวสส์ (พระเวสสันดร) เข้าเมือง หลังจากนั้นจะนิมนต์พระอุปคุตมาสถิต ณ บริเวณพิธี โดยมีขบวานแห่ดอกไม้ ธูป เทียน ขันห้าหรือขันแปด ไปยังสระน้ำที่อยู่ใกล้ๆ แล้วผู้อาวุโสจะหยิบก้อนหินจากสระน้ำถาม 3 ครั้ง ก่อนจะนำหินมาสถิตๆ ไว้ยัง "หอพระอุปคุต" (สมมุติว่าหินนั้นเป็นพระอุปคุต) โดยกำหนดหอพระอุปคุตเป็นศาลเพียงตา หรือทำหิ้งบูชาอยู่ในมณฑลพิธี ซึ่งจะมีเครื่องบูชาต่างๆ ได้แก่ บาตรพระ, ขันห้าหรือขันแปด, ผ้าไตรจีวร, พานหมากและพานยาสูบ, ร่มกางกันแดด, น้ำดื่มและกระโถน วางไว้ บุณผะเหวด หรือที่เรียกกันโดยทั่วไปว่า บุญมหาชาติ เป็นประเพณีบุญตามฮีตสิบสองของชาวอีสาน แต่ถ้าถือเป็นเรื่องทาน ก็เป็นประเพณีการบริจาคทานครั้งยิ่งใหญ่ ในตำนานฮีตสิบสอง ได้กล่าวถึงการทำบุญผะเหวด ไว้ว่า "ฮอดเดือน 4 ให้พากันเก็บ ดอกจาน สานบั้งไม้ไผ่เสียบดอกจิก ..." ก็พอจะอนุมานได้ถึงสภาพทั่วไปของชาว อีสานว่า ดอกจิก ดอกจาน บานราวต้นเดือนสาม พุทธศาสนิกชนจะเก็บดอกไม้เหล่านี้ มาร้อยเป็นมาลัยเพื่อตกแต่งศาลาการเปรียญสำหรับบุญมหาชาตินี้เอง และในงานนี้ ก็จะมีการเทศน์มหาชาติ ซึ่งถือว่าเป็นงานอันศักดิ์สิทธิผู้ใดฟังเทศน์มหาชาติจบภายในวันเดียว และบำเพ็ญคุณงามความดี จะได้อานิสงส์ ไปเกิดในภพพระอริยเมตไตรย์ ชาวอีสาน จะจัดทำบุญผะเหวด ปีละหนึ่งครั้ง ระหว่างเดือน 3 เดือน 4 ไปจนถึงกลางเดือน 5 โดยจะมีวันรวม ตามภาษาอีสาน เรียกว่า วันโฮมบุญ พุทธศาสนิกชนมาช่วยกันจัดตกแต่งศาลา หรือสถานที่ที่จะทำบุญ จัดเตรียมเครื่องสักการะ ดอกไม้ ธูปเทียน ข้าวตอก อย่างละพันก้อน มีการตั้งธงใหญ่ ไว้แปดทิศ และมีศาลเล็กๆ เป็นที่เก็บข้าวพันก้อน และเครื่องคาวหวาน สำหรับ ผี เปรต และมาร รอบๆ ศาลการเปรียญจะแขวน ผ้าผะเหวด เป็นเรื่องราวของพระเวสสันดร ตั้งแต่กัณฑ์ที่ 1 ถึงกัณฑ์สุดท้าย (สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดหนองคาย, 21 ตุลาคม 2556)
         สร้างพระธาตุข้าวเปลือกในวัดทุ่งสนุ่นจะมีพระธาตุที่ทำจากข้าวเปลือกเกิดจากชาวบ้านที่นำข้าวเปลือกมาถวายในทุกปีเป็นการทำบุญชื่อว่าคูณลานเป็นบุญที่ชาวบ้านจะเอาข้าวเปลือกมาถวายวัดโดยเอาข้าวเปลือกมากองๆ เหมือนเราก่อเจดีทราย ของเลยเรียกว่าข้าวทรายหรือเจดีข้าวเปลือก ช่วง กุมภาพันธ์-มีนาคม แต่ตามประเพณีก็จะจัดในเดือน 2 ต้น ๆกลางๆ กุมภาพันธ์ เอาข้าวเปลือกมากองเหมือนที่เขาเอาข้าวไปขายตามโรงสีตามลานข้าวต่างๆ พระอาจารย์เลยเอามาแปลงกองข้าวเปลือกธรรมดามาแปลงดูว่าถ้าจริง ๆ เราจะทำอย่างไรให้มันเป็นเจดีจริง ๆ เลยก็เลยออกแบบคิดค้นวิธีการทำจนกลายเป็นข้าวเปลือกธรรมดาจนกลายมาเป็นรูปสามเหลี่ยมกลายเป็นเจดีหรือพระธาตุข้าวเปลือกแท้ ๆ จริงขึ้นมาอย่างที่เห็นในสื่อ (พระมหาอภิชาติ กิตฺติวรญฺญู, การสัมภาษณ์, 23 สิงหาคม 2564)
ภาพที่ 4 พระธาตุข้าวเปลือก.jpg

