ฐานข้อมูล เรื่อง โป่งข่าม เมืองกำแพงเพชร

จาก KPPStudies
ไบยังการนำทาง ไปยังการค้นหา

ข้อมูลทั่วไป[แก้ไข]

         ความเชื่อในเรื่องแก้วศักดิ์สิทธิ์ของชาวลานนามีมานับนับร้อยนับพันปี ดังหลักฐานการขุดค้นพบแก้วจากกรุโบราณตามสถานที่ต่าง ๆ ในเขตทางภาคเหนือ เช่นองค์พระมหามณีรัตนปฏิมากร ซึ่งค้นพบในกรุเจดีย์ที่จังหวัดเชียงราย อีกองค์หนึ่งคือ "องค์พระแก้วดอนเต้า" (ปัจจุบันประดิษฐานอยู่ที่วัดพระธาตุลำปางหลวง จังหวัดลำปาง) รวมไปถึงพระแก้วขาวหริภุญชัย หรือรู้จักกันดีในชื่อ "พระเสตังคมณี" ปัจจุบันประดิษฐานอยู่ที่วัดเชียงมั่น จังหวัดเชียงใหม่ ซึงมีอายุเก่าแก่ถึง 1800 ปี
         แก้วโป่งข่าม เป็นอัญมณีของไทย เป็นทรัพย์ในดินที่ดูเสมือนกับว่าถูกละลืมไปอย่างน่าเสียดาย ทั้ง ๆ ที่คุณค่าของแก้วโป่งข่าม นอกจากความสวยงามภายนอกแล้ว ยังมีคุณค่าทางวัฒนธรรม, ประวัติศาสตร์ และตำนานความเชื่อต่าง ๆ เป็นมรดกตกทอดให้คนรุ่นหลังได้สืบสาน มากกว่าการเป็นเพียงแค่เครื่องประดับอัญมณีที่สวมใส่กันอย่างฉาบฉวยตาม แฟชั่นเท่านั้น

ชื่อเรียก[แก้ไข]

         แก้วโป่งข่าม

ชื่อเรียกอื่น ๆ[แก้ไข]

         แก้วโป่งข่าม, แก้วขนเหล็ก

คำอธิบาย[แก้ไข]

