ฐานข้อมูล เรื่อง หลวงพ่อสว่าง วัดท่าพุทรา อำเภอคลองขลุง จังหวัดกำแพงเพชร

จาก KPPStudies
ไบยังการนำทาง ไปยังการค้นหา

ขัอมูลทั่วไป[แก้ไข]

         หลวงพ่อสว่างมีนามเดิมว่า สว่าง เจริญศรี เกิดเมื่อ วันอาทิตย์ที่ 17 มิ.ย.2426 ที่บ้านน้ำหัก ต.ท่างิ้ว อ.บรรพตพิสัย จ.นครสวรรค์ เมื่อเกิดได้เพียง 5 วัน มารดาก็เสียชีวิต ย่างเข้าสู่วัยเยาว์ อายุพอสมควรที่จะเล่าเรียนศึกษาได้ก็เริ่มศึกษาเล่าเรียนอักขระสมัย และหนังสืออักขระขอมเบื้องต้นจากขุนเจริญสวัสดิ์ อายุ 13 ขวบ บิดาเสียชีวิต เนื่องจากบิดาเป็นผู้มีความสามารถ เฉลียวฉลาด มีคนเคารพนับถือทั้งในหมู่บ้านและภูมิลำเนาใกล้เคียงต่อมาญาติสนิทได้นำไปฝากกับหลวงพ่อเผือก (พระครูบรรพโตปมญาณ) วัดหัวดงเหนือ ต.หัวดง อ.บรรพตพิสัย จ.นครสวรรค์ ในสมัยนั้น วัดหัวดงเหนือเป็นสำนักเรียนอักขระสมัยมูลกัจจายน์ที่มีชื่อเสียงโด่งดัง ศึกษาเล่าเรียนมูลกัจจายน์ และหนังสืออักขระขอมอยู่ที่วัดหัวดงเหนือเป็นเวลานาน 7 ปี มีพระอาจารย์สด (ต่อมาได้เลื่อนฐานะเป็นพระครูสวรรค์วิถี) เป็นครูสอน ครั้นอายุ 20 ปีบริบูรณ์ เข้าพิธีอุปสมบท เมื่อวันพุธที่ 3 ธ.ค.2445 ที่พัทธสีมาวัดขุนญาณ ต.คลองเมือง อ.กรุงเก่า จ.พระนครศรีอยุธยา โดยมีพระญาณไตรโลก (สะอาด) วัดศาลาปูน จ.พระนครศรีอยุธยา เป็นพระอุปัชฌาย์, พระวินัยธรศรี วัดศาลาปูนเป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระปลัดแพ วัดศาลาปูน เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับนามฉายาว่า “อุตตฺโร” ศึกษาเล่าเรียนพระธรรมวินัยและบาลี อยู่ที่สำนักเรียนวัดศาลาปูนเป็นเวลา 2 ปี และได้กลับมาอยู่กับหลวงพ่อเผือก ที่วัดหัวดงเหนือ จ.นครสวรรค์ ตามเดิม ศึกษาเล่าเรียนพระธรรมวินัยจากพระครูสวรรค์วิถี (พระอาจารย์สด) ก่อนย้ายมาจำพรรษาอยู่ที่วัดท่างิ้ว จ.นครสวรรค์ เป็นเวลา 2 พรรษา ต่อมาพระอาจารย์ปั้น เจ้าอาวาสวัดท่างิ้วได้มรณภาพ จึงได้รับแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสแทน (ชมรมพระเครื่องเมืองกำแพงเพชร, ม.ป.ป.)
ภาพที่ 1 พระครูวิบูลวชิรธรรม.jpg

ภาพที่ 1 พระครูวิบูลวชิรธรรม (หลวงพ่อสว่าง อุตตโร) (ชมรมพระเครื่องเมืองกำแพงเพชร, ม.ป.ป.)

ชื่อบุคคล[แก้ไข]

         พระวิบูลวชิรธรรม นามเดิม สว่าง นามสกุล เจริญศรี นามฉายา อุตตโร, หลวงพ่อสว่าง

ตำแหน่ง[แก้ไข]

         เจ้าอาวาส วัดคฤหบดีสงฆ์ ต.ท่าพุทรา อ.คลองขลุง จ.กำแพงเพชร

วัน/เดือน/ปีเกิด[แก้ไข]

         วันอาทิตย์ที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2426 ตรงกับวันขึ้น 12 ค่ำ เดือน 7 ปีมะแม

ภูมิลำเนา[แก้ไข]

         บ้านน้ำหัก ตำบลท่างิ้ว อำเภอบรรพตพิสัย จังหวัดนครสวรรค์

อาชีพ[แก้ไข]

         พระสงฆ์

ที่อยู่[แก้ไข]

         วัดคฤหบดีสงฆ์ ตั้งอยู่ที่บ้านท่าพุทรา หมู่ที่ 3 ตำบลท่าพุทรา อำเภอคลองขลุง จังหวัดกำแพงเพชร 62120 ห่างจากถนนสายพหลโยธินประมาณ 200 เมตร ถ้าเดินทางจากจังหวัดนครสวรรค์ไปทางเหนือตามถนนพหลโยธิน ทางวัดจะอยู่ทางขวามือระหว่างกิโลเมตรที่ 83-84 ถ้าเราเดินทางจากจังหวัดกำแพงเพชรไปทางใต้ตามถนนพหลโยธิน ทางเข้าวัดจะอยู่ทางซ้ายมือระหว่างกิโลเมตรที่ 37-38 

ข้อมูลเชิดชูเกียรติ[แก้ไข]

ชีวประวัติ/ความเป็นมา[แก้ไข]