ภาพที่ 4 พระธาตุข้าวเปลือก (วัดทุ่งสนุ่นรัตนาราม, 2564)

         สร้างนาบุญ วัดมีที่นาเก่าอยู่แล้วที่ทำนา แต่ให้ชาวบ้านเขาเช่า ที่นี้ด้วยว่ามันเป็นที่ดินของวัดแล้วตอนนั้น พระเจ้าอยู่หัว ร.9 สวรรคตทางวัดมีความคิดที่จะทำเกษตรแบบใหม่อยู่แล้ว แต่ชาวบ้านเช่าอยู่เลยทำอะไรไม่ได้พอ พระเจ้าอยู่หัว ร.9 สวรรคต จึงมีการสวดอภิธรรมทุกคืน ๆ และได้เงินจากที่ชาวบ้านร่วมกันถวายได้มาประมาณ 1 แสนกว่าบาท ก็เลยเอาเงินส่วนนี้ไปพัฒนา นา ของวัดเป็นเกษตรทฤษฎีใหม่ เป็นโคกหนองนาโมเดล พอออกสื่อดังกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวขึ้นมาก็เลยกลายเป็นจุดเช็คอินที่ท่องเที่ยวเป็นแลนมาร์คที่บึงสามัคคีเป็นเมืองไม่มีป่าเขาหรือน้ำตกอะไรอย่างเรามีแต่ทุ่งนา ที่เป็นทุ่งนาที่ทำได้ทั้งปี ถ้าเป็นจังหวัดอื่นจะมีข้าวแค่ฤดูเดียวเท่านั้นที่จะได้เห็น ถ้าไปหน้าแล้งจะไม่มีข้าวให้คนดูแล้วก็จะเป็นสระพานธรรมดาแต่นาบุญจะมีข้าวให้ดูทั้งปีเพราะที่นี้ทำนาได้ปีละ 3 ครั้ง เพราะฉะนั้นการทำบุญ เอาจุดด้อยมาเป็นจุดเด่น ที่อื่นไม่มีแบบเราเพราะเราอุดมสมบูรณ์ด้วยน้ำตลอด ทั้ง 3 ฤดูกาลตลอดทั้งปี ก็เลยกลายเป็นที่ท่องเที่ยวที่เช็คอินที่สวยงามขึ้นมา (พระมหาอภิชาติ กิตฺติวรญฺญู, การสัมภาษณ์, 23 สิงหาคม 2564)
ภาพที่ 5 นาบุญ.jpg

ภาพที่ 5 นาบุญ (นาบุญวัดทุ่งสนุ่นรัตนาราม, 2561)

ภาพที่ 6 สะพานนาบุญ.jpg

ภาพที่ 6 สะพานนาบุญ (สะพานบุญวัดทุ่งสนุ่นรัตนาราม, 2561)