         ในยุคสมัยแห่งความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี คนเราหันไปสนใจเฉพาะสิ่งที่ตามองเห็น และเชื่อในสิ่งที่ตนสัมผัสได้เท่านั้น โดยละทิ้งธรรมชาติอันเป็นแหล่งที่มาของตน ไม่รับรู้ถึงพลังของธรรมชาติที่ยังคงอยู่รอบ ๆ ตัวเรา
         หากเอ่ยถึงคำว่า “อัญมณี”  หลายท่านอาจจะนึกถึงเครื่องประดับที่สวยสดงดงาม ล้ำค่า จนใครๆ ก็คิดอยากมีไว้ครอบครอง อัญมณีล้ำค่าเหล่านั้นมีมากมายหลายชนิดเหลือเกิน ใครเลยจะรู้ว่ามันเป็นเพียงหินแร่ที่มาจากทรัพยากรใต้พิภพ หากแต่มันเป็นหินแร่ที่มีค่า และแน่นอนเมื่อนำมาเจียระไนแล้วจะต้องมีลักษณะที่สวยงาม คงทน และมีราคา
         "แก้วโป่งข่าม" ก็เป็นแร่ธาตุชนิดหนึ่ง ซึ่งก่อกำเนิดขึ้นมาจากธรรมชาติ และอยู่ใกล้กับตัวเราจนสัมผัสได้ ย่อมที่จะต้องมีอิทธิพลส่งผลต่อผู้ถือครองเช่นกัน
         "แก้ว" ตามความหมายโดยทั่วไป หมายถึง หินใสแลลอดเข้าไปข้างในได้
         "โป่ง" หมายถึง ลักษณะของสิ่งที่พองด้วยลม หรือแก๊ส เช่น ดินโป่ง (ดินที่มีเกลือ) เป็นต้น
         "ข่าม" เป็นภาษาถิ่น หมายถึง อยู่ยงคงกระพัน
         "แก้วโป่งข่าม" จึงมีความหมาย คือ หินใสที่มองเล็ดลอดเข้าไปข้างในและมีความอยู่ยงคงกระพัน โดยเกิดจากการผุดขึ้นมาจากช่องดิน
         "แก้วโป่งข่าม" เป็นหินแก้วตระกูลแร่ควอทซ์ (Quartz) หรือที่เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “แร่เขี้ยวหนุมาน” โดยตามมาตรความแข็งของโมส์ (Moh’s scale of hardness) ควอทซ์มีค่าความแข็งอยู่ในอันดับที่ 7 (ความแข็งมี 10 อันดับ เพชร แข็งที่สุด คืออันดับ 10) โดยลักษณะของควอทซ์จะมีความโปร่งใส ไปจนถึงทึบแสง และมีมายหลายสี ควอทซ์จึงจัดเป็นรัตนชาติตระกูลใหญ่ตระกูลหนึ่ง และหลายพื้นที่ในประเทศไทยพบควอทซ์หลายชนิด แต่ชนิดที่นำมาทำแก้วโป่งข่ามนั้น พบมากที่ อำเภอเถิน จังหวัดลำปาง
         แก้วโป่งข่าม เป็นอัญมณีศักดิ์สิทธ์คู่บ้านคู่เมืองของอำเภอเถินมาช้านาน เชื่อกันว่าสามารถคุ้มภัยให้คุณในทางที่ดี อีกทั้ง อำเภอเถินยังมีแหล่งกำเนิด (ขุมแก้ว) ที่ชาวบ้านเชื่อกันว่ามีความศักดิ์สิทธิ์ “ดอยโป่งหลวง”  บ้านนาบ้านไร่ หมู่ที่ 5 ตำบลแม่ถอด  มีการขุดพบโป่งข่ามยักษ์ เมื่อวันที่ 3 มกราคม 2545 ปัจจุบัน ประดิษฐานอยู่ในเจดีย์ วัดบ้านนาบ้านไร่ เป็นองค์พระเจ้าแก้วโป่งข่ามที่องค์ใหญ่ที่สุดในโลก โดยสูง 99 เซนติเมตร วัดรอบฐาน 66 เซนติเมตร น้ำหนัก 1,000 กิโลกรัม อันเป็นที่เคารพบูชาของชาวบ้าน
         แน่นอนว่า เมื่อมีแหล่งกำเนิดอยู่ใกล้ชุมชน ต้องเกิดอาชีพที่ก่อให้เกิดรายได้ ชาวบ้านจึงได้ขุดเอาหินแก้วโป่งข่ามจากแหล่งแก้วศักดิ์สิทธิ์นี้ นำมาเจียระไน โดยอาศัยประสบการณ์และภูมิปัญญาท้องถิ่นที่สืบทอดกันมา ก่อให้เกิดเป็นผลิตภัณฑ์สร้างรายได้แก่คนในชุมชนจนกลายเป็นอุตสาหกรรมประจำหมู่บ้าน เมื่อหน่วยงานภาครัฐเล็งเห็นถึงศักยภาพของคนในชุมชน จึงได้ให้การสนับสนุน ทำให้เกิดเป็นผลิตภัณฑ์ OTOP ของกลุ่มเจียระไนแก้วโป่งข่าม ตำบลแม่ถอด โดยมีผลิตภัณฑ์เครื่องประดับ ทั้งแหวน ล็อกเก็ต กำไลข้อมือ จี้สร้อย รวมไปถึงการแกะสลักพระพุทธรูป ซึ่งถือเป็นความมีสิริมงคลและความขลัง
แก้วโป่งข่าม ตำนานแก้วกายสิทธิ์
         แก้วโป่งข่าม อีกหนึ่งหินกับความเชื่อในตำนานที่มีมานานไม่ต่ำกว่า 700 ปี และเป็นแก้วที่เป็นตำนานแห่งล้านนา ซึ่งเชื่อกันว่าแก้วโป่งข่ามเป็นแก้วศักดิ์สิทธิ์ที่หล่นมาจากฟากฟ้า กล่าวว่าแก้วโป่งข่ามนั้นร่วงมาจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ อีกเป็นสวรรค์ลำดับที่สาม หากนับจากสวรรค์ชั้นแรกคือชั้นภุมมา ชั้นที่สองคือ จาตุมหาราชิกา และชั้นที่สามคือ ดาวดึงส์  กล่าวไว้ว่าแก้วโป่งข่ามนั้นที่ถือว่าหยดลงมาจากฟากฟ้า สรวงสวรรค์ชั้นดาวดึงส์นั้นมีถึง 24 ดวง หรือ 24 ตระกูลด้วยกัน ที่สำคัญคือแก้วโป่งข่ามแต่ละตระกูลนั้นมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวและมีคุณวิเศษที่แตกต่างกันไป  อาจสามารถทำให้ผู้ครอบครองร่ำรวย ประสบโชคดีมีสุข หรือแคล้วคลาดปลอดภัยได้อย่างน่าอัศจรรย์ ความหมายของ “แก้วโป่งข่าม” แก้วโป่งข่าม เป็นภาษาเหนือ คำว่า “แก้ว” มีความหมายบ่งบอกในตัวชัดเจนว่า  หมายถึง  หินแก้วใสตามธรรมชาติจะก่อตัวขึ้นเป็นผลึกอยู่ใต้ดินหรือในถ้ำที่มีความเย็น  สามารถเติบโตได้เองตามธรรมชาติคล้ายกับต้นไม้ และเมื่อเกิดการหัก แก้วก็สามารถรักษาตัวเองได้อย่างน่าอัศจรรย์ หรือหากมีสิ่งใดที่มาปะปนตัวแก้ว ธรรมชาติของแก้วจะทำการเจริญเติบโตอย่างช้าๆ แล้วห่อหุ้มสิ่งแปลกปลอมนั้นไว้ในตัวด้วยนับว่าเป็นเรื่องน่าอัสจรรย์ใจอย่างยิ่ง ส่วนคำว่า “โป่ง” คือ ภายในพองลม  หมายความว่า ภายในนั้นกลวงใส ดังนั้นแก้วโป่งข่ามแต่ละประเภทจึงมีลักษณะโปร่งใส และภายในมักมีแร่ธาตุอื่นๆปะปนอยู่สร้างความสวยงามให้กับตัวแก้วอย่างมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวและคำว่า “ข่าม” หมายถึง ความศักดิ์สิทธิ์ อยู่ยงคงกระพัน มีอำนาจวิเศษในตัว ดังนี้เรียกกันว่าข่าม ซึ่งหมายถึงความขลังตามภาษาภาคกลางที่เราได้ยินกันบ่อย ๆ แก้วโป่งข่าม จึงหมายถึง  แก้วที่มีลวดลายภายในซึ่งมีความศักดิ์สิทธิ์ตามธรรมชาติอยู่ภายในตัว โดยไม่ต้องปลุกเสก แต่หากได้รับการปลุกเสกซ้ำย่อมทำให้ทวีความศักดิ์สิทธิ์สูงยิ่งๆขึ้นไปอีกหลายเท่าตัว
