บุคคลสำคัญ ปราชญ์ชาวบ้าน แทงหยวก อำเภอพรานกระต่าย จังหวัดกำแพงเพชร
ไบยังการนำทาง
ไปยังการค้นหา
เนื้อหา
บทนำ[แก้ไข]
ประเทศไทยมีวัฒนธรรมและประเพณีอันเก่าแก่ที่สืบทอดต่อกันมานานนับหลายร้อยปี กาลเวลาอาจพัดพาให้วัฒนธรรมและประเพณีบางอย่างอาจเปลี่ยนแปลงไปเพื่อให้เหมาะสมกับความสะดวกส่วนบุคคล เวลาและความต้องการของสังคมไปบ้างอีกทั้งกระแสของสังคมโลกผันแปรไปตามยุคสมัย ความนิยมกระแสต่างๆจากต่างประเทศที่เข้ามาพร้อมกับเทคโนโลยีอันทันสมัย เข้ามามีบทบาททำให้ขนบธรรมเนียมวัฒนธรรม ประเพณี ความเชื่อ ฯลฯ ของคนไทยเปลี่ยนไปอย่างมาก ดังจะเห็นได้จากกระแสละครเรื่อง บุพเพสันนิวาส ที่ออกอากาศทางวิทยุโทรทัศน์ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก หัวใจของการพัฒนามรดกทางวัฒนธรรมให้ยั่งยืนนั้นคือ “การศึกษา” (education) ซึ่งความสนุกของละคร ที่ได้รับความนิยมคือการสร้างมายาคติของความสมจริงซึ่งผู้ชมในยุคสมัยใหม่สามารถเข้าถึงได้หรือมีจุดขายซึ่งโยงเข้าหาตนเอง เช่น ตัวละครที่มีนิสัยและมุมมองสมัยใหม่ แต่เข้าไปเรียนรู้และซึมซับวัฒนธรรมและศิลปะในอดีต ในขณะเดียวกันก็ถ่ายทอดสังคมในอดีตให้สมจริงโดยการเน้นมิติที่หลากหลายทั้งด้านดีและด้านเสียของธรรมเนียมประเพณีและประวัติศาสตร์ จากกระแสบุพเพสันนิวาสฟีเวอร์ทำให้คนไทยหันมาสนใจประวัติศาสตร์ ขนมธรรมเนียมประเพณี วัฒนธรรมของไทยเพิ่มขึ้นอย่างมาก ทำให้หวลคิดถึงศิลปวัฒนธรรมอันดีที่บรรพบุรุษสืบทอดมายังคนรุ่นหลังเป็นจำนวนมาก บางอย่างเกือบจะสูญหายไปแล้ว งานศิลปหัตถกรรมการแทงหยวกเป็นงานที่มีความสวยงามมีคุณค่าทางศิลปวัฒนธรรมเป็นงานที่สะท้อนให้เห็นถึงความเป็นเอกลักษณ์ของท้องถิ่นเป็นภูมิปัญญาที่สั่งสมมานาน ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรจะให้ความสนใจศึกษาแนวทางการอนุรักษ์และพัฒนาให้เกิดเป็นรูปธรรมมากขึ้นเพื่อก่อให้เกิดรายได้ในครัวเรือนและชุมชน ช่างแทงหยวกจะต้องศึกษาและพัฒนารูปแบบลวดลายอุปกรณ์ที่ใช้ในการแทงหยวก ตลอดจนวิธีการและขั้นตอนการดำเนินงานทางธุรกิจอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอทำให้ครัวเรือนและชุมชนมีความยั่งยืนต่อไป อำเภอพรานกระต่ายเป็นอำเภอเก่าแก่ในจังหวัดกำแพงเพชร มีภาษาถิ่นและเขตพื้นที่ติดต่อกับจังหวัดสุโขทัยซึ่งเคยเป็นราชธานี ทำให้วัฒนธรรมโบราณหลากหลายด้านปรากฏขึ้นที่อำเภอแห่งนี้ แม้แต่ศิลปะช่างสิบหมู่อย่างการแทงหยวก ก็ยังคงหลงเหลือผู้สืบสานต่อจากบรรพบุรุษ บทความนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาชีวประวัติช่างแทงหยวกและรวบรวมวิธีการทำการแทงหยวกของชาวอำเภอพรานกระต่าย จังหวัดกำแพงเพชร ได้แก่ นายธรรมนูญ ยายอด
