ฐานข้อมูล เรื่อง “กระบวนการทำพระเครื่องพิมพ์ดิน” ณ แหล่งเรียนรู้การทำพระเครื่องนครชุม

จาก KPPStudies
ไบยังการนำทาง ไปยังการค้นหา

ข้อมูลทั่วไป[แก้ไข]

ชื่อสถานที่[แก้ไข]

         แหล่งเรียนรู้การทำพระเครื่องนครชุม

ชื่อเรียกอื่น ๆ[แก้ไข]

        บ้านลุงโป้ย

ศาสนา[แก้ไข]

         ศาสนาพุทธ

ที่ตั้ง (ที่อยู่)[แก้ไข]

         หมู่ที่ 3 บ้านปากคลองใต้ ตำบลนครชุม อำเภอเมือง จังหวัดกำแพงเพชร 62000

ที่ตั้งพิกัดทางภูมิศาสตร์[แก้ไข]

         ละติจูด (Latitude) : 16.479173
         ลองติจูด (Longitude) : 99.506302

หน่วยงานที่ดูแลรักษา[แก้ไข]

         เทศบาลเมืองกำแพงเพชร

สถานการณ์ขึ้นทะเบียน[แก้ไข]

         -

วันเดือนปีที่ก่อสร้าง[แก้ไข]

         เริ่มเปิดทำการอย่างเป็นทางการเมื่อ พ.ศ.๒๕๔๘

ข้อมูลจำเพาะ[แก้ไข]

ความเป็นมาของแหล่งเรียนรู้การทำพระเครื่องนครชุม[แก้ไข]

         แหล่งเรียนรู้การทำพระเครื่องนครชุม เป็นแหล่งเรียนรู้ที่คอยถ่ายทอดองค์ความรู้เกี่ยวกับการทำพระเครื่องพิมพ์ดินเผา ด้วยกรรมวิธีโบราณแบบดั่งเดิมที่สืบทอดต่อกันมาของช่างทำพระเครื่องในสมัยอดีต ให้กับผู้ที่สนใจ ทั้งคนในชุมชน นักท่องเที่ยว ทั้งไทยและชาวต่างชาติ  ปัจจุบันการจะหาชมพระเครื่องของเมืองนครชุมเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยากเสียหน่อย แต่หากว่ามาที่แหล่งเรียนรู้การทำพระเครื่องนครชุมแห่งนี้ก็จะได้เห็นพระเครื่องรวมถึงกระบวนการทำพระเครื่องจากตัวเจ้าของแหล่งเรียนรู้ด้วยตนเอง
         แหล่งเรียนรู้การทำพระเครื่องนครชุมแห่งนี้ เริ่มต้นมาจาก นายสมหมาย พยอม ผู้มีถิ่นฐานอยู่ใน   นครชุมและได้มีโอกาสคลุกคลีอยู่กับช่างทำพระเครื่องหรือผู้ที่อยู่ในวงการพระเครื่องบ่อยครั้งด้วยความที่มีใจรัก จึงศึกษาและจดจำวิธีการทำพระเครื่องจากช่างทำพระเครื่องในกำแพงเพชร แล้วนำมาทดลองทำพระซุ้มกอได้เป็นองค์แรก ในปี พ.ศ.2551 ก็ได้จัดตั้งแหล่งเรียนรู้การทำพระเครื่องนครชุมขึ้น ในพื้นที่บริเวณบ้านพักของตนเองเพื่อให้เป็นแหล่งเรียนรู้ของนักเรียน นักศึกษา และประชาชนทั่วไป ที่สนใจในเรื่องวิธีการทำพระเครื่อง ซึ่งภายในแหล่งเรียนรู้ก็จะมีสมาชิกที่คอยสาธิตกระบวนการทำพระเครื่องในขั้นตอนต่างๆ ให้ได้ชม ได้ฝึกปฏิบัติการการทำพระเครื่องด้วยมือตนเอง และยังสามารถนำพระเครื่องที่ตนได้ทำเองนั้นกลับไปได้อีกด้วย
ภาพที่ 1 แหล่งเรียนรู้การทำพระเครื่องนครชุม.jpg