ความเชื่อ : แก้วโป่งข่ามมีเทวดารักษา
         ในความเชื่อทางเอเชียนั้นไม่ละเลยเรื่องทางจิตวิญญาณกับเรื่องทางวัตถุ เห็นได้ว่าความเชื่อของไทยเรานั้นกล่าวไว้ว่า ในบ้านย่อมมีผีบ้านผีเรือน ที่ดินย่อมมีเจ้าที่ ในป่ย่อมมีเจ้าป่า ในเขาย่อมมีเจ้าเขา แต่ละสถานที่ทั้งในเมือง ในป่า ยังมีจิตวิญญาณที่เรามองไม่เห็นคอยดูแลรักษาสถานที่ รวมทั้งสิ่งต่าง ๆ ณ บริเวณนั้น พรานป่าก่อนออกล่าสัตว์ก็ต้องเคารพเจ้าป่า เพราะเชื่อกันว่าสัตว์ป่า และของป่าต่างๆ นั้นมีเจ้าป่าเจ้าเขารักษาอยู่ หากไม่ทำการขอเสียก่อนอาจเกิดวิบัติแก่ตนเองได้
         แก้วโป่งข่ามก็มีเทวดารักษาเช่นกัน เทวดาประจำแก้วนั้นมี และแก้วแต่ละดวงแต่ละเรือนนั้นเปรียบเสมือนเรือนที่อาศัยของเทพยดาเหล่านั้น เทพที่รักษาก็มีหลายเผ่าหลายนิกาย หากเป็นแก้วที่มาจากต่างประเทศไกลๆ ก็อาจเป็นเทพของบ้านนั้นเมืองนั้น เทพเจ้าบางองค์เป็นเทพต่างศาสนาก็มี แต่ท่านเหล่านี้มีสัมมาทิฏฐิ หากเราปฏิบัติจิตทำตนเป็นคนดีเป็นอันใช้ได้ เพราะโลกวิญญาณของท่านสื่อถึงกันด้วยจิตเป็นใหญ่ นอกจากนี้แก้วบางดวงมีเทพเป็นพญานาครักษา บ้างเป็นฤาษี บ้างเป็นคนธรรพ์ ซึ่งผู้ที่ได้ทิพยจักษุจะรู้ได้ดี และแก้วโป่งข่ามก็เป็นแก้วอีกดวงหนึ่งที่มีความเชื่อว่ามีเทวดาปกปักษ์รักษาอยู่ ดังนั้นเราจึงควรดูแลรักษา และบูชาดวงแก้วนี้เป็นอย่างดี โดยอาศัยหลักอยู่ 2 ประการ คือ ประการแรก การปฏิบัติภายนอก ได้แก่ การบูชาด้วยดอกไม้หอม การสรงน้ำบูชาแก้วในวันพระและวันเปลี่ยนนักษัตร ประการที่สองการปฏิบัติภายใน ได้แก่ การสร้างคุณธรรมในใจตนจนสามารถเข้าสู่เทวสมาคม หมายถึง การสร้างคุณธรรมขึ้นในใจจนเป็นที่ยอมรับของเทวดาที่รักษาดวงแก้ว การสร้างคุณธรรมนี้ ได้แก่ การให้ทาน  รักษาศีล และการเจริญภาวนาอยู่เป็นนิตย์ ทุกครั้งที่เข้าสู่การเจริญภาวนาให้ยกเอาคุณแก้วดวงประเสริฐทั้งสาม คือ พระรัตนตรัย อันได้แก่ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ขึ้นบูชาเป็นการไหว้ครูเบื้องต้น แล้วตั้งจิตเอาสมาธิธรรมนี้บูชาแก้วดวงประเสริฐ ถ้าแก้วดวงไม่ใหญ่เกินไปให้กำไว้ในมือยามที่นั่งภาวนา ถ้าแก้วดวงใหญ่ให้ตั้งไว้ข้างหน้าขณะเจริญภาวนา ปฏิบัติเช่นนี้เป็นประจำจะบังเกิดความเป็นมงคล เทพยดาที่รักษาดวงแก้วเหล่านั้นจะเอื้ออำนวยโชคลาภ ความสำเร็จ และมีอานุภาพในการปกป้องคุ้มครองได้อย่างที่เราคาดไม่ถึงเลยทีเดียว
แก้วโป่งข่ามกับวันเกิด
อาทิตย์    :	สีแดง  ปวกคำ , ปวกแดง , สุริยประภา , แก้วเข้าแก้ว
จันทร์      :	สีขาว  แก้วกาบ , ปวก(ปะการัง) , วิทูรสีน้ำผึ้ง , แก้วเข้าแก้ว , แก้วขนเหล็ก
อังคาร     :	สีชมพู,ม่วงอ่อน  แก้วนางขวัญ , ปวกชมพู , ปวกแดง , ทรายคำ
พุธ  	      :	        สีเขียว  ปวกเขียว , ปวกครั่ง , วิทูรสีน้ำผึ้ง , แก้วสีฟ้า
พฤหัสบดี :         สีเหลือง,ส้ม  ปวกเหลือง , ปวกแดง , ปวกครั่ง , วิทูรสีน้ำผึ้ง , แก้วสามกษัตริย์ , แก้วกาบ
ศุกร์        :	        สีฟ้าาหมอก  แก้วสีฟ้า , แก้วแร , หมอกมุงเมืองง
เสาร์       :	        สีดำ,ม่วง  แก้ววิฑูรย์สีน้ำผึ้ง , แก้วขนเหล็ก , พรหมสามหน้า , มหานิล , นางขวัญ
โฉลกแก้วโป่งข่าม
แคล้วคลาดปลอดภัย :  แก้วสีฟ้า , แก้วเข้าแก้ว , แก้วขนเหล็กใส , แก้วขนเหล็กตัน , แก้วกาบ , แก้เนื้อลำไย
อำนาจ, วาสนา, เสริมบารมี :  แก้วนางขวัญ , แก้วสีฟ้า , แก้วสามกษัตริย์ , แก้วหมอกมุงเมือง , แก้วประกายรุ้ง , แก้วเข้าแก้ว
เมตตามหานิยม :  แก้วสีฟ้า , แก้วขนเหล็กใส , แก้วสามกษัตริย์ , แก้ววิทูรสีน้ำผึ้ง , แก้วนางขวัญ , แก้วปวกสีต่าง ๆ
ยศและตำแหน่ง :  แก้วกาบ , แก้วพรหมสามหน้า , แก้วสีฟ้า , แก้วขนเหล็ก , แก้วสามกษัตริย์
โชคลาภ :  แก้วแรต่างๆ , แก้วสีฟ้า , แก้ววิทูรสีน้ำผึ้ง , แก้วขนเหล็ก , แก้วสามกษัตริย์ , แก้วพิรุณแสนห่า , แก้วเข้าแก้ว , แก้วเนื้อลำไย
ร่ำรวย, มั่นคง :  แก้วสามกษัตริย์ , แก้วเข้าแก้ว , แก้วกาบ , แก้วสีฟ้า , แก้วหมอกมุงเมือง , แก้วขนเหล็ก , แก้วพิรุณแสนห่า , แก้วเนื้อลำไย
อยู่เย็นเป็นสุข :  แก้วพิรุณแสนห่า , แก้วน้ำหาย , แก้วสีฟ้า , แก้วปวกสีต่างๆ , แก้วกาบ , แก้ววิทูรสีน้ำผึ้ง , แก้วแร , แก้วหมอกมุงเมือง