คำสำคัญ : แทงหยวก , กล้วย , พรานกระต่าย , จังหวัดกำแพงเพชร , ช่างสิบหมู่
ชีวประวัติ/ความเป็นมา[แก้ไข]
นายธรรมนูญ ยายอด (ชาวบ้านทั่วไปเรียก อาจารย์นูญ) เกิดเมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ.2498 ปัจจุบันอายุ 63 ปี บิดาชื่อ นายคำ ยายอด มารดาชื่อ นางมาลัย ยายอด ทั้งบิดา-มารดาเป็นชาวพรานกระต่ายโดยกำเนิด ปัจจุบันเสียชีวิตแล้วทั้งคู่ มีพี่น้องร่วมบิดา ทั้งหมด 3 คน ซึ่งบิดาได้แต่งงานใหม่กับคุณแม่มาลัย ยายอด ซึ่งเป็นมารดาของอาจารย์นูญเนื่องจากภรรยาคนแรกได้เสียชีวิต และมีพี่น้องร่วมบิดา-มารดา จำนวน 6 คน ซึ่งอาจารย์นูญเป็นบุตรคนที่ 2 พี่น้องส่วนใหญ่ประกอบอาชีพค้าขายและทำเกษตรกรรม มีเพียง 1 คนที่เป็นพนักงานรัฐวิสาหกิจ (การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคอำเภอคีรีมาส จังหวัดสุโขทัย) ในช่วงวัยเด็กเป็นคนที่ชื่นชอบงานที่พ่อคำ ยายอด ทำอยู่เล็งเห็นว่าเป็นงานที่รักษาวัฒนธรรมไทยและเป็นการช่วยเหลือทำนุบำรุงศาสนา อีกทั้งช่วยงานบุคคลอื่น จึงช่วยงานพ่อคำมาตลอด เมื่อครั้งศึกษาจบประถมศึกษา 5 ตนเองหยุดการเรียน และได้ออกมาทำการเกษตรกรรม ในระหว่างนั้นเองได้ฝึกฝนการแทงหยวกหลังจากที่ตนเสร็จภารกิจจากงานการเกษตร ตกค่ำก็ใช้เวลาที่เหลือฝึกฝนการแทงหยวกโดยเริ่มจากการฝึกแทงลายพื้นฐาน คือ ลายฟันปลา ลายฟันสาม และลายฟันห้า ต่อมาในปี พ.ศ.2519 ตนเองได้เริ่มทำอย่างจริงจัง ในปี พ.ศ.2520 จนถึง พ.ศ.2531 (11 พรรษา) ได้อุปสมบท ณ วัดไตรภูมิ ตำบลพรานกระต่าย อำเภอพรานกระต่าย จังหวัดกำแพงเพชร และได้เข้าศึกษาจนสำเร็จระดับมัธยมศึกษาปีที่ ๓ และนักธรรมชั้นเอก ซึ่งเป็นระดับการศึกษาทางพุทธศาสนาในประเทศไทย แผนกธรรม เป็นชั้นสูงสุดของการศึกษาระดับพื้นฐานของพระสงฆ์ สามเณรในประเทศไทย ซึ่งความสามารถในการแทงหยวกได้รับอิทธิพลมาจากบิดา คือ นายคำ ยายอด ซึ่งคุณพ่อคำได้ร่ำเรียนวิชาการแทงหยวกเมื่อครั้งอุปสมบท ณ วัดเสด็จ อำเภอเมือง จังหวัดกำแพงเพชร ซึ่งในบรรดาพี่น้องของตนเองไม่มีใครสืบทอดงานจากพ่อคำเลย อาจารย์นูญด้วยความรัก ที่มีให้พ่อคำ ตั้งใจที่จะสืบทอดงานของพ่อคำ ไม่ได้คิดทำเพื่อคนอื่นตั้งใจทำให้พ่อ อุทิศกำลังกายและใจ ความรู้และความสามารถ เพื่อประโยชน์ต่อสังคม และในปี พ.