ภาพที่ 1 แหล่งเรียนรู้การทำพระเครื่องนครชุม

ขั้นตอนการพิมพ์พระเครื่องของแหล่งเรียนรู้การทำพระเครื่องนครชุม[แก้ไข]

         สำหรับการทำพระเครื่อง หรือพระพิมพ์ดินนั้น เริ่มจากการนำดินที่ได้มาทุบ แล้วหมักไว้ 1 คืน จากนั้นก็นำดินมานวดให้นิ่มพอดี ไม่แข็งหรือเหลวเกินไป ถัดมา ให้นำแป้งมาโดยที่แม่พิมพ์พระเพื่อที่เวลากดดินลงกับแม่พิมพ์แล้วดินจะได้ไม่ติดกับแม่พิมพ์ และสามารถนำดินออกมาได้ง่ายโดยแม่พิมพ์พระที่ใช้ก็ได้มาจากการจำลองจากพระเครื่องนครชุมของแท้ ที่เป็นของเก่าของแก่จึงทำให้พระพิมพ์ที่ทำออกมานั้นมีรูปร่างลักษณะคล้ายกับของเก่ามากทีเดียว เมื่อกดดินลงกับแม่พิมพ์จนดินขึ้นเป็นรูปแล้ว ก็นำออกมาใส่ถาดพึ่งลมไว้ในร่มประมาณจนแห้ง และนำออกตากแดดให้แห้งสนิทต่อด้วยการนำพระไปเผาที่เตาประมาณ ๒๔ ชั่วโมง ซึ่งจะต้องคอยเติมถ่าน และควบคุมไม่ให้ไฟแรงเกินไป ครบกำหนดเวลาแล้วก็นำพระออกจากเตา นำมาวางเรียงเพื่อใส่รา ใส่คราบพระ สุดท้ายให้นำใบตองแห้งของกล้วยน้ำว้ามาขัด ก็จะได้พระเครื่องนครชุมที่ดูคล้ายของเก่าแก่ พระเครื่องหรือพระพิมพ์ ที่ได้มานั้น ทำให้คนรุ่นปัจจุบันได้ศึกษาตั้งแต่ความเป็นมาตั้งแต่สมัยก่อน จนมาถึงกระบวนการทำพระในสมัยนี้ ที่ยังคงความงามตามภูมิปัญญาดั้งเดิมของชนชาวไทย และยังเป็นการสืบสานพุทธศิลป์ที่สวยงามนี้ไว้ต่อไป โดยในปัจจุบันมีคุณดวงรัตน์ พะยอม เป็นผู้สอนและถ่ายทอดกระบวนการทำพระเครื่องพิมพ์ดินให้กับที่แหล่งเรียนรู้การทำพระเครื่องนครชุม
ภาพที่ 2 คุณดวงรัตน์ พะยอม.jpg

ภาพที่ 2 คุณดวงรัตน์ พะยอม ผู้ดูแลและถ่ายทอดองค์ความรู้การทำพระเครื่องในแหล่งเรียนรู้

         แหล่งเรียนรู้การทำพระเครื่องนครชุม จังหวัดกำแพงเพชร ได้มีขั้นตอนการพิมพ์พระได้แก่การทำ  พระพิมพ์เล็ก และพิมพ์ใหญ่ ดังรายละเอียดต่อไปนี้ 
         ในกระบวนการทำพระเครื่องนั้นจะแบ่งขึ้นตอนการทำเอาไว้อยู่ 5 กระบวนการหลักๆ ดังนี้
             1. กระบวนการเตรียมดิน
             2. กระบวนการพิมพ์พระ
             3. กระบวนการผึ่งและตากพระ
             4. กระบวนการเผา
             5. กระบวนการใส่รายละเอียดพระ