สถานที่[แก้ไข]

         การผลิตภัณฑ์ที่ชาวบ้านนิยมนำแก้วโป่งข่ามมาเจียระไน เพื่อให้นำมาทำเป็นหัวพลอยใส่เครื่องประดับ แหวน สร้อยข้อมือ สร้อยคอ และกำไร 
สถานที่ที่สามารถหาพบได้นั้นแบ่งออกเป็น สถานที่หาซื้อ และสถานที่ขุดพบ
         ซึ่งสถานที่ที่สามารถหาซื้ออัญมณีแก้วโป่งข่าม ของจังหวัดกำแพงเพชรนั้นสามารถหาซื้อได้ที่ อำเภอ อ่างทอง และอำเภอคลองลาน
         แหล่งขุดแก้วโป่งข่ามของจังหวัดกำแพงเพชรโดยชาวบ้านจะรวมตัวกันไปขุดหาแร่โป่งข่ามในช่วงหลังการเก็บเกี่ยวมันสัมปะหลัง หรือในช่วงเดือน ธันวาคม ถึง มีนาคม มี 6 แหล่งพื้นที่หลัก ดังนี้ 
             1. ปางศิลาทอง พบมากที่สุด คือ แก้วปวก และแก้วสามกษัตริย์
             2. ทุ่งหญ้าคา  พบมากที่สุด คือ แก้วปวก และแก้วขนเหล็ก
             3. โป่งน้ำร้อน พบมากที่สุด คือ แก้วขนเหล็ก และแก้วประภาหมอกมุงเมือง 
             4. บึงหล่ม พบมากที่สุด คือ แก้วขนเหล็ก แก้วแร และแก้วทรายคำ
             5. คลองหัวแหวน พบมากที่สุด คือ แก้วขนเหล็ก และแก้วเข้าแก้ว
             6. คลองปลาร้า พบมากที่สุด คือ แก้วพิรุณแสนห่า และแก้ววิตูลสีน้ำผึ้ง

วัตถุผลิตภัณฑ์[แก้ไข]