ศ.2535 นายธรรมนูญ ยายอด สมรสกับนางจิราภรณ์ ยายอด มีบุตร 1 คน คือ นายปรัชญา ยายอด ปัจจุบันศึกษาอยู่ที่คณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร บรรดาลูกศิษย์ของอาจารย์นูญ มีหลายท่าน แต่ปัจจุบันได้เสียชีวิตไปหลายคน และบางคนก็อยู่ต่างอำเภอกัน คือ นายจรัญ บุญกลอน (เสียชีวิต เมษายน พ.ศ.2561) อาจารย์นูญกล่าวว่า ศิษย์เอกที่เก่งที่สุด เก่งกว่าตนเองเสียอีก เพราะนายจรัญเป็นความที่มีความคิดสร้างสรรค์มักชอบคิดค้นลายใหม่ๆอยู่เสมอและทำออกมาได้สวยสดงดงามเสียยิ่งว่าอาจารย์ นายวินัย ชูพันธ์ (เสียชีวิต) เป็นศิษย์ที่มีทั้งความรู้และความสามารถหลากหลายด้าน นอกจากการแทงหยวกแล้ว ยังประกอบอาชีพเป็นพนักงานรัฐวิสาหกิจที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคอำเภอพรานกระต่าย นายลือ (ทิดลือ อาจารย์นูญจำชื่อ-สกุลจริงไม่ได้ และเสียชีวิต) และอาจารย์เผื่อน (เจ้าอาวาสวัดไตรภูมิ อำเภอพรานกระต่าย จังหวัดกำแพงเพชร และเสียชีวิต) การแทงหยวก เป็นศิลปะที่สืบทอดจากบรรพบุรุษมาหลายร้อยปี ซึ่งเป็นการทำให้สถานที่หรือประดับประดาในแหล่งต่างๆ เราสามารถใช้การแทงหยวกได้หลากหลายประเพณีหลากหลายพิธีกรรม ไม่ว่าจะเป็น งานบวช งานแต่งงาน งานกฐิน-ผ้าป่า ประดับรถแห่ งานศพ เมรุเผาศพ ฯลฯ ไม่ว่างานมงคลหรืองานอวมงคลก็สามารถใช้การแทงหยวกประดับได้ทั้งสิ้น ซึ่งมีเครื่องมือ-อุปกรณ์ และวิธีการแทงหยวก ดังนี้ กระบวนการแทงหยวกนั้น ต้องเริ่มจากการไหว้ครู เพื่อรำลึกถึงครูอาจารย์ ประกอบด้วย • ธูป 3 ดอก • เทียนขี้ผึ้ง 1 เล่ม • ดอกไม้ 3 สี • สุรา 1 ขวด • ผ้าขาวม้า 1 ผืน • เงินค่าครู 142 บาท ในส่วนของค่าแรงนั้นไม่ได้เรียกร้องแล้วแต่จะให้
อุปกรณ์ในการแทงหยวก[แก้ไข]
มีดสำหรับแทงหยวก เป็นเครื่องมือหลัก ช่างแต่ละคนจะมีมีดแทงหยวกเป็นของส่วนตัว ซึ่งอาจารย์นูญมีมีดแทงหยวกของตนเอง 2 ชุดและยังเก็บมีดของพ่อคำ ยายอด เก็บไว้ระลึกถึงและใช้ในการไหว้ครูทุกครั้งที่ทำการแทงหยวก ตอก เป็นอุปกรณ์ใช้สำหรับประกอบเข้าเป็นส่วนต่างๆ ซึ่งตอกที่ใช้จะมีหลายขนาด เนื่องจากการประกอบเข้าแต่ละส่วนของหยวกเข้าหลายรูปแบบ ต้นกล้วยตานี ที่ต้องกล้วยตานีเพราะไม่แตกง่าย ปัจจุบันต้นกล้วยตานีหายากและมีขนาดไม่เหมาะสมสำหรับใช้งานแต่ก็ยังพอหาได้ หาไม่มากล้วยตานีแล้วสามารถใช้ต้นกล้วยน้ำว้าแทน โดยไม่ว่าจะเป็นกล้วยตานีหรือกล้วยน้ำว้า หลักการคือ ต้องเป็นต้นกล้วยสาว ต้นกล้วยที่ยังไม่มีเครือหรือยังไม่ออกหวีกล้วย ต้นกล้วยจะอ่อนแทงลวดลายได้ง่ายและงดงาม กระดาษสี ใช้สำหรับรองรับลวดลายต้นกล้วยให้ปรากฏชัดเจนและตัดเพื่อตกแต่งให้มีสีสันสวยงามมากขึ้น กระดาษสีจะต้องมีทักษะในการตัดให้ชำนาญจะออกมางดงาม ขั้นตอนในการแทงหยวกและประกอบเข้าส่วนเป็นลายชุดนั้น มี 3 ขั้นตอน ดังนี้ 1. ขั้นเตรียมหยวกกล้วย 2. ขั้นแทงลวดลายลงบนหยวก 3. ขั้นประกอบเป็นลายชุด
ภาพที่ 1 นายธรรมนูญ ยายอด ช่างแทงหยวก ชาวพรานกระต่าย จังหวัดกำแพงเพชร
ภาพที่ 2 ร้านค้าขายของนายธรรมนูญ ยายอด
ภาพที่ 3 ภรรยาและบุตรของนายธรรมนูญ ยายอด
ภาพที่ 4 การทำการแทงหยวกกับลูกศิษย์
ภาพที่ 5 พิธีไหว้ครูช่างแทงหยวก
ภาพที่ 6 มีดแทงหยวกของพ่อคำ ยายอด (บิดาของนายธรรมนูญ ยายอด)
ภาพที่ 7 การแทงลวดลายลงบนหยวก
ภาพที่ 8 การประกอบเป็นลายชุด
ความชำนาญ/ความสนใจ[แก้ไข]
นายธรรมนูญ ยายอดเป็นบุคคลที่มีความสามารถด้านงานช่างในหลากหลายประเภทนอกจากงานแทงหยวกแล้วยังชำนาญงานไม้ การค้าขายหีบศพ/ดอกไม้จันทน์ และมีลายมือที่สวยงามสามารถเขียนป้ายในงานพิธีต่างๆ อีกทั้งยังเชี่ยวชาญงานตัดกระดาษ เช่น พวงมะโหด ตกแต่งงานพิธีกรรม รวมไปถึงการเจ้าพิธีในงานต่างๆ
ภาพที่ 9 งานตัดกระดาษ ผลงานของนายธรรมนูญ ยายอด
ผลงานสำคัญ/ที่สร้างชื่อเสียง[แก้ไข]
การแทงหยวกเป็นศิลปวัฒนธรรมที่สืบทอดมาเนิ่นนาน ดังนั้นจึงมีลักษณะงานแทงหยวกแบบทั่วไป แต่อาจารย์นูญได้ริเริ่มสร้างสรรค์ดัดแปลงให้ดูสร้างสรรค์ขึ้น โดยงานแรกที่ทำแตกต่างไปจากเดิม คือ งานทำบุญ 7 วันของมารดา นางมาลัย ยายอด ซึ่งได้จัดทำเป็นแท่นหลายชั้นเพื่อใช้วางภาพถ่ายและสิ่งของอื่น ซึ่งอาจารย์นูญมีความภาคภูมิใจในงานนี้มากที่สุด หากเป็นผลงานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยทำมา เนื่องจากงานแทงหยวกเป็นงานที่ใช้วัสดุธรรมชาติจึงเป็นต้องทำสด ใช้วันต่อวัน งานที่ใหญ่ก็ต้องใช้วัสดุอุปกรณ์มากขึ้น จำนวนช่างมากขึ้น อีกทั้งต้องทำงานแข่งขันกับเวลาเพราะต้นกล้วยอาจเหี่ยวทำให้ไม่สวยงามเท่าที่ควร งานชิ้นนั้น คือ งานศพของลุงเขียว นิลรัตน์ ญาติผู้ใหญ่ที่อาจารย์นูญเคารพรัก อีกทั้งเป็นเพื่อนสนิทของพ่อคำ ยายอด บิดาของอาจารย์นูญอีกด้วย ซึ่งทั้งคู่เป็นผู้ที่มีจิตใจรักในศิลปวัฒนธรรม