         เมื่อหลวงพ่อพระวิบูลวชิรธรรม เกิดได้เพียง 5 วัน โยมมารดาของท่านก็ถึงแก่อนิจกรรม ได้มีแม่น้าเลี้ยงดูท่านจนเติบใหญ่ (แม่น้าก็คือภรรยาคนที่ 1 ของขุนเจริญสวัสดิ์) พอท่านมีอายุพอสมควรที่จะเล่าเรียนศึกษาได้ ท่านก็เริ่มศึกษาเล่าเรียนอักขระสมัย และหนังสืออักขระขอมเบื้องต้น จากขุนเจริญสวัสดิ์บิดาของท่าน พอท่านอายุได้ 13 ขวบ ขุนเจริญสวัสดิ์บิดาก็ถึงแก่อนิจกรรม พระวิบูลวชิรธรรมจึงเป็นผู้กำพร้า บิดา-มารดา แต่เยาว์วัย แต่ท่านก็พยายามประคองตัวประคองใจเชื่อฟังคำตักเตือนสั่งสอนของมารดาเลี้ยงเป็นอย่างดี เนื่องจากท่านอยู่กับมารดาเลี้ยงของท่านตลอดมา มารดาเลี้ยงของท่านก็เอ็นดูรักใคร่สงสารปราณีท่านเสมือนเป็นบุตรที่แท้จริง มีความประสงค์อยากจะให้หลวงพ่อพระวิบูลวชิรธรรม ได้รับการศึกษาชั้นสูงๆขึ้นไปอีก เพื่อจะได้มีความรู้เฉลียวฉลาด จะได้ดำเนินวิถีชีวิตตามเยี่ยงขุนเจริญสวัสดิ์ผู้บิดา เนื่องจากบิดาของท่านเป็นผู้มีความสามารถเฉลียวฉลาด มีคนเคารพนับถือทั้งในหมู่บ้านตำบลที่มีภูมิลำเนาอยู่และตำบลอำเภอไกล้เคียงทั่วไป มารดาเลี้ยงจึงได้นำพระวิบูลวชิรธรรมไปฝากกับหลวงพ่อเผือกหรือพระครูบรรพโตปมญาณ วัดหัวดงเหนือ ตำบลหัวดง อำเภอบรรพตพิสัย จังหวัดนครสวรรค์ สมัยนั้นนับว่าวัดหัวดงเหนือ เป็นสำนักเรียนอักขระสมัยมูลกัจจายน์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังสำนักหนั่ง หลวงพ่อฯท่านได้ศึกษาเล่าเรียนมูลกัจจายน์ และหนังสืออักขระขอมอยู่ที่วัดหัวดงเหนือ เป็นเวลานานประมาณ 7 ปี มีพระอาจารย์สด (ต่อมาได้เลื่อนฐานะเป็นพระครูสวรรค์วิถี) เป็นครูสอน พอหลวงพ่อพระวิบูลวชิรธรรมมีอายุ 20 ปีบริบูรณ์มารดาเลี้ยงได้อนุญาตให้ไปศึกษาต่อที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยมอบให้พระครูบรรพโตปมญาณ (หรือหลวงพ่อเผือก) วัดหัวดงเหนือ พระอาจารย์ของท่านเป็นผู้นำไป ทั้งได้มอบปัจจัยสี่ไปพอสมควรให้แก่พระครูบรรพโตปมญาณ (หรือหลวงพ่อเผือก) ไปเป็นจำนวนครบถ้วน เพื่อจับจ่ายใช้สอย เพื่อดำเนินการอุปสมบทหลวงพ่อพระวิบูลวชิรธรรมด้วย(ชมรมพระเครื่องเมืองกำแพงเพชร, ม.ป.ป.)
         หลวงพ่อพระวิบูลวชิรธรรม อุปสมบทเมื่อวันพุธที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2445 ตรงกับวันขึ้น 4 ค่ำ เดือนอ้าย ปีขาล ณ พัทธสีมาวัดขุนญาณ ตำบลคลองเมือง อำเภอกรุงเก่า จังหวัดพระนครศรีอยุธยา พระญาณไตรโลกย์ (สะอาด) วัดศาลาปูน อำเภอกรุงเก่าจังหวัดพระนครศรีอยุธยาเป็นพระอุปัชฌาย์ พระวินัยธรศรี วัดศาลาปูน อำเภอกรุงเก่า จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระปลัดแพ วัดศาลาปูน อำเภอกรุงเก่า จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นพระอนุสาวนาจารย์พระอุปัชฌาย์ ให้นามฉายาว่า “อุตตโร”
         เมื่อพระวิบูลวชริธรรมอุปสมบทแล้ว ก็ได้ศึกษาเล่าเรียนพระธรรมวินัยและบาลีอยู่ที่สำนักเรียนวัดศาลาปูนเป็นเวลา 2 ปี และได้กลับมาอยู่กับพระครูบรรพโตปมญาณ (หลวงพ่อเผือก) ที่วัดหัวดงเหนือ ตำบลหัวดง อำเภอบรรพตพิสัย จังหวัดนครสวรรค์ ตามเดิม ได้ศึกษาเล่าเรียนพระธรรมวินัย จากพระอาจารย์สด(พระครูสวรรค์วิถี) ซึ่งเป็นอาจารย์เดิมอีกเป็นเวลา 2 พรรษา แล้วได้ย้ายมาจำพรรษาอยู่ที่วัดท่างิ้ว อำเภอบรรพตพิสัย จังหวัดนครสวรรค์เป็นเวลา 2 พรรษา จากนั้นได้ย้ายไปจำพรรษาที่วัดเขาแก้ว (วัดมณีบรรพตวรวิหาร) จังหวัดตาก อีก 2 พรรษา แล้วได้ย้ายกลับมาอยู่ที่วัดท่างิ้วตามเดิมอีก ต่อมาเมื่ออาจารย์ปั้นเจ้าอาวาสวัดท่างิ้วได้มรณะภาพลง หลวงพ่อพระครูน้อย ขณะนั้นยังเป็นประทวนสมณะศักดิ์อยู่ ได้ตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสวัดท่างิ้ว เมื่อได้เป็นเจ้าอาวาสแล้ว ได้ทราบข่าวว่าจังหวัดอุทัยธานีตั้งสำนักศาสนศึกษาขึ้น จึงได้ย้ายไปจำพรรษาอยู่ที่วัดสังกัดคีรีวงค์อุดมมงคลเขตร อำเภอเมือง จังหวัดอุทัยธานี ซึ่งมีอาจารย์ลพเป็นเจ้าอาวาส มีอาจารย์จ่อยเป็นครูสอน ได้ศึกษาพระธรรมวินัยอยู่ที่วัดสังกัดคีรีวงค์ 1 พรรษา เมื่อเห็นว่ามีความรู้พอสมควรแล้วได้กลับมาอยู่ที่วัดท่างิ้วตามเดิม เพื่อบูรณะปฏิสังขรณ์วัดท่างิ้ว และเพื่อจัดตั้งสำนักเรียนขึ้นที่วัดท่างิ้วต่อไป
         กลับมาอยู่ที่วัดท่างิ้วแล้ว ได้จัดข้อระเบียบปฏิบัติสำหรับพระภิกษุสามเณรภายในวัดให้เรียบร้อย ได้จัดการบูรณะซ่อมแซมกุฏิ ศาลาการเปรียญ พระอุโบสถให้เรียบร้อยดี ได้ตั้งศาลาศึกษาขึ้นที่วัดท่างิ้ว ได้ทำการสอนเอง มีพระภิกษุ สามเณร ศึกษามากพอสมควร คือประมาณปีละ 20 กว่ารูป สำหรับนักเรียนบ้านนอกในสมัยนั้น มีนักเรียนปีละ 20 กว่ารูป ก็นับว่ามากพอสมควร การสอบสนามหลังนั้นบางปีก็ไปสอบที่นครสวรรค์ บางปีก็ไปสอบที่วัดเขาแก้ว อำเภอพยุหะคีรี จังหวัดนครสวรรค์ ต่อมาเมื่อมีการก่อสร้างมากขึ้น การสอนโรงเรียนก็ทำไม่ได้สะดวก จึงได้ฝึกอาจารย์แฉล้มให้เป็นผู้ช่วยสอนอีกรูปหนึ่ง ท่านก็ได้เอาใจใส่ช่วยสอนเป็นอย่างดี นับว่าสำนักเรียนวัดท่างิ้ว เป็นสำนักเรียนแห่งแรกของ อำเภอบรรพตพิสัย จังหวัดนครสวรรค์ 
         ต่อมาในปี พ.ศ. 2468 ได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้รั้งตำแหน่งเจ้าคณะอำเภอขาณุวรลักษณ์บุรี กิ่งอำเภอแสนตอ จังหวัดกำแพงเพชร (สมัยนั้นอำเภอคลองขลุงยังเป็นอำเภอขาณุอยู่ อำเภอขาณุยังเป็นกิ่งอำเภอแสนตอ ต่อมาราวปี พ.ศ.2493 จึงเปลี่ยนอำเภอแสนตอเป็นอำเภอขาณุวรลักษบุรีมาจนถึงทุกวันนี้) แต่ก็ยังดำรงตำแหน่งเจ้าคณะตำบลท่างิ้วอยู่อีกด้วย และยังอยู่ที่วัดท่างิ้วตามเดิม การขึ้นมาราชการคณะสงฆ์ที่อำเภอขาณุวรลักษบุรี ในสมัยนั้นมีความลำบากมาก เพราะการคมนาคมไม่สะดวกเช่นทุกวันนี้ โดยมากก็จ้างเรือแจวบ้าง เรือถ่อบ้าง บางครั้งก็มารถงาน บางครั้งก็เดินเท้า ถ้าเป็นหน้าพรรษาก็มาค้างคราวละ 5-6 คืนแล้วก็กลับ ถ้าขึ้นหน้าแล้งก็มาค้างมากคืนหน่อย ส่วนมากค้างคืนที่วัดศรีภิรมณ์ อำเภอคลองขลุง ท่านได้ปฏิบัติดังนี้ตลอดมา
ภาพที่ 2 พระครูวิบูลวชิรธรรม.jpg

ภาพที่ 2 พระครูวิบูลวชิรธรรม (หลวงพ่อสว่าง อุตตโร) (ชมรมพระเครื่องเมืองกำแพงเพชร, ม.ป.ป.)