         วัตถุผลิตภัณฑ์อัญมณีอันได้ชื่อว่าเป็น อัญมณีล้ำค่าของล้านนาทั้ง 12 ราศีนั้นแบ่งประเภทแก้วโป่งข่ามต่าง ๆ ชื่อแก้วโป่งข่าม อัญมณีล้ำค่าของล้านนาทั้ง 12 ประเภท ได้แก่
         1. แก้วขนเหล็ก เป็นแก้วโป่งข่ามที่มีความนิยมอย่างแพร่หลายในหมู่โป่งข่ามด้วยกันอาจจะเป็นเพราะมีการนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์ เรื่องแก้วขนเหล็ก จึงทำให้ผู้คนคุ้นหูกับคำว่า แก้วขนเหล็ก ก็เป็นไปได้ แก้วขนเหล็ก ในบรรดาแก้วขนเหล็กนั้นก็จะแยกออกเป็นสองแบบ คือ
             1.1 แก้วขนเหล็กใส เนื้อแก้วจะเป็นแก้วที่น้ำใส ภายในมีเส้นแร่ปรากฏอยู่ มีขนาดไม่เกินเส้นผม บางคติความเชื่อกล่าวกันว่า เส้นขนสีดำที่อยู่ภายในเม็ดแก้วคือ "เหล็กไหล" ในทางวิทยาศาสตร์ระบุว่า เส้นขนในแก้วชนิดนี้เป็นแร่รูไทล์ (Rutile) ธาตุติตาเนียม (Titanium) ซึ่งเป็นแร่ประเภทโลหะที่มีราคาแพง ให้สรรพคุณในเรื่องของอยู่ยงคงกระพัน ช่วยคุ้มครองป้องกันภูตผีปีศาจ และยังให้โชคลาภอีกด้วย
             1.2 แก้วขนเหล็กตัน แก้วโป่งข่ามชนิดนี้ จะมีเส้นขนสีดำลักษณะเดียวกันกับแก้วขนเหล็กใส เส้นขนจะใหญ่และหยาบกว่า เนื้อแก้วเป็นสีขาวขุ่นหรือสีเทา แก้วขนเหล็กตันสามารถหาได้ง่ายกว่าแก้วขนเหล็กใส ช่วยในเรื่องของโชคลาภ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องเดินทางติดต่อค้าขายและต้องการประสบความสำเร็จก้าวหน้าในหน้าที่การงาน
1 แก้วขนเหล็ก.jpg

ภาพที่ 1 แก้วขนเหล็ก

         2. แก้วเข้าแก้ว นับได้ว่าเป็นแก้วที่แปลกประหลาด ค่อนข้างจะเป็นที่นิยมอย่างสูงในหมู่นักสะสมโป่งข่ามราคาก็ค่อนข้างที่จะสูงกว่าโปงข่ามชนิดอื่นและเป็นแก้วที่หาได้ยากลักษณะของแก้วชนิดนี้เมื่อยังไม่ได้ทำการเจียระไน ตอนยังเป็นหน่อแก้วอยู่นั้น จะมองเห็นมีหน่อแก้วลิ่มเล็ก ๆปรากฏอยู่ข่างในหน่อแก้วอาจจะลิ่มเดียวหรือเป็นกลุ่ม งอกขึ้นอยู่ภายในหน่อแก้วใหญ่ โดยแทงทะลุจากภายนอกด้านใดด้านหนึ่งเข้าไปภายใน หรืออาจจะเป็นหน่อแก้วซ่อนอยู่ภายในหน่อแก้วใหญ่เชื่อกันว่าแก้วเข้าแก้วเป็นแก้วที่มีพลังสูงซึ่งผู้ที่เป็นเจ้าของอาจจะสัมผัสได้ถึงขุมพลังเร้นลับเหล่านั้น หากผู้ที่ได้ครอบครองปฏิบัติดีต่อแก้ว ย่อมที่จะได้รับผลดีตอบแทนอย่างคาดไม่ถึงว่ากันว่าแก้วเข้าแก้วให้คุณทางด้าน อำนาจ, วาสนา, เสริมบารมี
2 แก้วเข้าแก้ว.jpg

ภาพที่ 2 แก้วเข้าแก้ว

         3. แก้วทรายคำ มีลักษณะเด่นคือ เมื่อนำมาเจียระไนทำหัวแหวนแล้ว ด้านบนของแก้วจะมีลักษณะใสด้านล่างหรือพื้นแก้วจะมีแร่คล้ายๆเม็ดทรายเรียงรายอยู่เต็มพื้นแก้ว โดยทั่วไปแล้วจะมีหลายสี แต่ที่นิยมกันจะมี สีแดง สีส้ม สีทอง ซึ่งก็มีความเชื่อตามสีของเม็ดทรายแตกต่างกันไป เช่น สีส้มสีแดง ให้คุณทางด้าน ป้องกันโรคภัย ส่งเสริมสุขภาพของผู้ครอบครอง สีทองให้คุณทางด้าน โชคลาภเงินทอง มั่งมีศรีสุข
3 แก้วทราย.jpg