         โครงการต้นกล้าศาสน์ศิลป์ พระอาจารย์ได้ตั้งมา พ.ศ. 2560  มาเรียนพิเศษ ในโครงการพี่สอนน้องไปขอความร่วมมือจากนักเรียน โรงเรียนระหาน ส่งครูหรือนักเรียนมาสอนเด็กก็เลยพัฒนามาเลื่อย ๆ จนมาในปี พ.ศ.2561-2562 ประมาณ 3 ปีที่แล้วก็เลยไปคุยกับ ราชภัฏกำแพงเพชรกับ (ชื่ออาจารย์เอ)  ก็เลยไปประชุมกับ ราชภัฏกำแพงเพชรและวัฒนธรรมจังหวัดกำแพงเพชรคุยกับท่านรองอภิการบดีอยากให้ทางวัฒนธรรมจังหวัดกำแพงเพชร ได้มีเด็กที่เรียนพิเศษที่เรียนที่วัดมีอยู่แล้ว อยากให้ทางราชภัฏได้มาสอนพื้นฐานให้ อาจารย์เอ ก็ได้พาอาจารย์ (อาจารย์ที่สอนโปงราง ไม่รู้ชื่อ) ได้สอนพื้นฐานได้หนึ่งเทอมทุกวันอาทิตย์ เด็กก็ได้เรียนภาษาจีน จะมีน้องๆจาก ราชภัฎกำแพงเพชรมาสอนและก็จะได้เรียนโปงรางดนตรีพื้นบ้านกลองยาวพอปูพื้นฐานได้แล้ว ในปีทัดมาไม่มีงบประมาณมา ชาวบ้านเลยหางบประมาณมาสอนกลองยาวโปงรางของจังหวัดกาฬสินธุ์มาสอนก็เลยกลายเป็นวงโปงรางเยาวชน อายุไม่เกิน 15 ปี จะมีวงเดียวในจังหวัดกำแพงเพชร ตอนนี้มี โรคโควิดยังคิดอะไรไม่ออก ที่ตั้งเป้าหมายไว้คือ เราจะทำแบบเหมือนว่าตลาดวัฒนธรรมหรือถนนคนเดินวัดทุ่งสนุ่นแต่ติด ที่มีโรคโควิดเปิดไม่ได้ทำแบบ มีบูธสินค้ามาออกงานของดีแต่ละ อำเภอหรือของแต่ละหมู่บ้าน วันศุกร์-เสาร์ โดยที่ทุ่งสนุ่นมีจุดขายบริเวรวัดก็เป็นจุดตรงถนนตอนคืนจะมีคนมีกราบพระ มีของกินเทศกาลและจะมีการแสดงวัฒนธรรมประเพณีให้กับนักท่องเที่ยวที่มางาน”(พระมหาอภิชาติ กิตฺติวรญฺญู, การสัมภาษณ์. เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2564)
ภาพที่ 7 เด็กโครงการต้นกล้าศาสน์ศิลป์.jpg

ภาพที่ 7 ด็กโครงการต้นกล้าศาสน์ศิลป์ (วัดทุ่งสนุ่นรัตนาราม, 2563)

         สร้างรูปปั้นพญานาคราชแห่งลุ่มแม่น้ำปิง คือ พญาวิรูปักโขนาคาธิราช และ พญานพเกตุนาคินีเทวีที่งดงาม 
ภาพที่ 7 รูปปั้นพญานาคราชแห่งลุ่มแม่น้ำปิง.jpg

ภาพที่ 8 รูปปั้นพญานาคราชแห่งลุ่มแม่น้ำปิง (วัดทุ่งสนุ่นรัตนาราม, 2562)