         ต่อมาก็ได้รับตราตั้งให้เป็นพระอุปัชฌาย์ ใน พ.ศ.2468 ครั้นถึงปี พ.ศ.2470 ได้รับตราตั้งเป็นเจ้าคณะอำเภอขาณุวรลักษบุรี และกิ่งอำเภอแสนตอ จังหวัดกำแพงเพชร ได้รับพระราชทานสมณะศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรที่ “พระครูวิบูลวชิรธรรม” ได้รับตราตั้งให้เป็นกรรมการตรวจประโยคนักธรรมชั้นตรีในสนามหลวง ได้รับเลื่อนฐานะเป็นพระคูชั้นเอกแล้วก็ได้ขยายสำนักเรียนให้มีมากขึ้นได้อบรมสั่งสอนพระภิกษุสามเณะให้มีข้อวัตรปฏิบัติดีขึ้น ได้เทศนาสั่งสอนประชาชนให้ประพฤติดีมีศีลธรรมประจำใจ เอาใจใส่ในการก่อสร้างเสนาสนะต่างๆมากมาย ได้ขออนุญาตเปิดสนามสอบธรรม ขึ้นที่วัดสว่างอารมณ์ กิ่งอำเภอแสนตอ ครั้นทางราชการได้แยกอำเภอขาณุวรลักษบุรี เป็นอำเภอคลองขลุง กิ่งอำเภอแสนตอเป็นอำเภอขาณุวรลักษบุรีแล้ว โดยมีเจ้าคณะอำเภอทั้งสองอำเภอแล้ว ได้แยกสนามสอบธรรม มาสอบที่วัดศรีภิรมณ์อำเภอคลองขลุง จังหวัดกำแพงเพชร ต่อมาในปี พ.ศ.2490 ได้รับใบตราตั้งให้เป็นกรรมการศึกษาประจำตำบลคลองขลุง 
         เมื่อ พ.ศ.2500 คณะสงฆ์อำเภอคลองขลุงและประชาชนชาวตำบลท่าพุทรา ได้พร้อมกันไปอาราธนาพระเดชพระคุณหลวงพ่อพระวิบูลวชิรธรรม ให้ขึ้นมาประจำอยู่ที่วัดคฤหบดีสงฆ์ตำบลท่าพุทรา อำเภอคลองขลุง จังหวัดกำแพงเพชร เพื่อจะได้บูรณะวัดให้ดีขึ้น เพราะว่าวัดคฤหบดีสงฆ์ได้ชำรุดทรุดโทรมลงอย่างหนัก ดังนั้นพระเดชพระคุณหลวงพ่อพระวิบูลวชิรธรรมจึงได้มาประจำอยู่ที่วัดคฤหบดีสงฆ์ จนตราบเท่าถงอวสานแห่งชีวิตของท่าน เมื่อได้ขึ้นมาอยู่ที่วัดคฤหบดีสงฆ์แล้วก็ได้ก่อสร้าง กุฏิ อยู่ของท่านก่อน แล้วก็สร้างโรงเรียนปริยัติธรรมขึ้นหนึ่งหลัง สร้างศาลาการเปรียญ สร้างกำแพงวัดด้านตะวันออก สร้างมณฑป สร้างกำแพงวัดรอบหมดทั้ง 4 ด้าน สร้างพระอุโบสถ สร้างน้ำประปก สร้างถนนภายในวัด (สร้างเป็นคอนกรีต) สร้างเมรุ (ที่เผาศพ) สร้างศาลาธรรมสังเวช สร้างซุ้มประตู และซ่อมพระวิหาร ซ่อมพระพุทธรูปในพระวิหาร พูดได้ว่าสิ่งก่อสร้างภายในวัดคฤหบดีสงฆ์ที่เห็นอยู่ทุกวันนี้ เป็นสิ่งที่หลวงพ่อพระวิบูลวชิรธรรมได้สร้างขึ้นใหม่ทั้งนั้น
         พูดถึงด้านพระภิกษุสามเณร ได้วางระเบียบ การทำวัตรเช้า ทำวัตรเย็น การทำอุโบสถสังฆกรรมให้มีตลอดปีมิได้ขาด ได้ตั้งสำนักศึกษาขึ้นภายในวัด เพื่อให้พระภิกษุสามเณะได้ศึกษาเล่าเรียนกัน ได้ย้ายสำนักสอบธรรมสนามหลวงจากวัดศรีภิรมณ์ มาสอบที่วัดคฤหบดีสงฆ์ตลอดมาจนทุกวันนี้ พระภิกษุสามเณรภายในวัดมีความประพฤติปฏิบัติเรียบร้อย เป็นที่เลื่อมใสของประชาชนที่ได้พบเห็นทั่วไป เมื่อ พ.ศ.2501 ได้รับพระราชทานสมณสศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญที่ “พระครูวิบูลวชิรธรรม”
         ต่อมาเมื่อวันที่ 15 มกราคม 2520 ท่านก็ได้เริ่มป่วยมีอาการไอมากผิดปกติ ท่านก็ได้เรียกหมอชาวบ้านมาฉีดยาให้ และหลวงพ่อท่านมีความรู้ทางการแพทย์โบราณเป็นอย่างดี ท่านก็ได้ใช้ทายกไปนำเครื่องยาสมุนไพรมาต้มยาฉันเอง อาการไอก็ทุเลาลงเท่าที่ควร พอวันที่ 19 มกราคม 2520 เวลาบ่าย นายแพทย์ ปรีชา มุสิกุล อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข และอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดกำแพงเพชร ได้มาเยี่ยมนมัสการหลวงพ่อที่วัดคฤหบดีสงฆ์ ตำบลท่าพุทรา ก็มาพบอาการไอของหลวงพ่อท่าน ไอมากผิดปกติจึงได้อาราธนานิมนต์หลวงพ่อไปตรวจฉายเอ๊กซ์เรย์ที่โรงพยาบาลกำแพงเพชร จังหวัดกำแพงเพชร ในวันที่ 19 มกราคม 2520 เวลา 15.00 น. หลวงพ่อก็ออกเดินทางจากวัดคฤหบดีสงฆ์โดยรถยนต์ของนายแพทย์ปรีชา มุสิกุล ดังกล่าว พอถึงโรงพยาบาลกำแพงเพชร แพทย์ก็เริ่มฉายเอ๊กซ์เรย์ตรวจพบว่าปอดข้างขวาเป็นแผล แพทย์ลงความเห็นว่าให้พักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล หลวงพ่อก็อยู่รักษาตัวตามความเห็นของแพทย์ ในการรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลกำแพงเพชรนั้นก็ได้มีพระภิกษุวัดคฤหบดีสงฆ์ผลัดเปลี่ยนกันไปเป็นเวรรับใช้วันละ 2-3 องค์ และทายกอีก 1-2 คน พระที่อยู่ประจำมากกว่าทุกองค์ ก็มีพระสาคร พระประสงค์ ทายกที่ประจำอยู่กับหลวงพ่อก็มี นายจอง บุญงาม ส่วนนายแพทย์ปรีชา มุสิกุล ก็มาเยี่ยมเสมอๆ เกือบทุกวัน ขณะหลวงพ่อรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลนั้น อาการไอทุเลาลงบ้าง แต่ท่านฉันอาหารไม่ได้ มีอาการอ่อนเพลีย แต่หลวงพ่อไม่เคยพูดให้ใครฟังเลยว่าท่านหนักใจ มีประชาชนชาวอำเภอคลองขลุงทุกตำบลไปเยี่ยมกราบนมัสการ ท่านก็ให้ศีลให้พรทุกคน รวมทั้งประชาชนต่างอำเภอ ต่างจังหวัดไกล้ไกลไปกราบนมัสการเยี่ยมท่านก็สอบถามว่ามาจากไหน เขาก็บอกว่าอยู่นครสวรรค์บ้าง ชัยนาทบ้าง อุทัยบ้าง ท่านก็บอกว่าขอบใจ ขอให้ทุกคนเจริญๆเถอะ เจ็บป่วย ตาย เป็นของธรรมดา มนุษย์ทุกรูป ทุกนาม ก็ต้องเจอ ต้องพบ ไม่เลือกชั้นวรรณะ ทุกคนจะหลีกเลี่ยงความตายหาได้ไม่ หลวงพ่อมีสติดีอยู่ตลอดเวลา แม้ท่านนอนรักษาตัวอยู่ก็ให้พระภิกษุที่เฝ้าปฐมพยาบาลรับใช้อยู่จุดธูปเทียนบูชาพระทุกคืนมิได้ขาด
         แต่ความจริงตามที่หลวงพ่อพูดว่า ความตายทุกรูป ทุกนาม ทุกชั้นวรรณะหนีไม่พ้น ต้องประสพ ช้าหรือเร็วเท่านั้น แม้แต่อาตมาเองก็ต้องเจอ แต่จะเจอวันไหนเท่านั้น เมื่อผู้ไปเยี่ยมถามว่าเป็นอย่างไรบ้างหลวงพ่อ ท่านก็ตอบว่า “วันนี้ดีขึ้น” “เบาแล้ว” กำลังใจแข็ง ครั้นถึงวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2520 เวลาเช้าพอตื่นขึ้นท่านบอกว่าวันนี้ดีกว่าทุกวัน รู้สึกสบายใจ ขอน้ำล้างหน้าพระหยิบให้ท่านก็รับเอาไปเสกแล้วก็ล้างหน้า แล้วพูดว่าอยากฉันน้ำมนต์ร้อยปีที่วัดคฤหบดีสงฆ์ จึงใช้ให้นายจำนงค์ คชวารี ไปเอา คนไปเอาน้ำมนต์ยังไม่กลับเลย ขณะนั้นเป็นเวลา 14.00 น. เศษ ท่านพูดว่าใจคอไม่ดี บอกให้พระสาครกับพระประสงค์จุดธูปเทียนแล้วตัวข้าพเจ้า (จ.ส.ต.สังคม คชฤทธิ์) ก็วิ่งไปตามหมอ หมอก็รีบมากันเป็นจำนวนหลายนายที่จำได้มีหมอสมาน หมอไพโรจน์ และผู้อำนวยการโรงพยาบาลเองฯ และมีนายแพทย์อะไรอีก 2 นาย พยาบาลอีก 3 คนไม่ทราบชื่อ ได้มาช่วยกันปฐมพยาบาลและฉีดยา ตลอดทั้งหลวงพ่อพระครูนิยุติธรรมศาสตร์ เจ้าคณะอำเภอบรรพตพิสัย อยู่ในห้องนั้นด้วย พระสมุห์เสาร์ วัดคลองเจริญก็อยู่ด้วย ครั้นเวลา 14.30 น. ท่านก็สิ้นลมหายใจ ขณะที่ท่านนอนตะแคงพนมมือด้วยอาการอันสงบ มิได้ดิ้นรนกระวนกระวายแต่ประใด ฉะนั้นในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2520 เวลา 14.30 น. ตรงกับวันอังคารขึ้น 11 ค่ำ เดือน 3 ปีมะเส็ง เป็นวันเวลาที่ท่านศิษยานุศิษย์และประชาชนที่เคารพนับถือสักการะบูชาในท่านไปแล้วไปอย่างไม่มีวันกลับ เฉพาะพระภิกษุสงฆ์ประชาชนในเขตอำเภอคลองขลุง นับว่าเศร้าโศกอาดูรอย่างยิ่ง ขาดที่พึ่งทางใจอันใหญ่หลวง (ชมรมพระเครื่องเมืองกำแพงเพชร, ม.ป.ป.)
ภาพที่ 3 พระครูวิบูลวชิรธรรม.jpg

ภาพที่ 3 พระครูวิบูลวชิรธรรม (หลวงพ่อสว่าง อุตตโร) (ชมรมพระเครื่องเมืองกำแพงเพชร, ม.ป.ป.)