ภาพที่ 3 แก้วทรายคำ

         4. แก้วแร แก้วแร นี้เป็นแก้วที่ส่งผลในการค้ำชูสำหรับผู้ที่ทำธุรกิจค้าขาย เป็นแก้วที่จะเหนี่ยวนำให้เกิดความคิด หรือภูมิปัญญาอันเป็นที่มาของโภคทรัพย์ ซึ่งอาจเปรียบเสมือนแก้วจินดามณี อันหมายถึงพระนางจินดา (พระสุรัสวดี) เทวีแห่งปัญญานั่นเองผู้ที่ครอบครองแก้วแรมักจะเกิดญาณทัศนะบางอย่าง ที่ทำให้สามารถหยั่งลึกได้ในลู่ทางของทรัพย์ หรือก่อให้เกิดจินตนาการเชิงศิลปะ อีกทั้งบังเกิดโชคลาภอันเป็นที่มาของทรัพย์อีกด้วย โดยจะแบ่งออกเป็น
             4.1 ประกายแร ถ้าในแก้วมีเส้นแพรแก้ว ในลักษณะควันแพรแก้วมักจะพบในแก้วสีฟ้าควัน แพรแก้วตวัดม้วนอยู่ข้างในและมีประกายแรติดอยู่กับเส้นแพรแก้วด้วยทำให้เกิดวาวแววเหลือบบนผิวแก้ว
             4.2 แรสาด อีกแบบหนึ่งที่เส้นแพรแก้วอยู่ลักษณะโค้งเว้าลงก้นแก้ว ประกายแรกลิ้งได้ แววสาดกลิ้งไปกลิ้งมาบนหน้าแก้ว แบบนี้เรียกว่าแรสาด
             4.3 แรใน แรเหลือบ ยังมีแก้วแบบพิเศษอีกแบบหนึ่งที่มีความแวววาวแรและวาวสีพิเศษในเนื้อแก้วมองๆดูเหมือนแก้วเนื้อใสธรรมดา บางทีก็เห็นเหลือบสีขึ้นมาโดยมองจากแต่ละมุมไม่เหมือนกัน แบบนี้เป็นลักษณะของแก้วแรในแบบ น้ำแก้วน้ำใส วาว 
        แรที่สะท้อนกันเองในแก้วดั่งน้ำและน้ำมันรวมกัน สีที่เจือจางอยู่มุมใดมุมหนึ่งของแก้ว สามารถทอสีขึ้นมาโดยวาวสีเล่นกับวาวแก้วจึงเรียกกันว่าแก้วแรใน สมัยโบราณคนที่เล่นสะสมโป่งข่าม แก้วชนิดนี้มีราคาดีมากเพราะเป็นการเล่นด้วยน้ำใสของแก้ว อีกทั้งยังแรเหลือบสีประหลาดที่เราสามารถเห็นจากข้างใดข้างหนึ่ง แก้วชนิดนี้ถือว่าเป็นแก้วที่หายากมาก
4 แก้วแร.jpg

ภาพที่ 4 แก้วแร

         5. แก้วประภาหมอกมุงเมือง เป็นโป่งข่ามประเภทที่มีเนื้อภายในแก้วมีลักษณะเป็นลายสีขาวขาวขุ่นหนาทึบเหมือนกับเมฆหมอก หมอกมุงเมืองบางเม็ดสีเหมือนตอนฝนใกล้จะตกคือจะออกครึ้มๆ บางเม็ดก็เป็นสีหมอกเหมือนตอนที่วันท้องฟ้าแจ่มใสคือ มีสีหมอกใสหรือหมอกอมฟ้า บางครั้งจะเป็นเพียงริ้วบางๆแทรกด้วยสีฟ้าอ่อน หรือมีลักษณะเหมือนกับควันไฟขาว ๆ ก็ได้ มีความเชื่อกันว่า หากใครได้ครอบครองแก้วหมอกมุงเมือง จะส่งผลให้เกิดความชุ่มเย็นกับตัวเองและครอบครัว และยังส่งผลในด้านทรัพย์สินเงินทองให้บริบูรณ์อีกด้วย
5 แก้วหมอกมุงเมือง.jpg

ภาพที่ 5 แก้วหมอกมุงเมือง

          6. แก้ววิฑูรสีน้ำผึ้ง ลักษณะทั่วไป น้ำแก้วจะมีหลายลักษณะ คือ ประเภทน้ำใสจะมีสีเหลือง โดยทั่วไปแล้วจะมีน้อยมากที่จะพบสีเหลืองใสจริงๆมักจะมีสีขุ่นเหลืองเสียมากกว่า จะไม่ขุ่นมากนัก สีเหลืองขุ่นมีลาย ลักษณะลายประกอยอาจจะมีลายทีเกิดขึ้น เป็นริ้ว หรืออาจจะเป็นวง ๆ คล้าย ๆ กับแก้วตาเสือ อาจจะมีสีภายในเม็ดเดียวกัน เช่นสีขาว สีดำ สีเหลือง ซึ่งเป็นลักษณะที่หายากมาก แก้วสีวิตูลน้ำผึ้งเราจะเปรียบเทียบสีได้จากสีของน้ำผึ้ง คือ จะไม่ออกสีเหลืองมากนัก แต่จะออกสีเหลืองอมส้มผสมอยู่ คุณวิเศษของแก้ววิตูลสีน้ำผึ้งหากผู้ใดที่ได้ครอบครองนำมาเป็นขวัญถุง หัวแหวนหรือจี้ เครื่องประดับต่าง ๆ จะทำให้เกิดโชคลาภทวีคูณ เกิดความชุ่มเย็นมีชื่อเสียงและอำนาจ การค้าขาย การติดต่อ และยังแคล้วคลาดอีกด้วย
6 แก้ววิฑูรสีน้ำผึ้ง.jpg