         สร้างโรงพยาบาลสนาม พัฒนาพื้นที่ “นาบุญ” บนเนื้อที่ทั้งสิ้น 13 ไร่ เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมจุดแลนด์มาร์กของ อ.บึงสามัคคี จ.กำแพงเพชร และเป็นจุดที่พระสงฆ์จะใช้จำวัด-ปฏิบัติธรรม ที่เคยมีผู้เดินทางมาท่องเที่ยวและปฏิบัติธรรมต่อปีนับหมื่นคน กระทั่งเกิดโควิด-19 ระบาดก็งดให้นักท่องเที่ยวเข้าใช้บริการ มีเพียงการทำภารกิจของพระสงฆ์เท่านั้น พระมหาอภิชาติ เจ้าอาวาสวัดทุ่งสนุ่นรัตนาราม อ.บึงสามัคคี กล่าวต่ออีกว่า “อาตมามีความประสงค์ที่จะยกพื้นที่นาบุญให้กับทางเทศบาลตำบลระหาน และอำเภอบึงสามัคคี ใช้เป็นสถานที่สำหรับกักตัวผู้สัมผัสเสี่ยงสูงที่เดินทางมาจากกรุงเทพฯ และปริมณฑล ตามมาตรการรับผู้ป่วยกลับภูมิลำเนารักษาโรคโควิด-19 ทั้งนี้ ได้ให้พระสงฆ์เตรียมเครื่องนอน พัดลม และเครื่องอำนวยความสะดวกต่างๆ ทำความสะอาดบริเวณพื้นที่ ทั้งห้องพัก ห้องน้ำ ไว้รองรับการกักตัว ซึ่งหากผู้ติดเชื้อเดินทางมาพักและกักตัวก็จะได้อยู่ท่ามกลางบรรยากาศที่เป็นธรรมชาติกลางทุ่งนาห่างไกลชุมชน เหมาะสมแก่การกักตัวจนครบ 14 วัน นอกจากนี้ อาตมาจะมอบอาหารเช้าและอาหารเพลที่ได้ไปบิณฑบาตมาแก่ญาติโยมที่มากักตัวด้วย เดิมทางหน่วยงานรัฐในพื้นที่ใช้อาคารหลังเก่าของเทศบาลตำบลระหาน ใกล้กับศูนย์พัฒนาเด็กเล็กในชุมชนเป็นสถานที่กักตัวผู้ติดเชื้อ หากมาใช้พื้นที่นาบุญนี้แทนก็จะทำให้ผู้ปกครองและคนในพื้นที่คลายกังวลลงไปได้ เพราะไม่ได้อยู่ใกล้ชุมชนและเด็กๆ ทำให้ลดความเสี่ยงด้วย “ทางเทศบาลตำบลระหานและเจ้าหน้าที่สาธารณสุขฯ ได้เข้ามาขอใช้พื้นที่นาบุญ ซึ่งอาตมาก็เห็นด้วย เพราะคิดว่าสถานการณ์แบบนี้พระไม่ทิ้งโยมแน่นอน (ผู้จัดการออนไลน์, 2564)
ภาพที่ 10 โรงพยาบาลสนาม.jpg

ภาพที่ 9 โรงพยาบาลสนาม (ผู้จัดการออนไลน์, 2564)

ผลงาน/เกียรติคุณ/รางวัลอื่น ๆ[แก้ไข]