ความชำนาญ/ความสนใจ[แก้ไข]

คาถา
         คาถาแคล้วคลาดของหลวงพ่อสว่าง วัดท่าพุทรา ซึ่งเป็นคาถาอีกบทหนึ่งที่ท่านจะใช้ประสิทธิลงในวัตถุมงคลของท่านทุกรุ่น ซึ่งพระคาถานี้หลวงพ่อสว่างท่านได้ถ่ายทอดให้หลวงพ่อเล็ก สีลาฑฺฒโณ หรือพระครูนิรันดร์ หลวงพ่อเล็กได้กล่าวว่า ให้นำไปท่องภาวนากัน ถึงไม่มีเหรีญปลอดภัยก็ไม่เป็นไร ท่องคาถานี้ใช้ได้เหมือนกัน โดยก่อนจะเดินทางใกล้ไกลหรือตื่นตอนเช้าก่อนออกจกบ้านหรือก่อนจะหลับนอน ให้ยกมือขึ้นพนม ระลึกถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ คุณบิดา มารดา คุณครูบาอาจารย์ อันมีหลวงพ่อสว่าง วัดท่าพุทราเป็นที่สุดจากนั้นว่านะโม 3 จบ แล้วท่องว่า
พุทธังคลาดแคล้ว
ธัมมังคลาดแคล้ว
สังฆังคลาดแคล้ว
พระพุทธเจ้าจะย่างบาท คลาดแคล้วด้วยนะโมพุทธายะ

(พระอริยสงฆ์เมืองกำแพงเพชร, 2560)

ความสนใจในเรื่องวิชาอาคม
         วัตถุมงคลที่ทำให้แคล้วคลาดจากปวงภัย มีความคงกระพัน ชาตรี บังเกิดเมตตา มหานิยม มหาเสน่ห์ อุดมโชคลาภ แก่กล้าบารมีเป็นที่ครั่นคร้ามแก่ผู้เป็นศัตรูผู้มุ่งร้าย ล้วนเป็นความเชื่อ และยึดมั่นสืบทอดนับกว่าพันปีจนถึงในปัจจุบัน การสร้างมงคลวัตถุของหลวงพ่อสว่าง จะนำหน้าในด้านคงกระพัน ชาตรี แคล้วคลาดมหาอุด ซึ่งตัวหลวงพ่อสว่างเอง เมื่อสมัยหนุ่มก่อนวัยครบบวช มีความคงกระพันชาตรีเป็นเยี่ยมฟันแทงไม่เข้า ในฐานะศิษย์เอกของหลวงพ่อเผือก (พระครูบรรพโตมญาณ) แห่งวัดหัวดง อ.บรรพตพิสัย ประกอบกับเป็นลูกชายคนเดียวในลูกทั้งห้าคนและเป็นคนสุดท้อง ย่อมเป็นที่รักและตามใจของผู้หลักผู้ใหญ่ในครอบครัว อีกทั้งโยมบิดาเป็นกำนันตำบลท่างิ้ว เลยทำให้เหลิงวางตัวเป็นนักเลง อันธพาลในย่านตลาดส้มเสี้ยว ท่าตั้วเกา ระราน กลั่นแกล้ง สร้างความเดือดร้อน ฝากความเจ็บแค้น ผูกอาฆาตให้แก่ผู้อื่นที่ต้องชำระล้าง ในยุคนั้นเป็นยุคของผู้แก่กล้าทางคาถาอาคม แขวนเครื่องราง สิ่งวิเศษประจำกาย การกลัวเกรงกัน ก็เฉพาะแก่ผู้ที่เหนือกว่าในทางเดียวกัน เนื่องจากมีคู่อริจำนวนมาก โยมบิดาจึงฝากหลวงพ่อเผือกวัดหัวดง พาหลวงพ่อสว่าง ซ่อนลงในเรือไปออกบวชที่วัดศาลาปูน, อยุธยา ซึ่งลงโบสถ์เป็นลูกศิษย์พระญาณไตรโลก (ลป. สอาด) พระอุปัชฌาย์พร้อมกับพระเกจิผู้ขมังเวทย์แห่งจังหวัดอุทัยธานี คือ พระอุทัยกวีอดีตเจ้าคณะจังหวัด นอก จากสร้างมงคลวัตถุทางด้านคงกระพันชาตรีแล้ว ทางด้านโชคลาภ มหาเสน่ห์ เมตตา มหานิยม ท่านก็ทำไว้ เช่น เหรียญขวัญถุง นางกวักมหาลาภ ค้าขายร่ำรวยที่ทำขึ้นจากผงยันต์มหาราช ตรีนิสิงเห ว่านมหาลาภ ว่านมหาเสน่ห์ ว่านสาวหลง ทำจากงาแกะในลักษณะนางกวักคล้ายกับนางกวักของหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพธิ์ หลวงพ่อสว่างเป็นพระนักแหล่ด้วยมีสำเนียงไพเราะเป็นที่ชื่นชอบของญาติโยม ท่านจึงรับนิมนต์ไปเทศแหล่ในจังหวัดต่าง ๆ ทางภาคกลาง เช่น ที่อยุธยา ปทุมธานี กรุงเทพฯ สุพรรณบุรี ชัยนาท นครสวรรค์ เป็นต้น และไปเรียนวิชากับพระอาจารย์ที่แก่กล้าในวิทยาอาคมขลังในจังหวัดเหล่านั้น เช่น วิชาหินเบาให้ร่างกายเป็นชาตรีกับ หลวงปู่กลั่นวัดพระญาติ เป็นวิชาที่สมเด็จพระนเรศวรมหาราชเจ้าใช้ในการตีค่ายพม่าทรงพระแสงดาบคาบ ค่าย นำปีนตีพม่า ถูกตัดท่อนซุงทิ้งต้องพระองค์ตกค่ายลงไปไม่เป็นไร และตีค่ายพม่าจนสำเร็จกอบกู้เอกราชให้แก่ชาติไทย วิชานี้ของหลวงพ่อสว่าง ใช้กับวัตถุมงคลผู้ประสบอุบัติเหตุรถคว่ำทุกรายรถจะพังยับเยิน แต่ผู้มีวัตถุมงคลของหลวงพ่อสว่างไม่เป็นไร วิชาฝังตะกรุดเช่นเดียวกับ อาจารย์เฮง ไพรวัลย์ วิชาฝังเข็มอาจารย์ฟ้อน ดีเสมอ ผู้มีวัตถุมงคลของหลวงพ่อสว่าง ถูกยิงด้วยกระสุนปืน เหรียญวัตถุมงคลของหลวงพ่อสว่างแสดงปฎิหารย์ เข้ารับกระสุนปืนแทนทำให้ผู้ถูกยิงปลอดภัยอย่างเหลือเชื่อ ถูกคนร้ายขโมยรถวิ่งผ่านหน้าท่าพุทรา รถยนต์วิ่งกลับและเครื่องดับคนร้ายขโมยเรารถไปไม่ได้ เรียนวิชามหาอุดเช่นเดียวกับหลวงปู่ศุข วัดมะขามเฒ่า ทำให้กระสุนปืนด้าน ลั่นไกกระสุนไม่ออกจากลำกล้อง วิชาแคล้วคลาด ทำให้ผู้มีวัตถุมงคลของหลวงพ่อสว่าง ถูกยิงด้วยปืนในระยะประชิดตัว ลูกกระสุนออกจากลำกล้อง แต่กระสุนโค้ง ยิงหมดกระสุนในรังเพลิงแต่ไม่ถูกตัวผู้ยิง เป็นต้น (ที่นี่ "กำแพงเพชร", 2559)

ผลงานสำคัญ/ที่สร้างชื่อเสียง[แก้ไข]