ภาพที่ 6 แก้ววิฑูรสีน้ำผึ้ง

         7. แก้วพิรุณแสนห่า เป็นแก้วที่มีลักษณะเด่นของลวดลายเป็นสายฝน พุ่งลงมาจากด้านบนสู่ด้านล่าง ซึ่งคล้ายกับฝนที่ตกลงมาเป็นริ้ว ๆ มีความเชื่อกันว่า แก้วพิรุณแสนห่านี้ สามารถคุ้มครองผู้ที่เป็นเจ้าของจะสามารถแคล้วคลาดจากอันตรายทั้งปวง ทำให้ทรัพย์สินงอกเงย อีกทั้งยังทำให้เกิดความเจริญและสามารถพลิกฟื้นชะตาให้ดีขึ้นได้ เปรียบได้กับสายฝนที่สามารถให้ความชุ่มชื้นและพลิกแผ่นดินให้เกิดความอุดมสมบูรณ์เจริญงอกงาม แก่สรรพสิ่งทั้งหลายได้
2 แก้วพิรุณแสนห่า.jpg

ภาพที่ 7 แก้วพิรุณแสนห่า

         8. แก้วปวก คำว่าปวก เป็นภาษาเหนือที่แปลว่า ต่อมน้ำหรือฟองน้ำ แสดงถึงสิ่งที่มีลักษณะฟูขึ้นมา เหมือนต้นไม้, ใบหญ้า, ตะใคร่น้ำ, ประการังหรือสาหร่าย จะเรียกรวมกันว่าปวก แก้วปวกมีหลายวรรณะ เรียกชื่อตามลักษณะ เช่น ปวกเขียว, ปวกแดง, ปวกชมพู, ปวกเงิน, ปวกครั่ง, ปวกลอย, ปวกทราย ฯลฯ คุณสมบัติตามความเชื่อ ถือว่าให้คุณในการทำมาค้าขาย เสน่ห์เมตตามหานิยม สำหรับเวลาไปติดต่อประสานงาน ทำให้ดำเนินการต่าง ๆ ราบรื่น แคล้วคลาดภยันตราย
8 แก้วปวก.jpg

ภาพที่ 8 แก้วปวก

         9. แก้วสามกษัตริย์ แก้วที่เกิดจากการรวมกันของแก้วต่างสกุลในผลึกเดียว เช่น แก้วปวก แก้วทราย แก้วขนเหล็ก เป็นต้น ถือว่าเป็นแก้วที่รวมเอาสิ่งเป็นมงคลไว้ด้วยกัน มีคุณในการเสริมชะตาบารมี ให้โชคลาภ บันดาลความเจริญรุ่งเรืองแก่ผู้ถือครอง เป็นแก้วซึ่งนับว่าเป็นที่ต้องการสูง เนื่องจากใช้ได้กับทุกวันเกิด ทุกราศี และรวมเอาคุณของแก้วต่างๆ ไว้ด้วยกัน เป็นพลังทวีคูณที่จะส่งเสริมในแก้วดวงนั้น การจำแนกแก้วสามกษัตริย์ หลักๆ จะมีแบ่งเป็น ๒แบบ คือ แก้วสามกษัตริย์ ที่เกิดจากการสหชาติ (รวม) ของแก้วต่างสกุลกัน เช่น แก้วปวก, แก้วขนเหล็ก, แก้วเข้าแก้ว เป็นต้น ซึ่งจะเป็นแก้วสามกษัตริย์ที่หายาก และมีค่าสูงอีกประเภทหนึ่ง คือแก้วสามกษัตริย์ที่เกิดจากการสหชาติ ของแก้วประเภทปวก หรือกาบ ซึ่งอยู่ในสกุลเดียวกัน แต่ต่างวรรณะกัน เช่น ประกอบด้วยปวกเขียว, ปวกทอง, ปวกแดง หรือ กาบเงิน กาบทอง กาบแดง เป็นต้น หรือเรียกอีกอย่างว่า แก้ววรรณสาม
9 แก้วสามกษัตริย์.jpg

ภาพที่ 9 แก้วสามกษัตริย์

         10. แก้วนางขวัญ หรือ แก้วจอมขวัญ เป็นแก้วอีกชนิดหนึ่งที่หาได้ยากมาก มีสีพื้นเป็นสีม่วงอ่อน ๆ จนถึงสีม่วงเข้ม (ซึ่งหาได้ยากมาก) สีม่วงนี้จะคล้ายสีม่วงดอกตะแบก หรือม่วงไวโอเล็ต หลายคนเข้าใจว่า จะเหมือนกับอเมทิส (Amethyst) ของประเทศทางตะวันตก แต่แก้วนางขวัญเมื่อทดสอบแล้ว จะมีเนื้อแข็งกว่ามาก คุณวิเศษของแก้วนางขวัญนี้ ดีไปในทางด้านจิตและการนั่งสมาธิ อีกทั้งยังทำให้ผู้ที่ครอบครองมีความเจริญรุ่งเรือง มีชื่อเสียง เป็นยอดในด้านเมตตามหานิยม ส่งเสริมความรักและวาสนา
       ในสมัยโบราณ แก้วชนิดนี้ถือได้ว่าสูงค่ามาก ดั่งที่ว่า "มีค่าแสนคำ" เนื่องจากเป็นแก้วที่กษัตริย์โบราณถวายเป็นสักการะแก่พระบรมสารีริกธาตุใน คราวบรรจุพระธาตุเจดีย์ต่าง ๆ อานุภาพของแก้วนางขวัญจะทำให้ผู้ที่ครอบครองมีเสน่ห์ต่อคนรอบข้าง และยังเชื่อถือกันว่าจะทำให้แคล้วคลาดจากอาถรรพ์เสน่ห์มายาทั้งปวง เพราะจิต (ขวัญ) ของคนผู้นั้นจะถูกคุ้มครองโดยอานุภาพของแก้ว ไม่ให้โดนอำนาจมนต์มายาใดใดสะกดเอาไว้
ภาพ 11.jpg