ตารางแสดงการเปรียบเทียบขั้นตอนในการทำพระเครื่องพิมพ์ดินเผาขนาดเล็กและขนาดใหญ่

ขั้นตอนการทำพระพิมพ์เล็ก ขั้นตอนการทำพระพิมพ์ใหญ่
- ทุบดิน (หมักไว้ 1 คืน) - ทุบดิน (หมักไว้ 1 คืน)
- นำดินมานวดให้นิ่ม (ไม่เหลวหรือแข็งเกินไป) - นำดินมานวดให้นิ่ม (ไม่เหลวหรือแข็งเกินไป)
- โรยแป้งที่แม่พิมพ์พระ - โรยแป้งที่แม่พิมพ์พระ
- นำดินมากดที่แม่พิมพ์พระ - นำดินมากดที่แม่พิมพ์พระ
- นำพระออกจากแม่พิมพ์พระมาใส่ถาด - นำพระออกจากแม่พิมพ์พระมาใส่ถาด
นำพระมาผึ่งลมในร่มประมาณ 2 วัน - นำพระมาผึ่งลมในร่มให้แห้งสนิทประมาณ 15 วัน
- นำพระมาตากแดดจนแห้งสนิท - นำพระมาตากแดดจนแห้งสนิทประมาณ 3 วัน
- นำพระไปเผาที่เตา และคอยเติมถ่าน ประมาณ 24 ชั่วโมง - นำพระไปเผาที่เตา และคอยเติมถ่าน ประมาณ 24 ชั่วโมง
- นำพระออกจากเตา - นำพระออกจากเตา
- นำพระมาเรียงใส่รา และใส่คราบพระ - นำพระมาเรียงใส่รา และใส่คราบพระ
- นำใบตองแห้งมาขัดพระ (ใช้ใบตองจากต้นกล้วยน้ำว้า) - นำใบตองแห้งมาขัดพระ (ใช้ใบตองจากต้นกล้วยน้ำว้า)
         1. กระบวนการเตรียมดิน
         ในการเตรียมดินนั้นจะต้องเตรียมดินโดยการทุบดินและหมักดินทิ้งไว้อย่างน้อย 1 คืน อาจเก็บไว้โดยใส่ในถุงพลาสติกปิดให้มิดชิดไม่ให้อากาศเข้า เพราะอากาศจะทำให้ดินแห้งและไม่สามารถนำมาใช้ในการทำพระเครื่องได้ เมื่อจะนำมาใช้ในการทำพระเครื่องให้นำดินออกมาจากถุงและนำมานวดให้นิ่มการนวดดินต้องนวดให้พอประมาณ การนวดนานเกินไปจะทำให้ดินนิ่มหรือเหลวเกินไป ถ้านวดน้อยเกินไปก็จะทำให้ดินแข็ง ลักษณะดินอ่อนดินแข็งจะใช้ในการทำพระเครื่องที่มีพิมพ์ที่แตกตางกันออกไป บางพิมพ์จะต้องการใช้ดินที่นิ่ม บางพิมพ์จะต้องการใช้ดินที่แข็ง
         2. พิมพ์พระ
         พิมพ์พระที่มีอยู่ในแหล่งเรียนรู้การทำพระเครื่องส่วนใหญ่จะเป็นพิมพ์พระที่ได้แม่พิมพ์มาจากพระแท้ ดังนั้นความสวยงาม ความเหมือนจริงของพิมพ์จึงมีความสมบูรณ์ใกล้เคียงกับพระแท้มาก โดยพิมพ์พระแบบดั้งเดิมจะเป็นพิมพ์ดินเผา แต่ในปัจจุบันมีการใช้แม่พิมพ์ที่ทำจากเรซิ่นมากขึ้น เนื่องจากทำง่ายและดูแลรักษาง่ายกว่าแม่พิมพ์ดิน
ภาพที่ 3 พิมพ์พระ.jpg