         หลวงพ่อพระวิบูลวชิรธรรม ท่านมีความเมตตา กรุณา อารีย์ต่อศิษย์และต่อบุคคล ทุกเพศ ทุกวัย ทุกชั้น จึงมีประชาชนทั้งในจังหวัดกำแพงเพชร และจังหวัดอื่นๆทั้งใกล้ทั้งไกลมาเยี่ยมเยียนกราบนมัสการท่านอยู่มิได้ขาด บุคคลที่มาส่วนมากก็มาให้ท่านอาบน้ำมนต์ ประพรหมน้ำมนต์ให้บ้าง ขอสิ่งของที่ระลึกบ้าง บางคนก็อยากได้เหรียญ อยากได้ธงทิว อยากได้ผ้ายันต์ อยากได้พระว่าน อยากได้ตะกรุด ดังนี้เป็นต้น หลวงพ่อพระวิบูลวชิรธรรมท่านจึงได้สร้างเหรียญปลอดภัย และเหรียญที่ระลึกรูปเหมืององค์ท่านขนาดต่างๆ ตามความประสงค์ของศิษยานุศิษย์ และประชาชนทั่วไป นอกจากเหรียญ ยังมีผ้ายันต์ ธงทิว และยันต์หนังเสือ ดังนี้เป็นต้น สิ่งของที่ระลึกดังกล่าว หลวงพ่อได้แจกให้แก่ศิษยานุศิษย์ และประชาชนทั่วไปที่ต้องการ เพื่อนำไปใช้ทางเมตตาบ้าง ทางแคล้วคลาดบ้าง ทางมหาอำนาจบ้าง ทางมหาอุดบ้าง ทางคงกระพันชาตรีบ้าง เมื่อนำไปใช้แล้วได้ผลตามความต้องการเป็นเหตุให้ผู้ที่ไม่มีของๆหลวงพ่อฯกราบนมัสการขอของที่ระลึกดังกล่าวมาก โดยเฉพาะที่มีชื่อเสียงโด่งดังมากคือ ยันต์หนังหน้าผากเสือนี้ กับเหรียญปลอดภัย(ชมรมพระเครื่องเมืองกำแพงเพชร, ม.ป.ป.) เครื่องรางของขลัง หลวงพ่อสว่างสร้างรวมเป็น 2 ยุค คือ ยุคที่ครองวัดคหบดีสงฆ์ ท่าพุทรา ต.ท่าพุทรา อ.คลองขลุง จ.กำแพงเพชร ตั้งแต่ปี 2501-2519 จำนวน 19 ปี เป็นเหรียญรูปหล่อเล็ก-หล่อใหญ่ พระเนื้อผงเนื้อดินผสมว่านร้อยแปด หนังหน้าผากเสือตระกรุด ผ้ายันตร์ ธงกันภัย และยุคก่อนสมัยครองวัดท่างิ้วตั้วเกา อ.บรรพตพิสัย จ.นครสวรรค์ ประมาณปี 2470-2500 รวม 30 ปี เป็นประเภท พระเนื้อผงเนื้อดินผสมผงวิเศษสูตรสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังสี 5 ประการผสมว่านร้อย (ที่นี่ "กำแพงเพชร", 2559)
         เครื่องรางของขลังประเภท ตะกรุดหน้าผากเสือ หรือ แผ่นหนังเสือลงอักขระยันต์ นับเป็นเครื่องรางชนิดหนึ่งที่ได้รับความนิยม เป็นที่เชื่อถือมานานด้วยมีพระเกจิอาจารย์เก่งๆ หลายๆ องค์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังได้สร้างเอาไว้ให้ศิษย์ติดตัวเพื่อป้องกันภัย ดังเช่น หนังเสือของท่านเจ้าคุณพระวิบูลวชิรธรรม (สว่าง) วัดคฤหัสบดีสงฆ์ (วัดท่าพุทรา) พระอาจารย์ชื่อดังเพียงไม่กี่องค์แห่งเมืองกําแพงเพชร จังหวัดอันเป็นต้นกําเนิดของพระกรุลานทุ่งเศรษฐี เช่นพระกําแพงซุ้มกอ พระลีลาเม็ดขนุน ฯลฯ ซึ่งได้รับความนิยมเป็นหนึ่งในชุดพระเครื่องเบญจภาคีของเมืองไทย สําหรับ หลวงพ่อสว่าง ท่านไม่เพียงแต่โด่งดังทางเครื่องรางหนังเสือเท่านั้นเหรียญรุ่นนิยมที่เรียกว่า “เหรียญปลอดภัย” ยังถูกจัดให้เป็นเหรียญราคาหลักแสนของเมืองกําแพงเพชร ที่นับวันจะได้รับความนิยมมีสนนราคาสูงขึ้นตลอดมา (ศาล มรดกไทย, 2563)

ผลงาน/เกียรติคุณ/รางวัลอื่น ๆ[แก้ไข]