มีคุณธรรมและศีลธรรม มีจิตใจช่วยงานวัดในเขตอำเภอพรานกระต่ายอยู่เสมอ กล่าวได้ว่า “ลุงเขียวเป็นคนบอกบุญเพราะวาจาดี ส่วนพ่อคำเป็นคนลงมือทำเพราะมีฝีมือทางงานช่าง”ก็ว่าได้ และลุงเขียวก็เป็นบุคคลเก่าแก่ เป็นที่รักของชาวพรานกระต่าย มีผู้คนรู้จักมากมาย งานศพจึงต้องจัดให้สมเกียรติจึงทำให้ผลงานชิ้นนี้เป็นผลงานที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยทำมา อีกหนึ่งผลงาน ที่ยิ่งใหญ่ไม่แพ้กันคือ งานศพของนายหวัด ตันเจริญ เป็นบุคคลเก่าแก่ของอำเภอพรานกระต่ายมีบุตรรับราชการในอำเภอพรานกระต่ายหลายคนและเป็นครอบครัวที่มีฐานะดีจึงจัดงานอย่างสมเกียรติ ผู้วายชนเมื่อครั้งที่ยังมีลูกศิษย์ช่วยงาน ได้รับเชิญให้ไปช่วยงานแทงหยวกประกวดขบวนรถประดับจากกล้วยไข่และพืชผลทางการเกษตรของแต่ละอำเภอที่จะต้องส่งเข้าประกวดเป็นเวลาหลายปีซึ่งเป็นอีกงานหนึ่งที่อาจารย์นูญภูมิใจที่ได้ช่วยเหลืองานของบ้านเกิด
ภาพที่ 10 ผลงานการแทงหยวกประดับงานศพ นายเขียว นิลรัตน์
ภาพที่ 11 ผลงานการแทงหยวกประดับงานศพนายหวัด ตันเจริญ
ภาพที่ 12 งานทำบุญ 7 วันของมารดา นางมาลัย ยายอด
แนวทางการปฏิบัติ/การดำเนินชีวิต[แก้ไข]
“ทำดีแต่อย่าเด่นจะเป็นภัย” ความหมายคือ อย่าแซงหน้าใจเพราะรู้หน้าไม่รู้ใจ เขาจะเล่นงานเราเมื่อไรก็ไม่รู้ ตอนบวชนั้นอาจารย์นูญได้รับความชื่นชอบด้วยลีลาการเทศที่เข้าถึงใจ จึงได้รับการนิมนต์ให้ไปเทศน์บ่อยครั้ง แต่ท่านขอให้หมุนเวียนให้ท่านอื่นด้วยเรียงไปตามลำดับ พระท่านอื่นก็มีความสามารถในการเทศน์เช่นกัน “อย่าโกงกิน ซื่อกินไม่หมด คิดกินไม่นาน” ความหมายคือ การมีความซื่อสัตย์จะทำให้คนเชื่อใจ ไม่มีวันอดตาย แต่หากเป็นคนที่มีนิสัยคดโกง แม้จะมีคนให้ผลประโยชน์แต่เมื่อไปโกงแล้วเค้าจับได้ก็จะไม่คบค้าสมาคมด้วย ในที่สุดก็จะทุกข์ยาก
ภาพที่ 13 นายธรรมนูญ ยายอดทำกิจการค้าขาย ใช้ชีวิตอย่าพอเพียงและเรียบง่าย
บทสรุป[แก้ไข]
จากการศึกษาชีวประวัติของช่างแทงหยวกแห่งพรานกระต่าย ที่สืบสานศิลปวัฒนธรรมอันดีจากบรรพบุรุษ ทำให้ทราบถึงความรัก ความเชื่อในขนมธรรมเนียมประเพณีที่อาจารย์นูญได้ยืดมั่นมาโดยตลอด ศิลปวัฒนธรรมไทยนั้น “บรรพบุรุษทำมาไม่ใช่แค่ปีสองปี คนรุ่นใหม่เผาทิ้งหมด ต้องรักษาไว้ (เสียใจ)” ถ้าไม่มีใครสนใจก็จะสูญหาย คนรุ่นหลังเป็นรั่วของชาติหากไม่สืบทอดก็จะหมดไป อาจารย์นูญ กล่าวทิ้งท้ายว่า “มาฝึกกันเสียตอนนี้ ไปปลุกในเมรุให้มาสอนกันไม่ได้นะ