         พ.ศ.2552 สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ เจ้าคณะใหญ่หนเหนือ มอบรางวัลหน่วยอบรมประชาชนประจำตำบลดีเด่น ระดับอำเภอ  
         พ.ศ.2553 กระทรวงสาธารณสุข ถวายโล่ วัดส่งเสริมสุขภาพดีเด่นระดับประเทศ สำนักงานสาธารณะสุขจังหวัดกำแพงเพชร สุดยอดส้วมแห่งปีระดับจังหวัด สภาผู้แทนราษฎร ถวายรางวัล พุทธคุณูปการ ประเภท รัชตะเกียรติคุณ 
         พ.ศ.2555 สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาสยามบรมราชกุมารี ถวายรางวัลผู้ทำคุณประโยชน์แก่พระพุทธศาสนา เสาเสมาธรรมจักร  สาขา การเผยแผ่พระพุทธศาสนาในประเทศ
         พ.ศ.2556 สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ เจ้าคณะใหญ่หนเหนือ มอบ พัดเชิดชูเกียรติ หน่วยอบรมประชาชนประจำตำบลดีเด่น ระดับอำเภอ  รางวัลรายการวิทยุวัฒนธรรมดีเด่น จาก กระทรวงวัฒนธรรม
         พ.ศ.2557 1.สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ เจ้าคณะใหญ่หนเหนือ มอบ พัดเชิดชูเกียรติ หน่วยอบรมประชาชนประจำตำบลดีเด่นระดับประเทศ จัดโดย สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ 2.สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาสยามบรมราชกุมารี ถวายรางวัลผู้ทำคุณประโยชน์แก่พระพุทธศาสนาเสาเสมาธรรมจักร สาขา องค์กร สมาคม มูลนิธิ หน่วยงานที่ส่งเสริมกิจกรรมพระพุทธศาสนา (สถานีวิทยุคนมีบุญ)
         พ.ศ.2558 ชนะเลิศ หมู่บ้านแผ่นดินธรรมแผ่นดินทองระดับจังหวัด จาก แม่ทัพภาคที่ 3
         พ.ศ.2562 หมู่บ้านรักษาศีลห้าดีเด่นระดับประเทศ จาก สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พระมหาอภิชาติ กิตฺติวรญฺญู, การสัมภาษณ์, 23 สิงหาคม 2564)

แนวทางการปฏิบัติ/การดำเนินชีวิต[แก้ไข]

         พระมหาอภิชาติ กิตฺติวรญฺญู เป็นพระมีวิสัยทัศน์ที่ทันสมัย เข้าถึงโลกเข้าถึงธรรม หมายความว่า เป็นพระที่เข้าใจหลักธรรมคำสอนของพระพุทธศาสนาอย่างแตกฉาน มีปฏิภาณในการเผยแผ่แสดงธรรม เข้าถึงได้ทุกเพศทุกวัย เอาใจใส่เข้มงวดในข้อวัตรปฏิบัติธรรมของพระสงฆ์ และยังสามารถนำหลักธรรมคำสอนเหล่านั้นมาประยุกต์สอดแทรกเข้าในความรู้ด้านศิลปวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ ขนบธรรมเนียมจารีตประเพณี รวมถึงวิทยาการสมัยใหม่ในโลกปัจจุบัน จนทำให้อำเภอบึงสามัคคี จ.กำแพงเพชร เป็นที่รู้จักมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การพื้นฟูประเพณีที่ดีงามของชาวบ้าน อนุรักษ์ไว้คู่ขนานกับโลกสมัยใหม่ รวมทั้งถ่ายทอดไปยังเด็กและเยาวชนในท้องถิ่นหมู่บ้านของตน จากเดิมที่คนไทยหลายล้านคนรู้จักจังหวัดกำแพงเพชรในความเป็นเมืองมรดกโลกมีประวัติศาสตร์ยาวนานหลายร้อยปี มีทรัพยากรป่าไม้ น้ำตกที่สวยงามยิ่งใหญ่ เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แต่...ปัจจุบันนี้คนไทยเริ่มรู้จักจังหวัดกำแพงเพชรในด้านความเป็นเมืองพหุวัฒนธรรม มากขึ้นๆ แทบไม่น่าเชื่อเลยว่า ทุกอำเภอของจังหวัดกำแพงเพชรมีชาวล้านช้างอาศัยอยู่ที่นี่ ยังคงมีการพูดภาษาลาว ฟังหมอลำ ชอบเสียงแคนแห่แคนวง และยังคงมีพระภิกษุรูปหนึ่งที่คอยประคับประคองฟื้นฟู อนุรักษ์ และถ่ายทอดศิลปวัฒนธรรมของชาวล้านช้างจังหวัดกำแพงเพชรเหล่านี้เอาไว้เป็นอย่างดี ส่งเสริมให้โดดเด่นเป็นที่รู้จักมากขึ้น ทั้งนี้ เพื่อดำเนินตามพระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ว่า “ การรักษาวัฒนธรรมคือการรักษาชาติ” (พระมหาอภิชาติ กิตฺติวรญฺญู, การสัมภาษณ์, 23 สิงหาคม 2564)