พัศยศ
         พ.ศ.2457 เป็นต้นไป ได้เลื่อนชั้นเป็นพระใบฎีกา, พระสมุห์, พระปลัด
         พ.ศ.2467 ดำรงตำแหน่งเจ้าคณะตำบลท่างิ้วและพระอุชปัชฌาย์ 
         พ.ศ.2470 ได้รับพระราชทานสมณะศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตร ดำรงตำแหน่ง “พระครูวิบูลวชิรธรรม” เจ้าคณะอำเภอขาณุวรลักษบุรี และกิ่งอำเภอจังหวัดกำแพงเพชร
         พ.ศ.2501 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญ
         พ.ศ.2506 ดำรงตำแหน่งเจ้าคณะอำเภอคลองขลุง,ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดกำแพงเพชร (กาญจนา จันทร์สิงห์, 2563)
วัตถุมงคล
         เหรียญเสาร์ 5 เจริญศรี เนื้อทองคำ ปี 2516 
         เหรียญเสาร์ 5 เจริญศรี เนื้อเงิน ปี 2516 
         เหรียญเสาร์ 5 เจริญศรี เนื้ออัลปาก้าชุบนิเกิ้ล ปี 2516
         เหรียญเสาร์ 5 เจริญศรี เนื้ออัลปาก้าไม่ชุบ ปี 2516 
         เหรียญที่ระลึกหล่อรูปเหมือน ปี 2516 
         สมเด็จเนื้อผง หลังวิบูล ปี 2515
         สมเด็จเนื้อผงน้ำมันหลังยันต์ ปี 2517
         เหรียญวางศิลาฤกษ์ วัดคฤหบดีสงฆ์ ปี 2517
         เหรียญกลมใหญ่ ลพ.วิบูล วัดสิ่งคาราม ปี 2517 ไม่จำกัดเนื้อ
         เหรียญเล็ก ลพ.วิบูล วัดสิงคาราม ปี 2517 กะไหล่ทอง 
         เหรียญเสมา ลพ.วิบูล วัดโค้งวิไล เนื้ออัลปาก้า ปี 2513 
         เหรียญเสมา ลพ.วิบูล วัดโค้งวิไล เนื้อทองแดง ปี 2517
         เหรียญที่ระลึกปลอดภัย ว.บ. เนื้ออัลปาก้า ปี 2518
         เหรียญฉลองโรงเรียนพระปริยัติธรรม กะหถั่ยทอง ปี 2518
         เหรียญฉลองโรงเรียนพระปริยัติธรรม กะหลั่ยเงิน ปี 2518 
         รูปเหมือนปั๊มปากจู๋ เนื้อทองเหลืองรมดำ ปี 2515
         รูปเหมือนปั๊มปากสู้ เนื้อทองเหลืองไม่รมดำ ปี 251
         รูปหล่อฉีดอุดกริ่ง กะไหล่ทอง ปี 2519
         รูปหล่อฉีดอุดกริ่ง รมดำ ปี 2519 
         เหรียญรูปคู่ วัดสันติวนาราม เนื้อเงิน ปี 2519
         เหรียญรูปคู่ วัดสันติวนาราม เนื้อนวโลหะ ปี 2518 
         เหรียญรูปค่ วัดสันติวนาราม เนื้อทองแคงรมคำ ปี 2519 
         พระเนื้อดิน ปี 2507 ไม่จำกัดพิมพั 
         พระขุนแผนเนื้อดิน ปี 2508
         พระรูปเหมือนพิมพ์เล็บมือ หลังวิบูล เนื้อดิน-ผง 
         พระสมเด็จเนื้อผงฐาน 5 ชั้น รุ่นอินโดจีน ไม่จำกัดพิมพั
         พระสมเด็จเนื้อผง รุ่นอินโดจีน ไม่จำกัดพิมพ์ 
         พระสมเด็จขาโต๊ะ ไม่จำกัดพิมพ์ 
         พระสมเด็จเล็บมือ ฐาน 2 ชั้น ไม่จำกัดเนื้อ ไม่จำกัดหลัง 
         พระเม็ดน้อยหน่าเนื้อผงน้ำมัน รุ่นอินโดจีน
         พระเนื้อผงน้ำมัน รุ่นอินโดจีน ไม่จำกัดพิมพ์ 
         ล็อคเก็ตภาพสีสี่เหลี่ยมหลังยันต์ ปี 2508 
         ล็อคเก็ตภาพสีออก วัดโค้งวิไล ปี 17 
         ล็อคเก็ตหลวงพ่อวิบูล ไม่จำกัดพิมพ์ (องค์การบริหารส่วนจังหวัดกำแพงเพชร, 2553, หน้าที่ 16)
         เหรียญพระพุทธชินราช วัดท่างิ้ว ปี 2568 
         เหรียญใบเสมาที่ระฤกฉลองศาลา ปี 2452 
         เหรียญพระพุทธที่ระลึกกึ่งพุทธกาล พ.ศ. 2500
         เหรียญเงินลงยา ปี 2501 ไม่จำกัดสี
         เหรียญหลวงพ่อสว่าง ปี 2501 ไม่จำกัดเนื้อ 
         รูปถ่ายอัดกระจกห่มคลุมภาพขาวดำ 
         รูปถ่ายอัดกระจกขาว-ดำ ฉลองพัดยศ ปี 2501 
         เหรียญกลมนั่งเต็มองค์ ปี 2506 เนื้ออัลปาก้า
         เหรียญกลมอายุ 80 ปี ไม่มีรัศมี ปี 2506 เนื้ออัลปาก้า 
         เหรียญกลมอายุ 80 ปี มีรัศมี ปี 2506 เนื้อเงิน
         เหรียญกลมอายุ 80 ปี มีรัศมี ปี 2506 เนื้อทองแดงรมคำ
         เหรียญกลมอายุ 80 ปี มีรัศมี ปี 2506 เนื้อทองแคงไม่รมคำ
         รูปเหมือนใหญ่ปั๊มเนื้อโลหะ พิมพ์มีหางน้ำ 
         รูปเหมือนใหญ่ปั๊มเนื้อโลหะ พิมพ์ไม่มีทางน้ำ ปี 2508 
         รูปเหมือนเล็กปั๊ม เนื้อโลหะ พิมพ์ตาเท่ากัน ปี 2508 
         รูปเหมือนเล็กปั๊ม เนื้อโลทะ พิมพ์ตาไม่เท่ากัน ปี 2508
         เหรียญปลอดภัย พิมพ์นิยม พิมพ์ที่ 1 ปี 2510 เนื้ออัลปาก้า 
         เหรียญปลอดภัย พิมพ์นิยม พิมพ์ที่ 2 ปี 2510
         เหรียญปลอดภัย พิมพ์นิยม พิมพ์ที่ 3 ปี 2510 เนื้ออัลปาก้า
         เหรียญปลอดภัย พิมพ์บ่าแตกยาว ปี 2510
         เหรียญปลอดภัย พิมพ์บ่าแตกสั้น ปี 2510
         เหรียญปลอคภัย พิมพ์เศียรโล้น ปี 2510
         เหรียญปลอดภัย พิมพ์สายฝน ปี 2510 
         เหรียญปลอดภัย พิมพ์ทรงผม ปี 2510 
         เหรียญปลอดภัย พิมพ์หน้าผากกว้าง ปี 2510 
         เหรียญหลวงพ่อจุล-หลวงพ่อสว่าง ปี 2510
         เหรียญขวัญถุง เสาร์ 5 ปี 12 เนื้ออัลปาก้าชุบ 
         เหรียญดาวเที่ยม เนื้อทองคำ ปี 2515
         เหรียญดาวเทียม เนื้อเงิน ปี 2515 
         เหรียญดาวเทียม เนื้อนวะ ปี 2515
         เหรียญดาวเทียม เนื้ออัลปาก้า ปี 2515 
         เหรียญฉลองอายุ 5- ปี พิมพ์นิยมกะหลั่ยทอง ปี 2515
         เหรียญฉลองอายุ 40 ปี พิมพ์หูขีด ปี 2515 (องค์การบริหารส่วนจังหวัดกำแพงเพชร, 2553, หน้าที่ 17)
ยุคก่อนปี 2500
         เหรียญอุโบสถ วัดท่างิ้ว สร้างปี 2468 
         เหรียญกึ่งพุทธกาล สร้างปี 2500 
         ภาพถ่ายห่มคลุม อัดกระจก 
ปี 2501 
         เหรียญเงินลงยาสีเขียว 
         แหนบพัดยศ เนื้ออัลปากา 
         แหวนลงยา ขนาดต่าง ๆ
ปี 2506 
         เหรียญกลมรัศมี เนื้อเงิน 
         เหรียญกลมรัศมี เนื้อทองแดง รมดำ 
         เหรียญกลมรัศมี เนื้อทองแดง #1 
         เหรียญกลมรัศมี เนื้อทองแดง #2 
         เหรียญกลมไม่มีรัศมี เนื้ออัลปากา
         เหรียญกลมนั่งเต็มองค์ เนื้ออัลปากา 
ปี 2508
         รูปหล่อบูชา ขนาด 5 นิ้ว 
         รูปหล่อเนื้อทองเหลือง พิมพ์ใหญ่ (หล่อใหญ่) #1 
         รูปหล่อเนื้อทองเหลือง พิมพ์ใหญ่ (หล่อใหญ่) #2 
         รูปหล่อเนื้อทองเหลือง พิมพ์ใหญ่ (หล่อใหญ่) #3 
         รูปหล่อเนื้อทองเหลือง พิมพ์เล็ก (หล่อเล็ก) 
         ล็อกเก็ตภาพถ่าย ขนาดห้อยคอ 
ปี 2510 
         เหรียญปลอดภัย บล็อคหนึ่ง เนื้ออัลปากา 
         เหรียญปลอดภัย บล็อคสอง เนื้ออัลปากา 
         เหรียญปลอดภัย บล็อคสาม เนื้ออัลปากา 
         เหรียญปลอดภัย บล็อคบ่าแตก ต.ขีด เนื้ออัลปากา 
         เหรียญปลอดภัย บล็อคบ่าแตก เนื้ออัลปากา 
         เหรียญปลอดภัย บล็อคเศียรโล้นสายฝน เนื้ออัลปากา 
         เหรียญปลอดภัย พิมพ์ทรงผม เนื้ออัลปากา 
         เหรียญปลอดภัย พิมพ์หน้าผากกว้าง เนื้ออัลปากา 
         เหรียญสิงห์เหนือเสือใต้ หลวงพ่อจุล-หลวงพ่อสว่าง 