ภาพที่ 3 พิมพ์พระ

         3. แป้ง
         การโรยแป้งลงบนแม่พิมพ์พระก่อนจะเป็นการช่วยให้เนื้อดินไม่ติดกับไม่พิมพ์ ทำให้ตอนที่แกะดินออกจากพิมพ์ทำได้ง่ายขึ้น ยิ่งดินที่นิ่มเกินไปจะติดแม่พิมพ์ได้ง่าย ทำให้แกะออกจากพิมพ์ยาก หรือแกะออกมาแล้วมีส่วนที่เสียหาย โดยแป้งที่นำมาโรยจะให้ผ้ามาหุ้มไว้แบบลูกประคบ เพื่อให้ง่ายต่อการใช้งานและควบคุมแป้งได้ง่ายขึ้น
ภาพที่ 4 การโรยแป้ง.jpg

ภาพที่ 4 การโรยแป้ง

       4.การกดพระ

การกดพระเป็นหัวใจสำคัญในการทำพระเครื่องพิมพ์ดินเลยก็ว่าได้ การกดที่ออกแรงมากจนเกินไปจะทำให้ดินกดกับแม่พิมพ์มากเกินจนรายละเอียดที่ได้แตกไม่สวย ในทางกลับกันถ้าออกแรงกดน้อยเกินไป ดินก็จะสัมผัสกับแม่พิมพ์เพียงผิวเผินทำให้รายละเอียดที่ได้ขาดความคมชัดไป การกดพระจะเริ่มจากการวางดินที่นวดแล้วลงบนแม่พิมพ์และเริ่มกดดินจากส่วนบนไล่ลงล่าง เนื้อดินที่เหลือก็จะทำการดึงออกจากพิมพ์ ดังนั้นก่อนการกดดิน ควรกะขนาดและปริมาณของเนื้อดินที่จะกดให้พอดีกับแม่พิมพ์ด้วย เมื่อกดพระเสร็จก็จะเป็นขั้นตอนในการดึงพระออกจากพิมพ์ โดยการใช้ดินก้อนเล็กๆแตะบริเวณด้วนหลังของพระและดึงออกมาจากแม่พิมพ์ตรงๆ เมื่อดึงขึ้นมาขอบพระ ผิวพระอาจจะมีส่วนที่บิดงอไม่สวย หรือรายละเอียดเสียไปเล็กน้อยก็ใช้วิธีการเอานิ้วจุ่มน้ำมาทำการลูบเก็บบริเวณขอบของพระให้เนียนเรียบเสมอกัน ส่วนด้านหลังพระที่ไม่เนียนเรียบก็ใช้วิธีการกระแทกพระลงกับพื้นโต๊ะเบาๆเพื่อให้ด้านหลังนั้นเรียบเสมอกัน

ภาพที่ 5 การกดพระและดึงพระ.jpg

ภาพที่ 5 การกดพระและดึงพระออกจากแม่พิมพ์

         5. การตากพระ
         เมื่อดึงพระออกจากพิมพ์และตกแต่งรายละเอียดเรียบร้อยแล้ว ก็เป็นขึ้นตอนของการตากพระให้แห้งโดยมีข้อห้ามคือห้ามนำพระที่ออกจากพิมพ์ใหม่ๆไปตากแดดเป็นอันขาดเพราะความร้อนจะทำให้ดินแห้งไวเกินไปและทำให้เกิดรอยร้าวรอยแตกได้ ให้นำพระที่ได้ตากร่มไว้ในร่มไม่ให้โดนแดดตรงๆประมาณ 2 วันสำหรับพระพิมพ์เล็กหรือพระที่มีความหนาไม่มาก ส่วนพระพิมพ์ใหญ่หรือพระที่มีความหนามากต้องใช้เวลาในการตากลมประมาณ 15 วัน เพื่อให้ด้านในของพระแห้งสนิทจริงๆ และเหลือความชื้นน้อยที่สุดจึงค่อยนำไปตากแดดอีกประมาณ 1-3 วัน เพื่อให้พระแห้งสนิทก่อนนำไปเผา
ภาพที่ 6 การตากพระ.jpg