ข้อมูลการสำรวจ[แก้ไข]

แหล่งอ้างอิง[แก้ไข]

นาบุญวัดทุ่งสนุ่นรัตนาราม. (2561). นาบุญวัดทุ่งสนุ่นรัตนาราม จ.กำแพงเพชร. [Facebook]. เข้าถึงได้จาก https://www.facebook.com/Naboon.kpp/photos/a.435320520284221/514393009043638/
ผู้จัดการออนไลน์. (2564). สาธุ! วัดดังกำแพงเพชรเปิด “กุฏินาบุญ” รับผู้ป่วยโควิดรอเตียง-แรงงานกักตัวบ้านเกิด. เข้าถึงได้จาก https://mgronline.com/local/detail/9640000065072
วัดทุ่งสนุ่นรัตนาราม. (2562, 19 พฤษภาคม). พิธีเวียนเทียน วันวิสาขบูชา. [Facebook]. เข้าถึงได้จาก https://www.facebook.com/media/set/?set=a.2422196104484033&type=3
----------. (2563, 12 กรกฎาคม). พิธีปฐมนิเทศ ต้นกล้าศาสน์ศิลป์ รุ่น 1. [Facebook]. เข้าถึงได้จาก https://www.facebook.com/media/set/?set=a.3429688667068100&type=3
----------. (2563, 2 มีนาคม). ขบวนแห่พระเวสสันดร ชุดที่ 1. [Facebook]. เข้าถึงได้จาก https://www.facebook.com/Watthungsanun/photos/a.3064562076914096/3064564546913849/
----------. (2563, 2 มีนาคม). ขบวนแห่พระเวสสันดร ชุดที่ 4. [Facebook]. เข้าถึงได้จาก https://www.facebook.com/Watthungsanun/photos/a.3064769663560004/3064773580226279/
----------. (2563, 20 มกราคม). ลงแขกเกี่ยวข้าวมาสร้างพระธาตุ. [Facebook]. เข้าถึงได้จาก https://www.facebook.com/Watthungsanun/photos/a.2964861466884158/2964861823550789/ 
----------. (2563, 6 กรกฎาคม). ทำบุญวันอาสาฬหบูชา 2563. [Facebook]. เข้าถึงได้จาก https://www.facebook.com/Watthungsanun/posts/4010432522327042
----------. (2564, 24 มกราคม). บุญกุ้มข้าวใหญ่ สู่ขวัญข้าว ประจำปี 2564. [Facebook]. เข้าถึงได้จาก https://www.facebook.com/media/set/?set=a.3411647538872213&type=3
สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดหนองคาย. (2556). ปฏิทินทางวัฒนธรรมมีนาคมบุญผะเหวดหรือเผวด. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก https://www.m-culture.go.th/nongkhai/ewt_news.php?nid=262&filename=index. [2564 กรกฎาคม 29 ].

วันเดือนปีที่สำรวจ[แก้ไข]

         วันที่ 29 กรกฎาคม 2564

วันปรับปรุงข้อมูล[แก้ไข]

         -

ผู้สำรวจข้อมูล[แก้ไข]

         อาจารย์ธนธรณ์  แจ้งโม้, อาจารย์วนัสนันท์  นุชนารถ, ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.พธูรำไพ  ประภัสสร, ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ศุภโชคชัย  นันทศรี และ อาจารย์ ดร.พิมพ์นารา  บรรจง สำนักศิลปะและวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏกำแพงเพชร
         สุดาพร แทนสมบัติ, คมกริช ทองทิน และอรพรรณ ศรีวิลัย นักศึกษาโปรแกรมวิชานิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏกำแพงเพชร

คำสำคัญ (tag)[แก้ไข]

         พระมหาอภิชาติ กิตฺติวรญฺญู, พระมหาอภิชาติ, วัดทุ่งสนุ่น, วัดทุ่งสนุ่นรัตนาราม, บุญผะเหวดวัดทุ่งสนุ่น