ปี 2512 
         เหรียญขวัญถุง
ปี 2513 
         พระเนื้อผงรูปเหมือน หลังวิบูล 
         เหรียญพระพุทธชินราช 9 เกจิ
ปี 2515 
         เหรียญดาวเทียม เนื้อทองคำ 
         เหรียญดาวเทียม เนื้อเงิน 
         เหรียญดาวเทียม เนื้อนวะ 
         เหรียญดาวเทียม เนื้ออัลปากา 
         เหรียญ 90 ปี 
         สมเด็จหลังวิบูล 
ปี 2516 
         เหรียญศรี เนื้อทองคำ 
         เหรียญเจริญศรี เนื้อเงิน 
         เหรียญเจริญศรี เนื้ออัลปากา ไม่ชุบ 
         เหรียญเจริญศรี เนื้ออัลปากา ชุบนิกเกิล #1 
         เหรียญเจริญศรี เนื้ออัลปากา ชุบนิกเกิล #2 
         เหรียญฉลองรูปเหมือน เนื้อทองแดง 
         รูปหล่อบูชา ขนาด 5 นิ้ว รมดำ #1 
         รูปหล่อบูชา ขนาด 5 นิ้ว รมดำ #2 
         รูปหล่อบูชา ขนาด 5 นิ้ว รมดำ #3 
ปี 2517 
         สมเด็จผงน้ำมัน หลังยันต์ #1 
         สมเด็จผงน้ำมัน หลังยันต์ #2 
         เหรียญที่ระลึกวางศิลาฤกษ์ รร. 
         เหรียญเสมา ออกวัดโค้งวิไล เนื้อทองแดง 
         เหรียญเสมา ออกวัดโค้งวิไล เนื้ออัลปากากะหลั่ยเงิน 
         แหวนสกรีนหลวงพ่อสว่าง ออกวัดโค้งวิไล 
         ล็อกเก็ตภาพถ่าย ออกวัดโค้งวิไล #1 
         ล็อกเก็ตภาพถ่าย ออกวัดโค้งวิไล #2 
         นางกวักงาแกะ ออกวัดโค้งวิไล 
ปี 2518 
         รูปหล่อบูชาปี 2518 ออกวัดแม่ลาดใหญ่ 
         พระสีวลี ออกวัดสิงคาราม #1 
         พระสีวลี ออกวัดสิงคาราม #2 
ปี 2519 
         เหรียญปลอดภัย โค้ด ว.บ. #1 
         เหรียญปลอดภัย โค้ด ว.บ. #2 
         เหรียญปลอดภัย โค้ด ว.บ. #3 
         เหรียญฉลองโรงเรียน กะหลั่ยทอง 
         เหรียญฉลองโรงเรียน ชุบ 
         รูปหล่อปั้ม (ปากจู๋) เนื้อทองเหลือง 
         รูปหล่อฉีด เนื้อทองเหลือง กะหลั่ยทอง 
         รูปหล่อฉีด เนื้อทองเหลือง รมดำ 
         เหรียญทวิ ออกวัดสันติวนาราม เนื้อนวะโลหะ 
         เหรียญทวิ ออกวัดสันติวนาราม เนื้อทองแดง 
         แหวนอาร์ม ลงยา 
         ล็อกเก็ต ภาพถ่าย 
         วัตถุมงคลหลวงพ่อสว่าง ประเภทเนื้อดิน เนื้อผง เครื่องราง และอื่นๆ
         สมเด็จ 5 ชั้น (เข่ากว้าง) 
         สมเด็จ 5 ชั้น (เข่าตุ่ม) 
         พระขุนแผน พิมพ์ใหญ่ 
         พระขุนแผน พิมพ์เล็ก 
         พระซุ้มกอ
         พระลีลา 
         เม็ดแตง อินโดจีน #1 
         เม็ดแตง อินโดจีน #2 
         เม็ดแตง อินโดจีน #3 
         นางสามเหลี่ยมแข้งหมอน #1
         นางสามเหลี่ยมแข้งหมอน #2
         นางสามเหลี่ยมแข้งหมอน #3 (องค์การบริหารส่วนจังหวัดกำแพงเพชร, 2553, หน้าที่ 18)
นักแหล่ที่มีชื่อเสียง
         หลวงพ่อสว่าง เป็นพระนักแหล่ด้วยมีสำเนียงไพเราะเป็นที่ชื่นชอบของญาติโยม ท่านจึงรับนิมนต์ไปเทศแหล่ในจังหวัดต่าง ๆ ทางภาคกลาง เช่น ที่อยุธยา ปทุมธานี กรุงเทพฯ สุพรรณบุรี ชัยนาท นครสวรรค์ เป็นต้น (ที่นี่ "กำแพงเพชร", 2559)
         ปาฏิหาริย์ของหลวงพ่อสว่าง วัดท่าพุทรา
         ครูธวัชชัย พิลาทอง นักสะสมพระเครื่อง อ.โกสัมพีนคร จ.กำแพงเพชร กล่าวว่า หลวงพ่อลำใย เจ้าอาวาสวัดท่าพุทรา องค์ปัจจุบัน ท่านเมตตาเล่าเรื่องปาฏิหาริย์ของหลวงพ่อสว่าง วัดท่าพุทรา ที่ท่านเคยเห็น ในงานพุทธาภิเษก งานหนึ่งในจังหวัดนครสวรรค์ ท่านเล่าว่างานนั้นได้นิมนต์พระเกจิชื่อดังของยุคนั้น ในแถบภาคกลาง มาร่วมปลุกเสกวัตถุมงคลประมาณ 10 กว่ารูป ซึ่งในงานนั้นต่างก็มีพระเกจิที่มีวิชาอาคมแก่กล้ามาอยู่ร่วมกัน ซึ่งก็เป็นธรรมเนียมปฏิบัติของเหล่าพระเกจิยุคก่อน เมื่อมาเจอกัน ถ้าไม่ได้รู้จักหรือสนิทสนมกันแล้ว ท่านเหล่านั้นก็มักจะลองภูมิและคุณธรรมของกันและกันอยู่เสมอ(ลองวิชาและกำลังจิต) หลวงพ่อลำใยเล่าว่าถ้าใครไม่แน่จริง อาจจะโดนลองวิชาจนถึงขั้นเจ็บไข้ได้ป่วย จนถึงล้มหมอนนอนเสื่อไปเลย แต่หลวงพ่อสว่างท่านเป็นคนที่ไม่ประมาทในชีวิต เพราะท่านย่อมรู้อยู่แล้วว่าภายในงานนี้จะต้องมีการประลองพระเวทย์และอาคมใส่กัน หลวงพ่อสว่างท่านจึงลงอาคมล้อมตัวท่านไว้ก่อนแล้วเพื่อเป็นการป้องกันไว้ก่อน ดีกว่าต้องมาตามแก้ในภายหลัง (หลวงพ่อลำใยเมตตาท่องคาถาให้ฟังด้วย พร้อมกับใช้นิ้วขีดที่พื้นวนรอบตัวให้ดู)และเมื่อเหล่าพระคณาจารณ์องค์ต่างๆลองวิชากันเสร็จแล้ว พอถึงคิวของหลวงพ่อสว่าง หลวงพ่อท่านก็เข้าสมาธิและอธิฐานฤทธิ์ให้ร่างกายท่านลอยขึ้นจากอาสนะที่ท่านนั่งปลุกเสก ต่อหน้าต่อตาของพระคณาจารณ์เหล่านั้นให้ตะลึงไปตามๆกัน ซึ่งในงานนั้นทำให้ชื่อเสียงและคุณธรรมของหลวงพ่อสว่างได้เป็นที่รู้จักแก่บรรดาเหล่าพระคณาจารณ์เหล่านั้นเป็นอย่างดี เพราะในงานนั้นไม่มีพระคณาจารย์องค์ไหนที่จะสามารถแสดงฤทธิ์ได้อย่างหลวงพ่อสว่างเลยแม้แต่องค์เดียว (ธวัชชัย พิลาทอง, 2564, สัมภาษณ์)
         ณัฐพล แสงสุด (การสัมภาษณ์, 12 ตุลาคม 2564) เจ้าของร้านพระเครื่อง “พล ทรายทอง” อ.คลองคลุง จ.กำแพงเพชร เล่าเรื่องยันต์หนังหน้าผากเสือ ประสบการณ์ความศักดิ์สิทธิ์วิเศษในหนังหน้าผากเสือ ลพ.วิบูลฯ (สว่างศิษย์หลวงพ่อวิบูล อดีตครูสอนพระนักธรรมแห่งวัดท่างิ้ว (วัดท่าตั้วเกา) ต.ท่างิ้ว อ. บรรพตพิสัย จ.นครสวรรค์ สมัยที่ลพ.วิบูลครองวัดนี้สมัยเดิม ตั้งแต่ พ.ศ.2500 ลงไป(ลพ.วิบูลครองวัดคฤหบดีสงฆ์-ท่าพุทธา ระหว่างปี 2501-1 ก.พ.2520) ในสมัยก่อนปี 2500 อาจารย์ท่านนี้ได้มอบแผ่นยันต์หนังหน้าผากเสือให้แก่หลานชาย ซึ่งผ่านการเกณฑ์ทหารแล้วและกำลังติดพันสาวสวยประจำหมู่บ้านท่างิ้ว ซึ่งมีคู่แข่งเป็นหนุ่มและไม่หนุ่มจำนวนมาก ในบรรดาเหล่านี้ มีลูกชายผู้ใหญ่บ้านท่างิ้วรวมอยู่ด้วย วันที่เกิดเรื่อง เป็นวันหนึ่ง ตอนพลบค่ำขณะที่หลานชายอาจารย์ท่านนี้กำลังพูดคุยอยู่กับสาวงาม ที่บ้านของสาวสวย ลูกชายผู้ใหญ่บ้านได้ไปเที่ยวบ้านสายสวยในเวลาเดียวกัน จึงเป็นเหตุให้เกิดความไม่พอใจกันขึ้น ถึงกับชกต่อยกันพัลวัน ซึ่งลูกผู้ใหญ่บ้านสู้ไม่ได้ เกิดบันดาลโทสะลืมตัว ชักปืนที่เหน็บสะเอวไปด้วยเป็นปืนคอลท์ลูกโม่ กระหน่ำยิงหลานชายอาจารย์ท่านนี้ในระยะกระชั้นชิดหลายนัด ชนิดยิง " เผาขน " หลายนัดจนหมดลูกโม่ ความจริงแล้วหลานชายอาจารย์ท่านนี้ต้องเน่าแน่ แต่เกิดเหตุการณ์มหัศจรรย์ หลานชายอาจารย์ท่านนี้ไม่ได้ถูกกระสุน เลยแม้แต่เพียงเส้นขนแมว ไม่ทราบว่าลูกกระสุนละลายหายไปได้อย่างไร เมื่อหายตกตลึง หลานชายอาจารย์ท่านนี้ ชักมีดที่พกไว้ออกมา ทำให้ลูกผู้ใหญ่เผ่นอ้าวชนิดไม่ยอมเหลียวหลัง การที่รอดจากการถูกกระสุนยิงเพราะแผ่นยันต์หนังหน้าผากเสือหลวงพ่อวิบูลฯ แผ่นเดียวที่พกไป (ณัฐพล แสงสุด, 2564, การสัมภาษณ์)
ภาพที่ 4 ยันต์หนังหน้าผากเสือ.jpg