ภาพที่ 6 การตากพระ

         6. การเผาพระ
         ในการเผาพระจะใช้ระยะเวลาในการเผ่าประมาณ 24 ชั่วโมง โดยการเผาจะใช้เตาเผาแต่เติมเชื้อเพลิงหรือถ่านเป็นระยะๆ เพื่อให้ความร้อนสม่ำเสมอ พระที่ถูกความร้อนพอดีจะเป็นสีส้ม ส่วนที่โดนขี้เถ้าคลุมไว้จะกลายเป็นสีดำ ดังนั้นจึงต้องคอยดูปริมาณขี้เถ้าในเตาให้ดีด้วย พระที่ไม่แห้งสนิท หรือบางมากเกินไป เมื่อโดนความร้อนมากอาจมีการระเบิดเสียหายเกิดขึ้นได้
ภาพที่ 7 การเผาพระ.jpg

ภาพที่ 7 การเผาพระ

         7. การใส่รา ใส่คราบ และการขัดใบตอง
         เมื่อนำพระออกจากเตาแล้วก็เป็นขั้นตอนของการทำพรให้ดูเหมือนพระเก่า โดยมีเทคนิคในการทำให้พระดูเก่าอยู่ด้วยกัน 3 ขั้นตอนคือการใส่รา และการใส่คราบ และการขัดพระด้วยใบตองกล้วนน้ำว้า จะทำให้พื้นผิวของพระเป็นเงาขึ้นมา
ภาพที่ 8 การใส่รา ใส่คราบ.jpg

ภาพที่ 8 การใส่รา ใส่คราบ และการขัดใบตอง

         สีของพระเครื่องเมืองกำแพง
         สีของพระเครื่องกำแพงเพชรมีหลายสี แต่พระเครื่องที่ปรากฏเป็นสีต่าง ๆนั้นน่าจะมาจากสีของว่านเกสรและผงต่าง ๆ เช่นสีแดง ของว่านดอกมะขาม สบู่เลือด และอื่น ๆ สีเหลืองของ ดอกไม้นานาชนิด สีดำ ของผงใบลานเผา สีขาวจากผงพระพุทธคุณ และ ว่านบางชนิด จึงทำให้เกิดพระเครื่องสีต่าง ๆขึ้น ตามแต่จะมีส่วนผสมว่านหรือเกสร หรือผงอะไรมาก ก็ดูออกเป็นสีนั้น ๆ มาก เช่น 
         สีแดง มีทั้งแดงจัด (คล้ายสีครั่ง) แดงชมพู (แดงปนขาว) แดงหม้อใหม่ (แดงปนเหลือง) แดงคล้ำ (แดงปนดำ)
         สีดำ มีทั้งดำจัด (แบบเนื้อผงใบลาน) เทาดำ (ดำปนขาว) ดำม่วง(ดำปนแดง) จะมีคล้ายสีหว้าหรือดอก มะเขือเข้ม ๆ 
         สีเหลือง มีทั้งสีเหลืองเกสรดอกไม้ (สีพิกุลแห้ง) เหลืองจำปา (เหลืองปนแดง) เหลืองอ่อนสำหรับเหลืองปนดำ ทำให้เกิดสีที่สวยงามอีกสีหนึ่งคือ สีเขียว
         สีเขียว มีทั้งสีเขียวมอย (เขียวเทาๆ) และเขียวแก่ เป็นสีของว่าน ที่ผสมลงในเนื้อดิน

ข้อมูลการสำรวจ[แก้ไข]

แหล่งอ้างอิง[แก้ไข]

         แหล่งการเรียนรู้การทำพระเครื่องนครชุม

วัน เดือน ปี ที่สำรวจ[แก้ไข]

         ลงพื้นที่สำรวจเมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2560

วันปรับปรุงข้อมูล[แก้ไข]

         14 กุมภาพันธ์ 2562

ผู้สำรวจข้อมูล[แก้ไข]

         อาจารย์ธนกิจ  โคกทอง 

คำสำคัญ (tag)[แก้ไข]

         แหล่งเรียนรู้การทำพระเครื่องนครชุม, พระเครื่อง, นครชุม