ภาพที่ 10 แก้วนางขวัญ

         11. แก้วมังคละจุฬามณี คือ แก้วที่มีลักษณะภายในเป็นรูปมงคลต่าง ๆ เช่น องค์พระ, ต้นโพธิ์, ใบโพธิ์, เจดีย์, นาค หรือช้าง เป็นต้น เป็นแก้วที่หาพบได้ ยากมาก และถือได้ว่าเป็นแก้วที่มีค่าเหลือคณานับ หากผู้ใดได้ครอบครอง จะก่อให้เกิดความชุ่มเย็น เจริญด้วยสมบัติ แคล้วคลาดจากภยันตรายต่าง ๆ ทั้งปวง อีกทั้งยังช่วยเสริมบารมี ก่อให้เกิดโชคลาภ ประสพความสำเร็จในหน้าที่การงาน และการค้าขาย
ภาพ 12.jpg

ภาพที่ 11 แก้วมังคละจุฬามณี

         12. แก้วกาบ เป็นแก้วที่มีแก้วหรือแร่ประกอบอยู่ภายใน ในลักษณะที่เป็นแผ่นบาง ๆ ซึ่งอาจจะมีสีเป็นสีทองหรือน้ำตาล ซึ่งเรียกว่า "กาบทอง" หรือมีสีขุ่นเรียกว่า "กาบเงิน" ในบางครั้งอาจจะพบว่าเป็นแก้วใส ๆ ไม่มีสี ประกอบเป็นแผ่นบาง ๆ อยู่ภายใน เชื่อกันว่า แก้วกาบเป็นแก้วที่ให้คุณแก่ผู้ถือครอง ทางด้านหน้าที่การงาน, ยศและตำแหน่ง รวมไปถึงการร่ำรวยเงินทองและอยู่เย็นเป็นสุข
ภาพ 13.jpg

ภาพที่ 12 แก้วกาบ

         โป่งข่ามมีลักษณะพิเศษที่น่าสนใจ อีกมากมายยกตัวอย่าง (เท่าที่ค้นพบ)
             - แก้วแร คือ ลักษณะแถบสีประกายคล่ายตาแมวหรือขึ้น เหลือบๆปุยๆ
             - แก้วสามกษัตริย์ คือ ลักษณะสามประเภทในหนึ่งเดียว หรือมากกว่านั้นก็ได้
             - แก้วมังคละจุฬามณี คือ แก้วที่มีรูปลักษณะคล้ายสิ่งมงคลต่างๆ เช่น ใบโพธ์ รูสิงห์ และอื่นๆ
             - แก้วสักรชาติ คือ ประกายของแก้วอาจมีสีรุ่ง เหลือบสี หรือสตาร์
             - แก้วพรมสมาหน้า คือ ลักษณะของแก้วประเภทต่างๆคล้ายปิระมิด มีทั้งสามหรือสี่หน้า

ประเภทการใช้งาน[แก้ไข]

         - ทำเป็นเครื่องประดับ แหวน สร้อยข้อมือ สร้อยคอ และกำไร
         - สวมใส่เพราะเชื่อใน เรื่องของความเชื่อ

กระบวนการผลิต/ขั้นตอนการใช้งาน[แก้ไข]

         เพื่อให้นำมาทำเป็นหัวพลอยใส่เครื่องประดับ แหวน สร้อยข้อมือ สร้อยคอ และกำไร โดยมีขั้นตอนในการแปรรูปพลอยดังนี้ 
         1. เอาแท่งโป่งข่ามที่ขุดโดยการใช้แชลงมาตัดเป็นท่อนๆเล็กๆโดยคัดส่วนที่สามารถแปรรูปได้ส่วนที่ใช้ไม่ได้จะนำไปทิ้ง
         2. หลังจากการตัดเป็นท่อนๆแล้วจากนั้นจะนำไปโกนด้วยเครื่องปั่นหินหยาบเพื่อขึ้นรูปเป็นเม็ดพลอย
         3. เมื่อได้เม็ดพลอยแล้วเอาติดกับแท่งไม้เพื่อความง่ายในการเจียรไนให้ได้ขนาดหัวเม็ดพลอยตามที่ต้องการ
         4. หลังจากนั้นเอาเม็ดพลอยที่ได้ความใสมาขัดด้วยกระดาษทรายเพื่อความใส
         5. เมื่อเม็ดพลอยมีความใสจากนั้นจะนำเอาเม็ดพลอยมาขัดเงาเพื่อให้เม็ดพลอยดูแวววาว

ข้อมูลการสำรวจ[แก้ไข]

วันเดือนปีที่สำรวจ[แก้ไข]

         4 พฤษภาคม 2561

วันปรับปรุงข้อมูล[แก้ไข]

         -

ผู้สำรวจข้อมูล[แก้ไข]

         ผศ.ดร.ศุภโชคชัย  นันทศรี
         นาย เทพทัต  ทองคุ้ม 

คำสำคัญ (tag)[แก้ไข]

         โป่งข่าม /แก้วโป่งข่ามกำแพงเพชร