ภาพที่ 4 ยันต์หนังหน้าผากเสือ (พระพันธุ์ทิพย์, 2561)

         เหรียญปลอดภัย ประสบการณ์ศักดิ์สิทธ์ คุณลุงชาญ นักสะสมพระเครื่องชาว ต.ไทรงาม จ.กำแพงเพชร เล่าว่า เมื่อเดือนเมษา พ.ศ.2535 คนหลงชานได้มานั่งพบปะกินอาหารกันกับกลุ่มเพื่อนเก่า รุ่นน้อง ในระหว่างที่ดื่มกินกันอยู่ก็ได้มีการสนทนาพูดคุย ถึงเรื่องพระเครื่องต่างๆและต่อมาก็ได้มีการขอดูพระเครื่อง ที่คุณลุงชานได้แขวนไว้ในคอ ซึ่งก็คือเหรียญปลอดภัย บล็อค 2 ของหลวงพ่อสว่าง วัดท่าพุทรา หลังจากนั้นผู้ที่ขอชมพระเครื่องของลุงชาญ จึงได้พูดคุยขอเช่าพระเครื่ององค์นี้ แต่การตกลงพูดคุยซื้อขายนั้น เป็นเรื่องบานปลายใหญ่โตจึงได้มีการชกต่อยกันเกิดขึ้น คู่กรณีจึงได้มีการชักปืนออกมาขู่ ต่อมาดูเหมือนว่าเรื่องราวทั้งหมดจะยุติลงเท่านี้ เพราะคุณลุงชานได้ยุติเรื่องราวทั้งหมดโดยการเดินทางกลับไปที่พัก แต่ในขณะนั้นเอง ก็ได้มีกลุ่มชายฉกรรจ์ กลุ่มนึงมาตะโกนเรียกลุงชาญให้ออกจากที่พัก และเมื่อคุณลงชาญออกจากที่พัก กลุ่มคนดังกล่าวได้มีการชักปืนออกมายิงคุณลุงชาญ จำนวน1นัด เข้าที่หน้าอกซ้ายของลุงชาญ จนรู้สึกเจ็บและล้มลงไป คนกลุ่มนั่นได้หลบหนีไป เพราะเข้าใจว่าลุงชาญได้เสียชีวิตแล้ว ในเวลาต่อมาคุณลุงชาญที่กำลังนอนอยู่ กับพื้นแต่ยังคงมีสติสมบูรณ์อยู่ จึงได้สำรวจตัวเอง ว่าได้รับบาดเจ็บอะไรตรงไหนหรือเปล่า และได้พบว่าเหรียญปลอดภัยมีร่องรอยกระสุนอย่างเห็นได้ชัด และเนื้อหนังที่มีรอยแดงของเหรียญที่กระทบหน้าอกด้านซ้ายจนเป็นเหตุให้ลุงชาญ รอดความตายในครั้งนี้ได้อย่างปาฏิหาริย์ (นายชาญ ขำรอด, 2564, การสัมภาษณ์)
ภาพที่ 5 เหรียญปลอดภัย บล็อคสอง.jpg

ภาพที่ 5 เหรียญปลอดภัย บล็อคสอง เนื้ออัลปากา(ชมรมพระเครื่องเมืองกำแพงเพชร, 2553)

         นายไวพจน์ ฤมิตร นักธุรกิจชาว (การสัมภาษณ์, 11 ตุลาคม 2564) ต.วังยาง อ.คลองขลุง จ.กำแพงเพชร ได้กล่าวว่า ลูกศิษย์ที่เคารพนับถือหลวงพ่อสว่างคล้องเหรียญปลอดภัย บล็อกสอง ปี พ.ศ.2510 เกิดอุบัติเหตุรถคว่ำแต่คนไม่เป็นไรเลย รถเครื่องไปชนกับรถกระบะแต่ไม่เป็นไรเป็นแค่แผลทะลอกนิดหน่อย แล้วก็คนคล้องเหรียญปลอดภัยนั่งบนเครื่องบินแต่เครื่องบินมีเหตุการณ์ที่เครื่องบินทำท่าจะตก ลูกศิษย์คนนั้นจึงท่องคาถาแคล้วคลาดของหลวงพ่อสว่าง ด้วยอภินิหารของเหรียญปลอดภัยของหลวงพ่อสว่างเลยทำให้เครื่องบินไม่ตก

แนวทางการปฏิบัติ/การดำเนินชีวิต[แก้ไข]

         หลวงพ่อสว่าง (หลวงพ่อวิบูลวชิรธรรม) ท่านมีความเมตตา กรุณา อารีย์ต่อศิษย์และต่อบุคคล ทุกเพศ ทุกวัย ทุกชั้น จึงมีประชาชนทั้งในจังหวัดกำแพงเพชร และจังหวัดอื่นๆทั้งใกล้ทั้งไกลมาเยี่ยมเยียนกราบนมัสการท่านอยู่มิได้ขาด บุคคลที่มาส่วนมากก็มาให้ท่านอาบน้ำมนต์ ประพรหมน้ำมนต์ให้บ้าง ขอสิ่งของที่ระลึกบ้าง บางคนก็อยากได้เหรียญ อยากได้ธงทิว อยากได้ผ้ายันต์ อยากได้พระว่าน อยากได้ตะกรุด เป็นต้น หลวงพ่อพระวิบูลวชิรธรรมท่านจึงได้สร้างเหรียญปลอดภัย และเหรียญที่ระลึกรูปเหมืององค์ท่านขนาดต่างๆ ตามความประสงค์ของศิษยานุศิษย์ และประชาชนทั่วไป นอกจากเหรียญ ยังมีผ้ายันต์ ธงทิว และยันต์หนังเสือ ดังนี้เป็นต้น วัตถุมงคลที่ทำให้แคล้วคลาดจากปวงภัย มีความคงกระพัน ชาตรี บังเกิดเมตตา มหานิยม มหาเสน่ห์ อุดมโชคลาภ แก่กล้าบารมีเป็นที่ครั่นคร้ามแก่ผู้เป็นศัตรูผู้มุ่งร้าย ล้วนเป็นความเชื่อ และยึดมั่นสืบทอดนับกว่าพันปีจนถึงในปัจจุบัน(ชมรมพระเครื่องเมืองกำแพงเพชร, ม.ป.ป.) 

ข้อมูลการสำรวจ[แก้ไข]

แหล่งอ้างอิง[แก้ไข]

กาญจนา จันทร์สิงห์. (2563). หลวงพ่อสว่าง (พระวิบูลวชิรธรรม). เข้าถึงได้จาก https://arit.kpru.ac.th/ap2/local/?nu=pages&page_id=1270&code_db=610003&code_type=03
ชมรมพระเครื่องกำแพงเพชร. (ม.ป.ป.). พระวิบูลวชิรธรรม (หลวงพ่อสว่าง อุตตโร). เข้าถึงได้จาก http://www.prakp.com/lpsawang/index.php
----------. (ม.ป.ป.). เหรียญปลอดภัย บล็อคสอง เนื้ออัลปากา. เข้าถึงได้จาก http://www.prakp.com/images/lpsawang/25100200.jpg
ที่นี่ "กำแพงเพชร". (2559, 15 กันยายน). ประวัติ หลวงพ่อสว่าง (พระวิบูลวชิรธรรม) วัดคฤหบดีสงฆ์ (วัดท่าพุทรา). [Facebook]. เข้าถึงได้จาก https://www.facebook.com/teenee.kamphaengphet/photos/
         ประวัติ-หลวงพ่อสว่าง-พระวิบูลวชิรธรรม-วัดคฤหบดีสงฆ์-วัดท่าพุทราหลวงพ่อสว่าง-เป็น/1754572578092896/
พระพันธุ์ทิพย์. (2561). หน้าผากเสือ หลวงพ่อสว่าง วัดท่าพุทรา. เข้าถึงได้จาก https://www.prapantip.com/amulet/detail/307994/101421/หน้าผากเสือ+หลวงพ่อสว่าง+วัดท่าพุทรา
พระอริยสงฆ์เมืองกำแพงเพชร. (2560, 31 ธันวาคม). หลวงพ่อสว่าง วัดท่าพุทธา. [Facebook].  เข้าถึงได้จาก https://www.facebook.com/126251477545230/photos/a.127514624085582/681575022012870/?type=3
ศาล มรดกไทย. (2563). หลวงพ่อสว่าง วัดท่าพุทรา (วัดคฤหบดีสงฆ์) จังหวัดกำแพงเพชร. เข้าถึงได้จาก https://www.prapantip.com/magazinedetail/63/1/หลวงพ่อสว่าง#p.
องค์การบริหารส่วนจังหวัดกำแพงเพชร. (2553). การประกวดการอนุรักษ์ พระบูชา พระเครื่อง และเหรียญคณาจารย์จังหวัดกำแพงเพชร. ม.ป.ท.

วันเดือนปีที่สำรวจ[แก้ไข]

         วันที่ 11 สิงหาคม พ.ศ.2564

วันปรับปรุงข้อมูล[แก้ไข]

         วันที่ 17 ตุลาคม พ.ศ.2564

ผู้สำรวจข้อมูล[แก้ไข]

         อาจารย์ธนธรณ์  แจ้งโม้, อาจารย์วนัสนันท์  นุชนารถ, ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.พธูรำไพ  ประภัสสร, ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ศุภโชคชัย  นันทศรี และ อาจารย์ ดร.พิมพ์นารา  บรรจง สำนักศิลปะและวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏกำแพงเพชร
         ปรัชญาภรณ์ ตู้ที, พันธกานต์ ฤมิตร และวราพล  ภูมิมาศ นักศึกษาโปรแกรมวิชานิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏกำแพงเพชร

คำสำคัญ (tag)[แก้ไข]

         หลวงพ่อสว่าง วัดท่าพุทรา, เหรียญปลอดภัย, ยันต์หน้าผากเสือของหลวงพ่อสว่าง, พระอุตฺตโร, หลวงพ่อวิบูลวชิรธรรม